ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2290 โรมรันพันตู
………………..
ทั่วทั้งร่างของเขาถูกเปลวเพลิงสีทองอร่ามที่กำลังลุกโชนห่อหุ้มเอาไว้
คนทั้งคนมีสภาพเหมือนลูกไฟที่กระเด้งกระดอนไปทิศทางต่างๆ อย่างว่องไว
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง ความเคลือบแคลงส่วนหนึ่งโถมเข้ามาในใจ
อี้กงเป็นผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าหงส์ทองคำ พลังแห่งสายเลือดของเขาแข็งแกร่งยากจะต่อกร ว่าตามหลักแล้วย่อมไม่มีทางถูกเปลวเพลิงของตัวเองแผดเผาจนต้องทุกข์ทรมานอยู่เช่นนี้
ทว่ามาตอนนี้ เขาดูเหมือนจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมพลังภายในร่างของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
หรือว่า… จะมีสาเหตุมาจากอี้เจากัน?
ในขณะเดียวนั้นเอง ในที่สุดลวดลายเส้นที่เจ็ดกลางหว่างคิ้วของถวนจื่อที่อยู่อีกฟากก็เชื่อมบรรจบเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์!
ตูม!
แรงกดดันมหาศาลน่าหวั่นเกรงไร้ขีดจำกัดพลันปะทุออกมาจากภายในร่างของนาง!
นางเบิกตากว้างขึ้นมาทันที นัยน์ตาทั้งสองข้างเปี่ยมด้วยเปลวเพลิงสีทองอร่ามลุกโชติช่วง!
กระทั่งตัวฉู่หลิวเยว่เองยังรู้สึกได้ถึงความอึดอัดในช่วงอก
ลมปราณสายนี้ราวกับพวยพุ่งออกมาจากยามบรรพกาลไกลโพ้นที่เข้าปกคลุมฟ้าโอบล้อมผืนดิน!
ทันทีที่จื่อเฉินที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดได้รับผลกระทบจากแรงโจมตีอันน่าหวาดหวั่นนี้ก็คับแน่นไปทั่วช่วงอก มุมปากมีหยาดโลหิตไหลซึมออกมา
ถวนจื่อรีบคลายลมปราณบนร่างทันที นางคว้ามือจื่อเฉินมาจับไว้แน่น แล้วถ่ายทอดพลังจากร่างของตนเองเข้าสู่ตัวเขา
พลังมหาศาลอันบริสุทธิ์ค่อยๆ รักษากล้ามเนื้อและรยางค์ทั่วร่างกายของเขาให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
จื่อเฉินแลบลิ้นเลียคราบเลือดข้างมุมปากพลางส่ายศีรษะ
“ข้าไม่เป็นไร”
เขาจดจ้องถวนจื่อคราหนึ่ง
…เรื่องสำคัญกว่าคือต้องไปช่วยอี้เจาก่อน
นางพยักหน้าแผ่วเบา จากนั้นก็สะกิดปลายเท้าส่งตัวเองไล่ตามอี้กงไป!
ฉู่หลิวเยว่รีบอัญเชิญจื่อเฉินกลับไปทันที
เขาต้องทนทรมานจากแรงโจมตีอันน่าผวาเพื่อช่วยถวนจื่อเปิดเส้นชีพจร เกรงว่าหลังจากนี้ต้องดูแลถนอมเขาดีๆ ไประยะหนึ่งถึงจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้
ส่วนเรื่องต่อไป…
ฟุ่บ!
เสียงแหวกอากาศดังข้ามศีรษะไป เป็นอวี้เชียนที่ทะยานตามไปอย่างอดใจไม่ได้!
ฟากฉู่หลิวเยว่เองจึงรีบเคลื่อนไหวตามหลังเขาไปติดๆ!
…
การเคลื่อนไหวใหญ่โตที่สร้างความโกลาหลในสระอัสนีบาตทำเอาทั่วทั้งพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ระส่ำระสายถ้วนหน้า!
ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนต่างตื่นตระหนกและทยอยกันทะยานมาฟากนี้
ส่วนในตอนนี้นั้น บรรดาผู้คนที่ยืนอยู่บนริมขอบสระอัสนีบาตกลับกำลังสองจิตสองใจว่าจะหลบหนีไปดีหรือไม่
ครั้นเห็นเปลวเพลิงสีทองพลุ่งพล่านมาถึงตัว พวกเขาเหล่านั้นที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก็ได้รับผลกระทบใหญ่หลวงอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนบางส่วนที่ต้านทานเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ จึงเริ่มปลีกกายหนีไป
ซื่อจิงที่มองดูอยู่จากที่ไกลๆ กลับค่อยๆ กำค้อนเหล็กในมือแน่น
ราวกับว่ามีอันใดบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงอกของเขา พร้อมจะทะลวงออกมาได้ทุกเวลา!
…
ในตอนนั้นเอง มู่ตงโหย่วเดินทางมาถึงเขตหวงห้ามเป็นที่เรียบร้อย
ทว่าทุกอย่างกลับสายไปเสียแล้ว
กลุ่มทัณฑ์สวรรค์สีทองที่รัดเกี่ยวกันกลายเป็นลูกกลมแสง บริเวณบนสุดของลูกกลมแตกออกเป็นโพรงว่าง เปลวเพลิงสีทองที่พลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งนั้นต่างพวยพุ่งออกมาจากโพรงนี้
ส่วนอี้เจาที่ถูกขังอยู่ในนั้น ตอนนี้ก็ถูกเปลวเพลิงโอบล้อมเอาไว้โดยสิ้นเชิงเช่นกัน
“อี้เจา! เจ้าบ้าไปแล้วรึไง!”
มู่ตงโหย่วแผดเสียงเข้ม
อี้เจาเลือกจะเผาตัวเองจริงๆ! ด้วยวิธีนี้วิธีเดียว เปลวเพลิงสายนี้จึงสามารถทลายพันธนาการของทัณฑ์สวรรค์สีทองได้!
พลังทุกหยาดสาย เลือดเนื้อและกระดูกทุกส่วนในร่างของเขาล้วนแปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงที่กวาดล้างฟ้าแผดเผาดิน!
อี้เจาก้มศีรษะลงต่ำราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา หรืออาจได้ยินแต่เพิกเฉยไปโดยสิ้นเชิง
เขาปล่อยให้เปลวเพลิงที่อยู่รอบกายแผดเผาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับหมายจะชำระล้างทุกสิ่งด้วยการเผาไหม้จนหมดจด!
ใจของมู่ตงโหย่วรุ่มร้อนดั่งไฟ
เขาอยากจะห้ามอี้เจา แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพึ่งแค่พลังของตัวเขาเองย่อมทำไม่สำเร็จ
แต่อี้เจาจะตายไม่ได้เด็ดขาด!
อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้เขาต้องมีชีวิตรอดให้ได้!
มู่ตงโหย่วเงื้อมือโบกไหว หมายจะเรียกทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่โดยรอบมารวมตัวอีกครั้งแล้วตัดขาดจากเปลวเพลิงของอี้เจา
ทว่าในไม่ช้า เขาก็พบว่าตัวเองได้สูญเสียความสามารถในการควบคุมทัณฑ์สวรรค์พวกนั้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
“เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
มู่ตงโหย่วพลันตื่นตระหนก กลับพบว่าไม่เพียงแต่ทัณฑ์สวรรค์สีทองเท่านั้น กระทั่งทัณฑ์สวรรค์สีเงินที่เคลื่อนไหววูบวาบอยู่ทั่วทุกสารทิศก็ฉวัดเฉวียนไปมาอย่างบ้าคลั่งราวสูญเสียการควบคุม จากนั้นก็ถ่ายทอดพลังทั้งหมดให้แก่อี้เจา
เดิมทีอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับบรรพกาลก็สามารถกลืนกินทัณฑ์สวรรค์แล้วแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณศักดิ์สิทธิ์!
มู่ตงโหย่วอาศัยอยู่ในสระอัสนีบาตในฐานะเสินสื่อลำดับที่สี่มานานหลายปี จึงย่อมมีทักษะในการควบคุมทัณฑ์สวรรค์ทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ได้ชะงัด
ก่อนหน้านี้เขายังไม่เคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ!
มู่ตงโหย่วหัวใจเต้นระรัวเร็ว
เขารู้แก่ใจดีว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานสถานการณ์จะต้องเสียการควบคุมไปโดยสมบูรณ์!
ทว่าทันทีที่เขาเคลื่อนไหว ทัณฑ์สวรรค์จำนวนมากที่อยู่โดยรอบก็ถาโถมมาทางนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาก้าวเดินได้ยากลำบากราวติดบ่อโคลนตม
มู่ตงโหย่วพรูลมหายใจหนาวเหน็บออกมาคราหนึ่ง
สระอัสนีบาตรแห่งนี้… ช่างบัดซบเสียจริง!
พรึ่บ!
ในตอนที่มู่ตงโหย่วกำลังติดพันอยู่นั่นเอง เปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งทะยานลงมา ก่อนจะเข้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว!
เขาแหงนหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาพลันหดเล็กลง
“อี้กง!?”
มิใช่ว่าเขาอยู่ที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ เหตุใดถึงได้…
ทันใดนั้นเอง ใจของเขาพลันกระตุกวูบ รีบหันศีรษะไปมองทางอี้เจาทันที!
ด้วยตำแหน่งประมุขเผ่า หากเขาสละชีวิตของตัวเองแล้วไซร้ ก็เท่ากับเป็นการเรียกหงส์ทองคำทั้งเผ่าให้มาที่นี่!
แม้อี้กงจะถูกขับไล่ออกจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์เฟิ่งหวงแล้ว แต่ท้ายที่สุดเขาก็คือหงส์ทองคำ เลือดทุกหยดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างเขาก็ยังคงเปี่ยมด้วยความหวั่นเกรงอย่างลึกล้ำต่อตัวตนที่มีฐานะสูงสุดในเผ่าหงส์ทองคำ!
หากอี้เจาต้องการให้เขาตาย เขาไม่มีทางมีชีวิตรอดต่อไปได้แน่!
พรึ่บ!
อี้กงถูกเปลวเพลิงคุมตัวไว้ ก่อนจะร่วงเข้าไปท่ามกลางกลุ่มแสงที่มีทัณฑ์สวรรค์สีทองล้อมรอบ แล้วหยุดอยู่เบื้องหน้าอี้เจา!
มู่ตงโหย่วกำหมัดแน่น ทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเงาร่างเล็กจ้อยทะยานตรงมาทางนี้อย่างว่องไว พุ่งเข้าไปด้านในนั้นโดยมิลังเล!
เขาพลันตื่นตะลึง นั่นมันลมปราณที่เปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดแล้วนี่นา!
ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงสีทองอร่ามก็ปะทุขึ้นมาพร้อมเสียงกึกก้อง!
………………..