ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2285 การแย่งชิง!
ตอนที่ 2285 การแย่งชิง!
………………..
ทันใดนั้นเปลวไฟสีทองแดงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างกะทันหัน!
“พลังปราณของหงส์ทองคำ?”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำด้วยความประหลาดใจ
ถวนจื่อจึงมองตามนางไป หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง ใบหน้าเล็กๆ ของนางก็ย่นขึ้นทันที
“นั้นคือผู้อาวุโสใหญ่!”
ฉู่หลิวเยว่หันมองนางอย่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
“ผู้อาวุโสอี้กง? ถวนจื่อ เจ้าแน่ใจ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
ถวนจื่อกัดฟันเบา ๆ พลางพูดด้วยความมั่นใจ
“เรื่องเช่นนี้ข้าไม่มีทางจำผิดเป็นแน่! นั่นแหละเขา! และเขายังพยายามเปิดเส้นชีพจรอยู่ด้วย!”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้นเล็กน้อย
ถวนจื่อมีสายเลือดบริสุทธิ์และเป็นถึงนายน้อย นางย่อมสามารถรับรู้พลังปราณของกลุ่มหงส์ทองคำทุกคนได้อย่างแม่นยำ
นางย่อมไม่มีทางจำผิด
อีกทั้งบัดนี้อี้เจาถูกขังที่ทะเลอัสนีบาต ส่วนเผ่าที่เหลือถูกเขาผนึกไว้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวง
มีเพียงอี้กงที่ไม่อยู่
นอกจากเขาแล้ว ย่อมไม่มีคำตอบอื่นใดอีก
“ที่แท้เขาก็อยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์…”
ฉู่หลิวเยว่สงสัยมาโดยตลอดว่าการหายตัวไปของอี้กงมีบางอย่างผิดปกติ และตอนนี้ดูเหมือนจะยืนยันได้แล้วว่าเขาทรยศต่อเผ่าหงส์หงส์ทองคำ
ไม่เช่นนั้น เขาจะไปเอาทุนที่ใดมาเปิดเส้นชีพจรในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ในเวลานี้?
ฟึบ!
ถวนจื่อพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พลางคว้าขนนกทองคำบรรพบุรุษกลับมาไว้ในมือ
“ห้ามไป!”
เขาจะเปิดชีพจรเส้นที่เจ็ด?
นางไม่ยอมแน่!
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น
ไม่คาดคิดเลยว่าถวนจื่อจะทำเช่นนี้ได้…
ขนนกทองคำบรรพบุรุษดิ้นในมือของถวนจื่ออยู่ครู่หนึ่ง และยอมจำนนในที่สุด
เพราะพลังแห่งสายเลือดบริสุทธิ์ย่อมแข็งแกร่งกว่า
ถวนจื่อเบิกต้ากว้างด้วยดวงตากลมโตดำขลับราวกับผลองุ่น และพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่ดุร้าย
“ข้าจะรอดูว่า ครั้งนี้เขาจะเปิดชีพจรได้อย่างไร! ฮึ!”
…
ขณะเดียวกันอี้กงที่อยู่ที่ใดสักที่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดก็สัมผัสถึงความผิดปกติ จึงลืมตาขึ้นในทันที
มันแปลกไป
เหตุใดขนนกทองคำบรรพบุรุษถึงยังไม่ปรากฏออกมา?
แม้ว่าสถานที่นี้จะไม่ใช่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแต่เขาเองก็ยังเป็นหงส์ทองคำผู้มีพลังแห่งสายเลือดอันแข็งแกร่ง
เพียงการเตรียมเปิดเส้นชีพจร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขนนกทองคำบรรพบุรุษควรจะปรากฏขึ้นตามคำเรียกเสมอ
“ดูแล้วความสามารถของเจ้าจะยังห่างจากนางอีกไกลนัก”
เสียงนุ่มลึกและแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง
อี้กงหันกลับไปอย่างรวดเร็ว
“เสินสื่อลำดับที่สอง?”
“ใช่แล้ว ข้ามีบางเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเจ้า ตอนนี้ถวนจื่ออยู่ที่ภูเขาเฟิ่งหมิงแล้ว เหตุที่เจ้าไม่สามารถเรียกขนนกทองคำบรรพบุรุษได้ น่าจะเป็นเพราะนางนั่นแหละ”
อี้กงตกใจไปชั่วขณะ จากนั้นความรู้สึกไม่พอใจก็พลุ่งขึ้นมาในใจ
เขาทุ่มเทไปมากมายเพียงใด เพื่อการเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ด?
ไม่ง่ายนักกว่าจะรอมาถึงวันนี้ได้ เหตุใดถึงถูกขัดขวางอย่างไร้หนทางเช่นนี้?
เมื่อฟังสิ่งที่เสินสื่อลำดับที่สองพูด ก็ยังชื่นชมถวนจื่อไม่น้อย
“เสินสื่อลำดับที่สอง แม้นางจะมีสายเลือดบริสุทธิ์ แต่กลับเติบโตมาจากไก่ฟ้าเก้าสี และติดตามซั่งกวนเยว่มาหลายปี ความคิดของนาง…”
“เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ”
อวี้เชียนตัดบทเขาอย่างไม่พอใจ
“นางเป็นสายเลือดบรสุทธิ์ สิ่งนี้ก็เพียงพอแล้ว”
ในอกของอี้กงเหมือนมีบางอย่างกำลังพลุ่งพล่าน อัดแน่นจนทนไม่ไหว
อวี้เชียนมองเขาแวบหนึ่ง
“แต่ว่าเจ้าไม่ต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนักหรอก ตราบใดที่เจ้าสามารถเปิดชีพจรเส้นที่เจ็ดได้ สิ่งที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ยังคงมีผลเหมือนเดิม”
อี้กงสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ข้ารู้”
ไม่ไช่ว่าเขาจะไร้หนทาง
เพราะในโลกนี้ไม่ได้มีแค่ขนนกทองคำบรรพบุรุษเพียงเส้นเดียว!
อีกเส้นหนึ่งอยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้!
เขาหลับตาลงอีกครั้ง แล้วเริ่มดูดกลืนพลังแห่งสวรรค์และโลกด้วยท่าทีที่ยิ่งทวีความบ้าคลั่ง
เปลวไฟสีทองแดงลุกโชนอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น และปกคลุมร่างเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
มันคือขนนกทองคำบรรพบุรุษที่ใช้สำหรับลงบันทึกในบัญชีเทพ!
เมื่ออี้กงสัมผัสได้ถึงพลังปราณที่กำลังใกล้เข้ามา เขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นและพูดขึ้นในใจว่า
“ครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรจะต้องเปิดชีพจรเส้นที่เจ็ดให้ได้!”
…
“ขนนกทองคำบรรพบุรุษ!”
เมื่อรับรู้ความเคลื่อนไหวทางด้านนี้ ถวนจื่อก็เข้าใจในทันทีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“อาเยว่ นี่คือเส้นขนนกของพวกเขา!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
“ดูท่าครั้งนี้อี้กงคงตัดสินใจแน่วแน่แล้ว…”
ถวนจื่อยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เขาฝันไปเถอะ!”
ทันทีที่พูดจบ ทวนจื่อเขย่งปลายเท้าเบาๆ ก่อนจะพุ่งตัวไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว!
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจจึงรีบคว้ามือนางไว้ แต่ก็สายไปแล้ว
หลังจากถวนจื่อเปิดชีพจรเส้นที่หกแล้ว พลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างมาก คราวนี้ด้วยความใจร้อน นางจึงใช้ระดับความเร็วสุดสุดโดยตรง!
ฉู่หลิวเยว่รีบตามไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล
ถวนจื่อไปถึงด้านหน้าค่ายกลที่พาดลงมาจากท้องฟ้าในทันที
ค่ายกลกั้นภูเขาเฟิ่งหมิงกับพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ออกจากกัน การจะข้ามไปได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
อี้กงได้ยินความเคลื่อนไหวจึงหันมามอง พลางยิ้มเยาะเย้ย ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก
แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะอยู่ไกลกัน แต่พวกเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงสายตาและท่าทีของอีกฝ่าย
ถวนจื่อกัดฟันแน่นและพูดขึ้น
“เป็นเขาเองที่ดื้อดึง และคิดจะพาทั้งเผ่าไปสู่ทางตัน ข้าแค่ช่วยเขาตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องเท่านั้น!”
ถวนจื่อถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ
“ถุย! เจ้าเป็นคนแบบไหนกัน!”
สีหน้าของอี้กงเปลี่ยนไปทันที
ปล่อยให้ใครมาถูกด่าต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ คงไม่มีใครอารมณ์ดีเป็นแน่
แต่ไม่นาน สีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ
“เฮอะ…สายเลือดบริสุทธิ์…นายน้อย…ช่างมีอำนาจน่าเกรงขามเสียจริง! แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ตัวเจ้ากลับถูกขังไว้ ยังจะไปควบคุมใครได้อีกเล่า?”
ระหว่างที่พูดขนนกทองคำบรรพบุรุษเส้นนั้นได้พุ่งมาถึงกลางหน้าผากของเขา
ลวดลายอักขระสีทองแดงหกเส้นปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เพียงแค่เส้นที่เจ็ด เขาก็จะเปิดชีพจรเส้นที่เจ็ดได้สำเร็จ!
ถวนจื่อกำหมัดแน่น ในดวงตาของนางมีเปลวไฟสีทองแดงลุกโชนขึ้นในทันที!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ระหว่างคิ้วของนางก็ปรากฏลวดลายอักขระขึ้นหลายเส้น!
“เจ้าเองหรือ ที่กล้ามาแย่งชิงกับข้า!”
คำพูดของอี้กงเพิ่งจบลง พลังปราณอันน่าสะพรึงกลัวพลันปะทุออกมาจากร่างของถวนจื่อ!
ขนนกทองคำบรรพบุรุษที่กำลังจะตกลงบนหน้าผากของอี้กง สั่นไหวขึ้นอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้น มันหันไปหาถวนจื่อแทน!
“อันใดนะ!”
สีหน้าของอี้กงพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นซีดขาวในทันที!
การเปิดชีพจรด้วยสายเลือดบริสุทธิ์ ย่อมสามารถแย่งชิงขนนกทองคำบรรพบุรุษไปได้!