ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2282 เงาร่างของใคร
ตอนที่ 2282 เงาร่างของใคร
………………..
มู่หงอวี่หันไปมองหรงซิวด้วยความประหลาดใจพลางพูดขึ้น
“ความหมายขององค์ชายก็คือ…”
ในปีนั้นผู้อาวุโสลำดับที่ห้าเคยบรรลุขอบเขตมหายานขั้นสูง บัดนี้เจ้าเป็นเพียงขอบเขตมหายานขั้นต้นเท่านั้น จึงมีข้อจำกัดมากมาย หากเจ้าสามารถทะลวงไปถึงระดับขอบเขตมหายานขั้นสูงได้ เจ้าก็จะยิ่งสามารถข้ามผ่านข้อจำกัดของความว่างเปล่าได้ทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะได้พบผู้อาวุโสลำดับที่ห้าเท่านั้น แต่ยังสามารถพาตัวเขาออกมาได้โดยไม่ให้ใครรู้อีกด้วย”
หรงซิวอธิบายด้วยเสียงราบเรียบ
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้น
“หรงซิว เรื่องนี้…เจ้ารู้ได้อย่างไร”
ขอบเขตมหายานขั้นสูง ขอบเขตมหายานขั้นต้น…นางไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่จากท่าทางของเขา กลับแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี
หรงซิวพูดด้วยรอยยิ้มขึ้นว่า
“ในตอนที่ส่งพลังปราณของผู้อาวุโสลำดับที่ห้ากลับไป เขาเคยเล่าเรื่อเหล่านี้ให้ข้าฟัง”
ฉู่หลิวเยว่กระพริบตาไปมา
“จริงรึ? แต่เมื่อก่อนที่ข้าอยู่ทะเลทรายจันทราสีชาดมานาน เขากลับไม่เคยพูดถึงเลย?”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้น
“เจ้าแน่ใจหรือว่าตอนนั้นเจ้ามีเวลาฟังเขาพูดเรื่องพวกนี้?”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่กระตุกพลางพูดขึ้น
“…ไม่มี”
ตอนนั้นเวลาและกำลังทั้งหมดของนางล้วนทุ่มเทให้กับค่ายกลและตำรับยาอย่างเต็มที่
แม้พยายามอย่างสุดชีวิต ก็ยังได้รับคำตำหนิและดูถูกหลายครั้งจากพี่เป่าอย่างเลี่ยงไม่ได้
ในที่สุดทั้งสองจึงหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เยงคำพูดว่า ‘ขอให้โชคดี’ แก่กับนาง
แค่คิดก็เศร้าใจ
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้ว
“ก็จริงอย่างที่พูด”
สีหน้าของมู่หงอวี่สบสนขึ้น
“แต่ว่าแค่ขอบเขตมหายานขั้นต้นข้ายังทะลวงผ่านได้ยากนัก หากเป็นขอบเขตมหายานขั้นสูงนั้นยิ่งเหมือนอยู่ไกลเกินเอื้อมในระยะเวลาอันสั้นเช่นนี้ เกรงว่าข้าคงไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้กระมัง”
ก่อนหน้านี้ยังมีผู้อาวุโสลำดับที่ห้าคอยชี้แนะ นางถึงสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ทุกอย่างแทบต้องพึ่งการค้นหาด้วยตนเอง
หรงซิวหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
“แม้ว่าร่างซวีหยวนจะหายากในอาณาจักรเสิ่นซวี่ แต่ในพระราวังมายาศักดิ์สิทธิ์ก็เคยมีผู้แข็งแกร่งระดับมหายานขั้นสูงอยู่หลายคน หากได้เคล็ดวิชาที่พวกเขาทิ้งไว้ ก็น่าจะช่วยให้บรรลุพลังได้เร็วขึ้น”
มู่หงอวี่มีสีหน้ามึนงงไปชั่วครู่
“แต่ของเช่นนี้ จะไปหาจากที่ไหนได้เล่า”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นในทันที
“ข้ารู้ว่าที่ใดมี”
…
ร้านเจินเป่าเก๋อ
หมิงซูเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจและเอ่ยถามขึ้น
“ท่านต้องการเคล็ดวิชาฝึกขอบเขตมหายานขั้นสูงอย่างนั้นหรือ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ารับ
“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว เพียงแต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมีผู้ฝึกร่างซวีหยวนปรากฏขึ้นเลย ดังนั้นผู้ดูแลรองจึงสั่งให้เก็บของเหล่านี้ไว้ หากท่านต้องการ ข้าจะนำมาให้”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกโล่งใจขึ้น
“ขอบคุณใต้เต้าหมิง”
หมิงซูยิ้มจนตาหยี
“สิ่งนี้จะต้องขอบคุณอะไรกัน เพียงแต่คุณหนูชั่งกวนดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้มีร่างซวีหยวน เพราะของสิ่งนี้ท่านจะเอาไปให้คุณหนูท่านนี้ใช่หรือไม่”
ขณะที่พูดเขาเหลือบตามองมู่หงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่ไม่ปฏิเสธกลับยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้ารับ
“ใช่แล้ว”
หมิงซูจึงพูดขึ้น
“เช่นนั้นเชิญท่านรอที่นี่สักครู่ ข้าจะขึ้นไปหยิบมาให้”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันกลับขึ้นไปยังชั้นสอง
ในชั้นแรกที่กว้างขวางของร้านเจินเป่าเก๋อจึงเหลือเพียงฉู่หลิวเยว่และมู่หงอวี่สองคนเท่านั้น
มู่หงอวี่เบิกตากว้าง มองไปรอบๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลางอุทานด้วยความประหลาดใจ
“หลิวเยว่ ที่นี่มีของดี…ไม่น้อยจริงๆ เชียวนะ!”
นางเพียงมองคร่าวๆ แวบหนึ่ง ก็เห็นของล้ำค่ามากมายที่หาได้ยากจากข้างนอก
ฉู่หลิวเยว่พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นว่า
“ที่นี่เป็นร้านใหญ่ที่สุดในพระราวังมายาศักดิ์สิทธิ์ เก็บสะสมของล้ำค่าไว้มากมาย จึงย่อมไม่ธรรมดา”
มู่หงอวี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แม้ในดวงตาจะยังคงตกตะลึงอยู่
“แต่ร้านนี้ก็ช่างน่าสนใจจริงๆ คาดไม่ถึงว่าชื่อร้านจะเหมือนกับที่เย่าเฉินพอดีเลย ช่างบังเอิญนัก”
มู่หงอวี่ลูบคางครุ่นคิด
“ร้านของเย่าฉินกับที่นี่ต่างกันราวฟ้ากับดินเลยล่ะ จริงสิ หลิวเยว่ เมื่อครู่ข้าเห็นใต้เท้าหมิงปฏิบัติกับเจ้าดีจริงๆ! ไม่ใช่ว่าร้านเจินเป่าเก๋อ แม้แต่เสินสื่อยังต้องเกรงกลัวไม่ใช่หรือ? สถานะของเขาน่าจะมีสูงอยู่ไม่น้อย แต่กลับสุภาพกับเจ้ามากเหลือเกิน!”
ไม่ใช่แค่สุภาพธรรมดา เรียกได้ว่าใส่ใจอย่างมาก
“ถ้าไม่รู้มาก่อน ยังนึกว่าเจ้าเป็นนายของเขาเสียอีก”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะพลางดีดที่หน้าผากของมู่หงอวี่
“อย่าพูดเหลวไหล หากท่านหมิงได้ยินเข้าคงไม่ดีนัก เพียงเพราะพวกเขาเลือกให้ข้ามาช่วยสร้างค่ายกล ดังนั้นความสัมพันธ์ก็เลยสนิทสนมกัน”
มู่หงอวี่แลบลิ้นล้อเลียนไปมา
“เช่นนั้นก็นับว่าพวกเขามีสายตาเฉียบคม ถึงเลือกได้เจ้ามา! แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าร้านเจินเป่าเก๋อมีใครหนุนหลังอยู่? ในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ยังมีใครที่มีสถานะสูงกว่าเสินสื่ออีกหรือ”
จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวของฉู่หลิวเยว่
ผู้ที่สามารถทำให้เสินสื่อเกรงกลัวได้ ก็มีเพียง…ท่านเทพในตำนานท่านนั้นเท่านั้น!
…
ณ ภูเขาเฟิ่งหมิง
ถวนจื่อยืนอยู่บนยอดเขา
ในเวลานี้ดวงตาคู่สวยราวกับผลองุ่นดำกำลังปิดสนิท ขนตาที่หนาและแผ่เรียวยาวสั่นไหวเบาๆ
สายลมพัดผ่าน ยกชายกระโปรงของนางขึ้นเล็กน้อย
ระฆังทองบนศีรษะส่งเสียงดังกังวาน
พลังมหาศาลที่เดือดพล่านใต้ฝ่าเท้าของนางกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างไม่ขาดสาย!
พลังปราณรอบตัวนางก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ตรงกลางหน้าผากของนางตราสัญลักษณ์นั้นปรากฏวับวาบขึ้น
เบื้องหน้าของนางเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ต้นนั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ว่ามันผลิใบอ่อนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งใบ และเอนไหวตามสายลม
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดถวนจื่อก็ลืมตาขึ้นและถอนหายใจยาว
“ฟู่…”
ดวงตาของนางสุกใสเป็นประกายยิ่งนัก และดูเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ แต่หลังจากผ่านไปสักพักจึงค่อยๆ สงบลง
จากนั้นนางยื่นมือเล็กๆ ออกมาจัดชายกระโปรงของตนเองพร้อมกับบ่นพึมพำเสียงเบาๆ ขึ้นว่า
“กระโปรงข้ายุ่งหมดแล้ว…”
ในขณะนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงพรึ่บพรั่บดังขึ้นจากที่ไกลๆ
นางเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่ตั้งใจและตกตะลึงขึ้นในทันที
เงาร่างหนึ่งที่เลือนลางพุ่งผ่านสายตาของนางไปอย่างรวดเร็ว!
นั่นคือ…