ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2288 ไม่ช่วย
ตอนที่ 2288 ไม่ช่วย
………………..
เปลวเพลิงสีทองอร่ามและทัณฑ์สวรรค์สีทองต่างเกี่ยวพันรัดรึงกันและกัน แสงสว่างเรืองรองอันยุ่งเหยิงทอประกายเจิดจ้าไปทั่วก้นบึ้งของสระอัสนีบาต
ตรวนสีดำที่ถูกเปลวเพลิงร้อนระอุเข้าห่อหุ้มเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง!
ฟึ่บ…
ตรวนออกแรงรัดแน่นจนแทบจะรัดตรึงอี้เจาให้ตายตกที่นี่อยู่รอมร่อ!
เมื่อมู่ตงโหย่วที่กำลังฝึกตนด้วยใจสงบอยู่ใกล้กันนี่รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวนี้ก็ลืมตาตื่นขึ้นมาทันควัน แล้วตวัดสายตาหันไปมองทิศทางที่มีเปลวเพลิงพุ่งขึ้นฟ้า!
พลังที่อยู่รอบกายของอี้เจาเริ่มแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นตลบอบอวลไปทั่ว
มู่ตงโหย่วใจดิ่งวูบ รีบพุ่งตัวไปยังที่แห่งนั้นทันที!
“อี้เจาผู้นี้…บ้าไปแล้วหรือไร!”
…
ขณะเดียวกันนั้นเอง ผู้ฝึกตนที่อยู่ภายในสระอัสนีบาตต่างพากันรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทัณฑ์สวรรค์ที่เดี๋ยวก็ผลุบเดี๋ยวก็โผล่มาจำนวนหนึ่งก็วุ่นวายขึ้นมาอย่างหาสาเหตุมิได้ เริ่มพากันบินฉวัดเฉวียนไปทั่วสี่ทิศอย่างดุร้ายแลชุลมุน
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังแว่วลอยมาจากด้านในสระอัสนีบาต จากนั้นก็มีเงาร่างของผู้คนบินหนีออกมาจากด้านในนั้นพุ่งทะยานขึ้นมาตรงริมฝั่ง
บรรดาฝูงชนที่ยืนอยู่บนริมสระเห็นเหตุการณ์ฉากนี้ต่างก็ตื่นตะลึงอย่างต่อเนื่อง พากันทยอยเดินถอยหลัง
“สระอัสนีบาตเกิดเรื่องวุ่นวายแล้ว!”
ใครสักคนแผดร้องตะโกนเสียงแหลมด้วยเสียงหวาดวิตกกังวล
คนที่พุ่งทะยานหนีออกมาดูแล้วมีสภาพไม่จืดกันทั่วถ้วน เพราะมิอาจหลบหนีได้ทัน บางคนจึงมีบาดแผลเต็มไปทั่วร่างกาย เลือดสดหลั่งริน กล้ามเนื้อฉีกขาด
บรรดาฝูงชนมองตามนิ้วที่ชี้ไปทางนั้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพร้อมใจพรูลมหายใจเย็นยะเยือกออกมาโดยพลัน
พวกเขาเห็นเพียงว่าภายในสระอัสนีบาตที่กว้างใหญ่ไร้จุดจบนั้น ทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนกำลังพุ่งไปรวมตัวกันบริเวณใจกลางสุดอย่างรวดเร็วราวกับถูกอันใดบางอย่างอัญเชิญไปก็มิปาน
เพราะจำนวนที่มากเกินไป ทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้จึงพุ่งชนเข้าหากันเองอย่างดุเดือด เพียงพริบตาก็มีสะเก็ดแสงกระจายไปทุกทิศทาง
ทว่าความเร็วในการเคลื่อนที่ไปด้านหน้าของมันไม่ได้รับผลกระทบอันใดแม้แต่น้อย
และเพราะเหตุนี้ ผู้ฝึกตนที่อยู่ด้านในนั้นจำนวนมากจึงโดนลูกหลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ บ้างบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บสาหัส
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้”
ท่ามกลางความเงียบกริบ ใครคนหนึ่งพึมพำเสียงเบาออกมาอย่างอดไม่ได้ ดวงตาเปี่ยมด้วยแววหวาดหวั่น
มิมีผู้ใดตอบ
พวกเขาเองก็ไม่รู้จะหาคำตอบอย่างใดเช่นกัน
กระทั่งบางคนที่อาศัยอยู่ในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์มาหลายหมื่นปียังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
“ยังมีคนไม่ได้ออกมา!”
ซ่งชิงที่เพิ่งหนีออกมาถึงด้านบนริมฝั่งได้อย่างยากลำบากหันศีรษะกลับไปมองพลางเอ่ยด้วยเสียงเป็นกังวล
จากมุมของพวกเขามองลงไปในสระอัสนีบาตจะยังคงเห็นเงาร่างหลายร่างที่กำลังดิ้นรนหนีขึ้นมาจากสระอัสนีบาตอย่างไม่หยุดหย่อน
แต่ตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดล้วนพุ่งไปยังจุดศูนย์กลาง พวกเขาทำเช่นนี้ไม่ต่างอันใดกับการสวนทางซึ่งอันตรายอย่างยิ่ง
ต้องเข้าใจก่อนว่า ยามทัณฑ์สวรรค์เหล่านี้อยู่ในสภาวะปกติ พลังสังหารของมันก็น่าเกรงกลัวเกินพออยู่แล้ว บรรดาผู้คนที่จะเข้าไปในสระอัสนีบาตจึงต้องระมัดระวังกันอย่างมาก
ประมาทเพียงนิดเดียวก็มีโอกาสบาดเจ็บกลับมาสูง
และในตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์ตกอยู่ในสภาวะวุ่นวายโกลาหล ระดับความอันตรายจึงพุ่งพรวดขึ้นสูงในพริบตาเดียว!
ไม่ต้องพูดถึงกลับมาแบบไร้รอยขีดข่วนเลย ปัญหาคือจะเอาชีวิตรอดได้หรือเปล่าต่างหาก!
“ช่วยด้วย…”
ในเวลาสั้นๆ ด้านในบ่ออัสนีบาตมีเสียงร้องขอให้ช่วยอย่างตระหนกตกใจสุดขีดดังขึ้นมาตามคาด
ซ่งชิงก้าวไปด้านหน้าอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นบาดแผลบนร่างกายของตัวเองก็หยุดฝีเท้าลงในท้ายที่สุด
กว่าเขาจะออกมาได้ก็ลำบากใช่น้อยเช่นกัน หากกลับลงไปอีกรอบ อย่าว่าแต่ช่วยคนเลย เกรงว่าตัวเขาเองจะไม่รอดออกมาเสียด้วยซ้ำ
ในไม่ช้า เกลียวคลื่นจำนวนหนึ่งก็สาดซัด กลืนกินร่างเงาของคนเหล่านั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
มีเพียงคนบางส่วนที่หลงเหลือยังคงตะเกียกตะกายดิ้นรนต่อ
“ขอร้องล่ะพวกเจ้า! ช่วยด้วย!”
ครั้งนี้ซ่งชิงได้ยินอย่างชัดเจน นี่เป็นเสียงของเฉิงเพ่ยไม่ผิดแน่
เขานิ่วหน้า
ตั้งแต่เฉิงเพ่ยผู้นี้รู้ว่าสระอัสนีบาตสามารถใช้หลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ก็มาเยือนที่นี่บ่อยครั้งประหนึ่งเสพติดก็มิปาน
จากนั้น เขาที่ค่อยๆ ไม่พอใจกับการได้อยู่แค่บนริมฝั่ง ก็เริ่มลองเข้าไปข้างในทีละนิด
แม้การทำเช่นนี้จะทำให้เขาตกอยู่ในสภาพดูไม่จืด ทั่วกายเต็มไปด้วยบาดแผลทุกครั้ง แต่เทียบกับการได้รับพลังแล้ว เรื่องพวกนี้แทบไม่นับว่าควรค่าแก่การพูดถึง
ก่อนหน้านี้ซ่งชิงเองก็เคยพูดโน้มน้าวเขาไปแล้วว่าอย่าได้ดื้อดึงเช่นนี้
แม้การหลอมร่างศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจากสระอัสนีบาตจะเพิ่มพลังของตนได้มหาศาลอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพของมันก็มีขีดจำกัด ทั้งยังมีผลเสีย
วิธีการนี้นั้นใช้ครั้งสองครั้งย่อมไม่มีปัญหา แต่หากทำประจำก็นับว่าออกจะเกินไปหน่อย
หากอยากแข็งแกร่งขึ้นมาจริงๆ วิธีดีที่สุดก็ยังคงเป็นการหมั่นบำเพ็ญเพียรฝึกตนอย่างสม่ำเสมอ
แต่ไฉนเลยเฉิงเพ่ยจะยอมฟังเขา
เขารีบร้อนอยากจะแข็งแกร่งขึ้นมาให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช่วงนี้ได้ยินเรื่องของฉู่หลิวเยว่มาไม่ขาดสาย ไฟในใจเขาก็ยิ่งลุกโชน อดใจไม่ไหวที่จะกระตุ้นศักยภาพทั้งหมดของตัวเองให้สำแดงออกมาเพื่อว่าจะได้เหยียบนางให้จมดิน
ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าลงไปยังก้นบึ้งของสระอัสนีบาตโดยไม่สนความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
ใครจะรูู้ว่าจะได้ปะเข้ากับสถานการณ์ไม่คาดฝันอันน่าตกตะลึงเช่นนี้พอดี!
“สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าพวกที่ยังไม่ออกมาคงตายไปแล้วแน่ๆ…”
“นี่… เหมือนจะพูดยากเหมือนกันหนา? สระอัสนีบาตเกิดเหตุจลาจล การเคลื่อนไหวเช่นนี้ไหนเลยเสินสื่อลำดับที่สี่จะมีเวลาและแรงไปสนเรื่องพวกนั้น?”
“ที่พูดมาก็ถูก เอ๋ ตรงนั้นเหมือนจะยังมีคนอยู่นะ? นั่นมัน…ซื่อจิง?”
“น่าจะเป็นเขาแหละกระมัง? ระยะนี้เขามาทุกวันเลยไม่ใช่หรือไร แถมทุกครั้งก็ลงไปลึกกว่าคนอื่นด้วย เพียงแต่… เหตุใดข้ารู้สึกว่าทัณฑ์สวรรค์พวกนั้นถึงไม่ได้ทำอันตรายเขาเลยเล่า ดูสิ! เขากำลังมุ่งมาทางนี้!”
ระยะนี้ชื่อเสียงเรียงนามของซื่อจิงเองก็ก้องไกลไปทั่วสระอัสนีบาตอย่างมาก
ไม่เพียงแค่เพราะว่าเขามักแวะเวียนมาบ่อยๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขามักลงไปยังก้นบึ้งของสระอัสนีบาตทุกครั้ง ทั้งยังอยู่ในนั้นนานระยะหนึ่งด้วย
ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยสักครั้งเดียว!
ทุกครั้งที่บรรดาฝูงชนมองเขาออกมา เขาล้วนแต่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเสมอ ทั้งยังดูจะไม่เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาเสมอ
ผ่านไปนานวันเข้า ผู้คนก็ไร้ซึ่งความรู้สึกอิจฉาริษยาอีกต่อไป
เพราะบางครั้งเจ้าก็เอาตัวเองไปเทียบกับพวกจิตวิปลาสไม่ได้หรอก
ส่วนครั้งนี้ บรรดาผู้ฝึกตนทั้งหลายล้วนถูกขังอยูในสระอัสนีบาต ได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส ยามเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย เขาก็ยังคงหนักแน่นเหมือนเคยไม่มีผิด
เดิมซื่อจิงกำลังใช้ค้อนอันเล็กของตัวเองกะเทาะหินอยู่ด้านล่าง ปรากฏว่ากะเทาะไปได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็พบว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
ตอนเห็นทัณฑ์สวรรค์รอบตัวเขาเหล่านั้นทยอยโถมไปยังก้นบึ้งของสระอัสนีบาต ปฏิกิริยาแรกของเขาคือกำลังจะตามพวกมันไปดู แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เคยโดนเสินสื่อลำดับที่สี่เตือนเอาไว้ก่อนหน้านี้ เขาก็ล้มเลิกความคิดนั้นแล้วหมุนกายจากมา
เขาสาวเท้าก้าวยาวๆ ไปตรงจุดศูนย์กลางของสระอัสนีบาต
ทัณฑ์สวรรค์สีเงินนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านร่างของเขา ทว่าพวกมันล้วนแต่หลบหลีกเขาไปอย่างรู้ความ
นี่ทำให้ซื่อจิงแทบไม่ถูกขัดขวางหรือได้รับอันตรายใดเลย จึงมุ่งหน้าขึ้นฝั่งมาได้อย่างราบรื่นหาสิ่งใดเปรียบ
“ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
ในตอนที่กำลังเดินอยู่นั่นเอง ข้างหูพลันแว่วเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังขึ้น
ซื่อจิงหันศีรษะไปมองแวบหนึ่ง
โอ้ คนคุ้นเคยกันนี่เอง
ตอนนั้นเอง เฉิงเพ่ยก็มองเห็นซื่อจิงได้ถนัดตาเช่นกัน
สีหน้าของเขาแข็งทื่อ แต่เพียงชั่วครู่ เขาก็แผดเสียงตะโกนต่อ
“ซื่อจิง! ขอแค่เจ้าช่วยข้าออกไป ข้า…”
“ไม่ช่วย!”
ซื่อจิงเอ่ยตัดบทอย่างตรงไปตรงมา ก่อนหมุนกายจากไปโดยไม่ไว้ไมตรีแม้แต่น้อย
ล้อเล่นหรือไร ก่อนหน้านี้ที่เฉิงเพ่ยผู้นี้ปฏิบัติต่อนายท่านของพวกเขาอย่างใด แม้ตัวเขาจะลืม แต่ซื่อจิงผู้นี้ไม่เคยลืม!
ช่วยเขา?
ไม่เดินไปเหยียบเข้าสักทีก็ถือว่าเขาใจกว้างมากพอแล้ว เข้าใจหรือไม่!