ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2283 ขอบเขตมหายานขั้นสูง
ตอนที่ 2283 ขอบเขตมหายานขั้นสูง
………………..
ถวนจื่อดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ
นางรีบก้าวขึ้นไปอีกสองก้าวเพื่อมองให้ชัดขึ้น แต่เงาร่างนั้นกลับหายไปจากสายตา
เหนือกลางอากาศพลันว่างเปล่า ราวกับไม่มีอะไรปรากฏขึ้นมาก่อน
ถวนจื่อขยี้ตาตัวเองพลางพูดขึ้น
“หรือข้าตาฝาด?”
เมื่อครู่นี้นางรู้สึกว่าเห็น…
แต่เป็นไปไม่ได้!
คิ้วเล็กๆ ของนางขมวดแน่น ไม่ว่าคิดอย่างไรก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ค่อยปกตินัก
“รอให้อาเยว่มาถึงก่อนแล้วค่อยถามดีกว่า!”
นางพยักหน้าอย่างครุ่นคิด
ทันใดนั้น…
เสียงพลังบางอย่างพลุ่งขึ้นมาจากด้านข้าง
เมื่อนางหันไปมองก็พบว่าเมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์ที่นางฝังไว้ก่อนหน้านี้ ใบอ่อนเหล่านั้นกำลังสั่นไหวเบาๆ ออกมา
แม้ว่าขอบเขตจะน้อยมาก แต่ก็ยังสามารถโยกย้ายพลังแห่งสวรรค์และโลกบริเวณรอบๆ ได้อย่างง่ายดาย
บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุของสิ่งนี้ด้วย นางรู้สึกว่าพลังปราณที่เย็นชาและโดดเดี่ยวของภูเขาเฟิงหมิงลดลงไปอย่างมาก
นางเดินเข้าไปและใช้มือเรียวเล็กค่อยๆ ลูบที่ด้านบนของมัน
“เจ้าต้องรีบโตไวๆ นะ! ตรงนี้มันเปลือยเปล่า ดูแล้วมันน่าเกลียดจริงๆ!”
เมล็ดพันธุ์ศักดิ์สิทธิ์สั่นไหวเล็กน้อยราวกับตอบรับคำพูดของนาง
เมฆเคลื่อนตัวตามแรงลม
เมื่อมาถึงตรงหน้าของทั้งสองคน เขายื่นกล่องไม้นั้นให้ด้วยสองมือ พร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วพูดว่า
“คุณหนูซั่งกวน คุณหนูมู่ ขออภัยด้วย ของชิ้นนี้ถูกเก็บไว้มานานหลายปีแล้ว ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหาเจอถึงได้มาช้าไปหน่อย”
“เชิญท่านท่านสองตรวจสอบ”
ฉู่หลิวเยว่ยกมุมปากโค้งงอพลางพูดขึ้น
“ใต้เท้าหมิงเกรงใจแล้ว เดิมทีเป็นพวกเราที่ขอความช่วยเหลือจากท่าน ควรเป็นพวกเราที่ต้องขอบคุณท่าน”
ขณะที่พูดนางก็ก็พยักหน้าให้หงอวี่
“หงอวี่ ของสิ่งนี้ข้าไม่ค่อยเข้าใจ เจ้าดูเถอะ”
มู่หงอวี่พยายามควบคุมความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็นไว้ในใจ พลางรับกล่องไม้จันทน์สีดำนั้นมา
กล่องนั้นไม่ได้ลงกุญแจ สามารถเปิดได้โดยตรง
ด้านในมีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่
มู่หงอวี่หยิบหนังสือขึ้นมา เปิดดูสองสามหน้า ในชั่วพริบตาดวงตากลมโตของนางพลันเป็นประกายขึ้น
“นี่คือเคล็ดวิชาฝึกฝนขอบเขตมหายานขั้นสูงจริงๆ!”
นางมองไปทางหลิวเยว่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่บนมุมปากอย่างปิดไม่มิด
ฉู่หลิวเยว่ก็ยิ้มออกมาเช่นกัน
ร้านเจินเป่าเก๋อช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ที่สามารถมีของเช่นนี้ได้…
นางมองไปทางหมิงซูพลางเอ่ยถามขึ้น
“ใต้เท้าหมิง ไม่ทราบว่าราคาของหนังสือเล่มนี้…”
พูดยังไม่ทันจบ หมิงซูก็ยิ้มพลางโบกมือ
“คุณหนูซั่งกวน คุณหนูมู่ ของสิ่งนี้ร้านเจินเป่าเก๋อของเรามอบให้พวกท่านทั้งสองโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”
ฉู่หลิวเยว่และมู่หงอวี่ต่างชะงักไปครู่หนึ่ง
“ให้เลยหรือ”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นด้วยความลังเล
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ล้ำค่าเพียงใด แต่ร้านเจินเป่าเก๋อยังยอมมอบให้เช่นนี้จริงๆ หรือ
ต่อให้ใจกว้างขนาดไหน ก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้ได้?
มู่หงอวี่ก็ชะงักไปเช่นกัน
ร้านนี้…ช่างใจกว้างยิ่งนัก!
หมิงซูยิ้มพลางพูดอธิบายขึ้น
“ทั้งสองท่านอาจไม่ทราบ พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ผ่านมานับพันปีแล้วที่ไม่เคยมีร่างวิญญาณอันว่างเปล่าปรากฏขึ้น แม้จะย้อนกลับไปหมื่นปี ก็มีเพียงสามคนเท่านั้น แต่ทั้งสามคนก็ยังไม่ทันได้บรรลุถึงขอบเขตมหายานขั้นต้น ก็ต้องจากไปอย่างน่าเสียดาย คุณหนูมู่ หากข้าคาดไม่ผิด ท่านเพิ่งจะทะลวงผ่านขอบเขตมหายานขั้นต้นได้ใช่หรือไม่”
มู่หงอวี่พยักหน้า
“ถูกต้องแล้ว คุณหนูมู่มาจากอาณาจักรเสิ่นซวี่และด้วยอายุเท่านี้ก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตมหายานขั้นต้นได้แล้ว ในภายหน้าคงมิอาจเลี่ยงได้ที่ทะลวงขั้นได้ถึงขอบเขตมหายานขั้นสูง ก็เพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น หนังสือเล่มนี้เก็บไว้ที่ร้านเจินเป่าเก๋อของเราก็ไม่มีประโยชน์อันใด นอกจากถูกวางทิ้งให้ฝุ่นจับเสียเปล่า แต่หากมอบให้คุณหนูมู่ กลับมีประโยชน์อย่างมาก”
ดวงตาของหมิงซูเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างเปิดเผย
“หนังสือเล่มนี้ ถือว่าเป็นของขวัญพบหน้าจากร้านเจินเป่าเก๋อของเราเพื่อสร้างสัมพันธ์กับท่าน คุณหนูมู่ไม่ต้องเกรงใจ”
มู่หงอวี่กะพริบตาไปมา
เช่นนี้นับว่าเป็น…เพราะเห็นในความสามารถของนาง ดังนั้นคงใช้ของสิ่งนี้เป็นการแสดงความเป็นมิตรไมตรีอย่างนั้นหรือ
แต่สิ่งนี้ล้ำค่าเกินไป…
มู่หงอวี่หันไปมองฉู่หลิวเยว่โดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ความตั้งใจของร้านเจินเป่าเก๋อนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง และก็เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล
แต่…ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคาดหวังในตัวมู่หงอวี่ การมอบเคล็ดวิชาขอบเขตมหายานขั้นสูงให้โดยตรงเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะมากเกินไป…
“จริง ๆ แล้วทั้งสองท่านไม่ต้องกังวลไป ร่างวิญญาณอันว่างเปล่าเป็นรูปแบบการฝึกฝนที่หาได้ยากนัก วิธีการฝึกฝนของมันแตกต่างจากการฝึกฝนทั่วไปโดยสิ้นเชิง ต่อให้หนังสือเล่มนี้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น พวกเขาก็จะไม่เข้าใจมัน สำหรับคนส่วนใหญ่มันจึงไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอันใด แต่เป็นเพียงหนังสือที่ไร้ความหมายเล่มหนึ่งเท่านั้น ตอนนี้เมื่อคุณหนูมู่มีความสามารถเช่นนี้ เช่นนั้นย่อมไม่ควรปล่อยให้เสียเปล่า”
สรุปก็คือการแสดงน้ำใจที่ไม่ต้องลงแรงมากนั้น
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่อาจปฏิเสธต่อไปได้
อย่างไรจุดประสงค์ที่มาครั้งนี้ก็เพื่อสิ่งนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นต้องขอบคุณใต้เท้าหมิงยิ่งนัก”
มู่หงอวี่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณใต้เท้าหมิง!”
หมิงซูหัวเราะเบาๆ
“เรื่องเล็กน้อย มิอาจให้กล่วถึง หวังว่าคุณหนูมู่จะสามารถทะลวงขอบเขตมหายานขั้นสูงได้ในเร็ววัน”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองมู่หงอวี่แวบหนึ่ง
“หงอวี่ เดี๋ยวเจ้ากลับไปก่อน ที่นี่ข้ายังมีค่ายกลบางส่วนที่ยังไม่ได้ทำซ้ำ”
เช่นนี้ก็นับว่าเป็นการตอบแทนร้านเจินเป่าเก๋อเช่นกัน
มู่หงอวี่ตอบรับ ก่อนกล่าวลาและจากไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงเดินขึ้นไปยังชั้นสอง
…
นางทำความเข้าใจปรมาจารย์ค่ายกลระดับมหาราชาบนเส้นทางแห่งดวงดาวได้ทั้งหมดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงส่วนของระดับยอดปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น
ในห้องบนชั้นสองฉู่หลิวเยว่ใช้เวลานานอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะคัดลอกค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์ทั้งหมดจากหนังสือ ‘ภาพทมิฬสิ้นอัคคี’ ได้สำเร็จ แต่ยังลองฝึกวิชาค่ายกลระดับยอดราชันปรมาจารย์อีกสองสามชุด
แม้ว่าระดับความยากจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ทุกอย่างก็ยังดำเนินไปอย่างราบรื่น สิ่งที่สูญเสียมากที่สุดก็แค่เวลาและพลังเท่านั้น
สิ่งเหล่านี้สำหรับฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้ เป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ยังคงวนซ้ำอยู่ในหัวของนางไม่หยุด
มุมปากของนางโค้งงอเล็กน้อย
ตอนนี้นางอยากจะพบผู้ดูแลรองของร้านเจินเป่าเก๋อนี้แล้วจริงๆ โดยเฉพาะเจ้าของร้านที่เลื่องชื่อผู้นั้น
แม้คำพูดของหมิงซูเมื่อครู่จะฟังดูไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่เมื่อฉู่หลิวเยว่กลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง นางกลับพบว่าจริงๆ แล้วยังมีปัญหาของเหตุผลที่ใหญ่ที่สุดอีกประการหนึ่ง
การที่ร้านเจินเป่าเก๋อต้องการจะดึงตัวมู่หงอวี่ที่มีความสามารถด้านร่างวิญญาณอันว่างเปล่านั้น เป็นสิ่งที่เข้าใจได้
แต่ประเด็นสำคัญคือ…พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้เลย
ก็จริงอยู่ที่ร่างวิญญาณอันว่างเปล่าหาได้ยากนัก แต่มู่หงอวี่ในตอนนี้ก็ยังอยู่ในขอบเขตมหายานขั้นต้นเท่านั้นและยังไม่แน่ชัดว่าจะสามารถทะลวงไปถึงขอบเขตมหายานขั้นสูงได้หรือไม่
ต่อให้นางสามารถทะลวงถึงขอบเขตมหายานขั้นสูงได้สำเร็จ สำหรับร้านเจินเป่าเก๋อนั้น ก็ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องพยายามเอาใจนางมากมายเช่นนี้
ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่เสินสื่อก็ต้องเกรงใจพวกเขาสามส่วน
ร้านเจินเป่าเก๋อที่มีผู้อุปถัมภ์อันแข็งแกร่ง อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องเอาใจใครเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นเสียงเปิดประตูดังขึ้นจากด้านนอก ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปด้านนอก
นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว และเมื่อออกมาก็พบกับหมิงซูที่เดินออกมาจากห้องท้ายสุดตรงทางเดินเข้าพอดี
เมื่อผ่านบานประตูที่เปิดแง้มอยู่ ร่างเงาหนึ่งปรากฏวาบวับขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย