ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2271 ข้าต้องการพบนาง
นางเดินเข้าไปในค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างแทบจะไม่มีความลังเลเลย ลำแสงจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนลอยออกมาจากสองมือของนาง ทั้งยังซ้อนทับได้อย่างรวดเร็ว และประสานกันเป็นค่ายกลที่มีความลึกลับซับซ้อนมาก
คนจำนวนมากที่เห็นดังนั้นก็รู้สึกตาลาย
ตั้งแต่ต้นจนจบ การเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่เด็ดขาดและไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
ลำแสงทุกเส้น เหมือนมีความคิดเป็นของตนเอง และมันตกไปอยู่ในตำแหน่งที่ควร
หลังจากผ่านไปสักพัก ค่ายกลอันลึกลับก็ปรากฏตรงหน้าของนาง
อีกทั้งพื้นผิวเดิมก็ถูกเติมเต็มได้อย่างรวดเร็ว
“คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถทะลวงค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้จริงๆ?”
หลังจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นในตอนแรก ตอนนี้คนรอบข้างก็เงียบเสียงไป สายตาของคนจำนวนมากมองภาพเหตุการณ์นั้นตาไม่กะพริบ เพราะกลัวว่าตนเองจะพลาดอะไรไป
มู่หยาเฟิงก็กำลังมองอยู่ด้วย
แต่ยิ่งมองนางก็ยิ่งตื่นตระหนก
ท่าทางของฉู่หลิวเยว่นั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่เคยทะลวงค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรก
“หรือว่านางจะหลบซ่อนความสามารถของตนเองเอาไว้?”
มู่หยาเฟิงพูดเสียงต่ำขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
นอกจากคำตอบนี้แล้ว
นางก็ไม่สามารถหาคำอธิบายอะไรที่สมเหตุสมผลไปมากกว่านี้แล้ว
แต่ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็ทะลวงสู่เซียนหมอระดับปรมาจารย์ แล้วเหตุใดนางถึงยังเป็นยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อีกล่ะ?
ต่อให้พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์จะรวบรวมอัจฉริยะระดับสูงเอาไว้ แต่ก็ไม่เคยมีใครมีความสามารถที่ท้าทายสวรรค์ขนาดนี้มาก่อนเลย!
เขาเอามีมือไพล่หลัง จากนั้นก็มองตรงไปทางทิศทางตรงหน้า
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็เดินออกมาทางด้านนอกอย่างไม่ลังเล
ต่อให้นางไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยพรสวรรค์ระดับนี้ก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากเช่นกัน
เขาจำเป็นจะต้องไปดูด้วยตาตัวเอง
หลังจากเดินผ่านจัตุรัสหยกดำไปแล้ว หางตาของเขาก็มองเห็นอวี้เชียนกำลังยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
จิ้นอวิ๋นไหล่สาวเท้าไปหนึ่งก้าว แล้วเข้าไปพยักหน้าทำความเคารพอวี้เชียน
“เสินสื่อลำดับที่สอง”
อวี้เชียนถามขึ้น
“เจ้าจะไปพบซั่งกวนเยว่หรือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะสามารถคาดเดาได้ ดังนั้นเขาจึงพยักหน้า
“ขอรับ”
อวี้เชียนหัวเราะขึ้น
“ได้ยินมาว่านางยังอายุไม่ถึงยี่สิบเลย แต่กลับมีความสามารถเช่นนี้แล้ว นับว่าหาได้ยากจริงๆ”
จิ้นอวิ๋นไหล่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
ความจริงแล้วอวี้เชียนมีสายตากว้างไกล คนที่สามารถทำให้เขาชื่นชมได้ ภายในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“หากเจ้าจะไปก็ไปเถอะ รอจนนางเดินทางผ่านเส้นทางดวงดาวมาได้ก็พานางไปที่ภูเขาเฟิ่งหมิง บอกว่าข้าต้องการพบนาง”
จิ้นอวิ๋นไหล่ตกตะลึง
“ภูเขาเฟิ่งหมิง?”
อวี้เชียนพยักหน้า ก่อนหัวเราะออกมา
“เจ้าอาจจะยังไม่รู้ สัตว์อสูรในพันธสัญญาของนางคือนายน้อยแห่งเผ่าหงส์ทองคำตอนนี้”
…
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็สามารถดึงดูดสายตาผู้คนรอบข้างได้ทันที
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ดมาแล้ว!”
“ที่เขามาในตอนนี้ หรือว่าเขาจะมาหาซั่งกวนเยว่?”
“จะต้องใช่แน่นอน ท้ายที่สุดแล้วบนเส้นทางดวงดาวก็มีนางเพียงคนเดียว”
“ด้วยพรสวรรค์และความสามารถระดับนั้น หากเป็นคนอื่นเสินสื่อลำดับที่เจ็ดคงมาถึงตั้งนานแล้ว นี่เพียงแต่ซั่งกวนเยว่ไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเขาจึงถ่วงเวลากว่าจะมาถึงในตอนนี้”
เมื่อมู่หยาเฟิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว นางก็รีบเงยหน้าขึ้นทันที
เมื่อเห็นว่าคนมาใหม่คือจิ้นอวิ๋นไหล่ นางก็เม้มริมฝีปาก เล็บจิกเข้าที่กลางฝ่ามือ
แม้กระทั่งท่านผู้นี้ก็ยังมาถึงแล้ว…หรือว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้?
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น!
มู่หยาเฟิงหันกลับไปมอง จากนั้นก็เห็นค่ายกลที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิม แสงสีเงินส่องสว่างมากกว่าเดิม มันบานสะพรั่งเหมือนกับดอกไม้ไฟที่ถูกจุดกลางอากาศ!
รอบข้างเต็มไปด้วยประกายแสงสว่างเจิดจ้า ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่ภายใต้แสงสะท้อนนั้นถูกเคลือบด้วยลำแสงส่องประกาย
ทุกคนต่างเงียบกริบ
ทะลวงค่ายกลระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่…สำเร็จแล้ว!
และนั่นก็หมายความว่า ฉู่หลิวเยว่ได้เลื่อนขั้นสู่ระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเป็นทางการแล้ว!
…
มู่หยาเฟิงมีใบหน้าซีดขาว แทบจะไม่สามารถยืนตัวตรงได้
ช่วงนี้นางได้รับการโจมตีมากมายจากหลายทาง
แต่สาเหตุทั้งหมดมาจากคนคนเดียวกัน
รวมถึงจิ้นอวิ๋นไหล่ด้วย
เมื่อมองไปทางหญิงสาวชุดแดง ปลายผมพลิ้วไสว เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“ก่อนหน้านี้เจ้าจงใจปิดบังความสามารถที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
การทะลวงค่ายกลนี้ถือว่าไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
เมื่อนางได้ยินเสียงของจิ้นอวิ๋นไหล่ นางจึงได้ถอนสายตากลับมา มุมปากยกเว้นขึ้นเป็นรอยยิ้มที่สดใส
“เปล่านี่เจ้าคะ เหตุใดเสินสื่อลำดับที่เจ็ดพูดอะไรเช่นนั้น?”
จิ้นอวิ๋นไหล่กลับไม่เชื่อ
“หากก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่ยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมภายในระยะเวลาสั้นๆ เจ้าก็สามารถเข้าใจค่ายกลเหล่านี้ได้อย่างถ่องแท้ล่ะ?”
ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็ต้องใช้เวลาเกือบเดือน
แต่นางเพิ่งมาถึงพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นานเท่าไรเอง!
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นบางๆ
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ด ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังฝีมือ ข้าเชื่อว่าท่านก็มองมันออก ส่วนข้าสามารถบรรลุเป้าหมายด้วยระยะเวลาสั้นๆ เหล่านี้ได้อย่างไรนั้น เหตุผลก็ง่ายมาก…พรสวรรค์ของข้าล้ำเลิศอย่างไรเล่า”
จิ้นอวิ๋นไหล่ “…”
ทุกคน “…”
คำตอบนี้ยากจะปฏิเสธ
เมื่อเห็นท่าทีผ่อนคลายของฉู่หลิวเยว่ ภายในใจของจิ้นอวิ๋นไหล่ก็สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย
หรือว่า…ก่อนหน้านี้เขาจะประเมินนางต่ำไปจริงๆ?
ที่แล้วตอนที่นางเดินอยู่บนเส้นทางดวงดาว เขาก็ให้ความสนใจกับนาง และมั่นใจว่านางไม่ใช่ยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
จิ้นอวิ๋นไหล่ขมวดคิ้วขึ้น
ตอนนี้เหมือนเขาเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว เหตุใดร้านเจินเป่าเก๋อถึงได้เลือกนาง
หากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริงล่ะก็ เช่นนั้น…ความสามารถที่นางครอบครองก็น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง!
จิ้นอวิ๋นไหล่จ้องหน้านางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นว่า
“เจ้าต้องการเดินทางต่อไปหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่เบนสายตาหันไปมองด้านหน้า
ค่ายกลในตอนนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ดังนั้นจึงไม่ได้เปลืองแรงมากนัก
แต่ว่า…
จิ้นอวิ๋นไหล่มาที่นี่ในตอนนี้ เหมือนจะมีเรื่องไม่ธรรมดา
“ไม่แล้ว”
นางส่ายหน้าแล้วหันมองทางจิ้นอวิ๋นไหล่
“เสินสื่อลำดับที่เจ็ดมาหาข้ามีเรื่องอันใดอย่างนั้นหรือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่รู้ว่านางเป็นคนฉลาด ดังนั้นซึ่งพยักหน้าทันทีโดยไม่ปิดบัง
“เจ้าตามข้ามา”
เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
จิ้นอวิ๋นไหล่ดูถูกนางมาโดยตลอด วันนี้เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเดินทางมาหานางด้วยตนเอง
อีกทั้งกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปยังตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์?
มีอะไรที่พูดที่นี่ไม่ได้กัน?
ฉู่หลิวเยว่คำนวณอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เดินติดตามไปอย่างไม่ลังเล
หลังจากทั้งสองคนจากไปแล้ว กลุ่มคนที่เคยเงียบเสียงก็ส่งเสียงอึกทึกขึ้นมาทันที พวกเขากำลังคาดเดาไปต่างๆ นานา
มู่หยาเฟิงได้ยินดังนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีอย่างหมดความอดทน
…
อีกทางหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็เดินตามจิ้นอวิ๋นไหล่มาด้านหน้า
ระหว่างทางจิ้นอวิ๋นไหล่เงียบเสียงไม่พูดไม่จา ฉู่หลิวเยว่ก็ยังรักษาความสงบต่อไป
ทั้งสองคนเดินตามกันไป แต่ไม่ได้หยุดอยู่ที่ประตูบานใหญ่หน้าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นจิ้นอวิ๋นไหล่ก็เปลี่ยนทิศทาง เดินไปทางด้านขวา
………………..