ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2291 ความผิดฐานทรยศเผ่าพันธุ์
ตอนที่ 2291 ความผิดฐานทรยศเผ่าพันธุ์
………………..
ครรลองสายตาที่อยู่เบื้องหน้าถูกบดบังไปโดยสิ้นเชิง
เปลวเพลิงสีทองบริสุทธิ์แผดเผาลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง เติมเต็มช่องว่างของกลุ่มแสงที่ถูกทัณฑ์สวรรค์สีทองโอบล้อมเอาไว้จนเต็มเปี่ยม ไม่เหลือช่องว่างแม้แต่นิดเดียว
ส่วนเงาร่างทั้งสามที่อยู่ด้านในก็ถูกกลืนกินจนไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้เช่นกัน
มู่ตงโหย่วหมายจะสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า ทว่าทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่รอบๆ ราวกับได้รับผลกระทบจากพลังของเปลวเพลิงนี้จึงยิ่งทวีความคลุ้มคลั่งมากกว่าเก่า
ลำแสงสีเงินจากทุกทิศทางไหลผ่านตัวเขาไป ลำแสงแต่ละเส้นปะทะพุ่งชนกันและกัน วุ่นวายเหลือคณานับ ทำให้เขาก้าวย่างไปได้ลำบากยากเย็นยิ่ง
มู่ตงโหย่วขมวดคิ้วจนเป็นปม
อี้เจาเป็นประมุขเผ่า ทั้งยังบรรลุการเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดเรียบร้อยแล้ว หากเขาตัดสินใจเด็ดขาดขึ้นมาจริงๆ ก็มิอาจประมาทได้!
เขาสะบัดแขนคราหนึ่ง หอกยาวเล่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาในมือ!
ฉึบ!
หอกยาวเล่มนั้นห่อหุ้มพลังโจมตีที่แหลมคมอย่างยิ่ง มันแหวกคลื่นอากาศออกในชั่วพริบตา!
เหล่าทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่ใกล้เข้ามาหน่อยถูกแรงพุ่งชนอันหนักหน่วงเข้าปัดเป่าเสียจนแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง!
…
ฉู่หลิวเยว่ไล่ตามอวี้เชียนมุ่งตรงไปยังสระอัสนีบาต
ยังไม่ทันไปถึงที่หมาย นางก็มองเห็นได้จากที่ไกลๆ แล้วว่าแสงจากเปลวเพลิงสีทองอร่ามกำลังพุ่งขึ้นฟ้า ทั้งยังหลั่งไหลวนเวียนทั่วบริเวณโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
ยามทอดสายตามองไปก็ราวกับหินหนืดร้อนระอุพวยพุ่งขึ้นมาจากก้นมหาสมุทรที่เข้าปกคลุมและกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง!
แววตาของนางทอประกายตื่นตระหนก เผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
แม้ก่อนจะมาที่นี่นางพอคาดเดาได้แล้วว่าที่นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่ภาพฉากเบื้องหน้านั้นกลับเหนือความคาดหมายของนางไปมาก
อวี้เชียนว่องไวกว่านาง ชั่วพริบตาก็มาถึงริมฝั่งสระอัสนีบาตแล้ว
ครั้นเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ชัดเจน สีหน้าของเขาพลันมืดครึ้มลงหลายส่วน กำปั้นภายใต้เสื้อคลุมกำเข้าหากันแน่น
นี่อี้เจากำลังรนหาที่ตายชัดๆ!
ทว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาตายของเขา!
อีกอย่าง… ถวนจื่อยังคงอยู่ข้างใต้นั่น
นางเพิ่งจะเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดได้เองหนา!
หากอี้เจาเกิดคลุ้มคลั่งแล้วก่อเรื่องอันใดขึ้นมา…
“เสินสื่อลำดับที่สองมาแล้ว!”
คนตาดีที่อยู่เบื้องล่างมองเห็นอวี้เชียนเข้าพลันส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ
สิ้นเสียงคำพูด คนจำนวนมาต่างทยอยแหงนศีรษะขึ้นมามองด้วยสีหน้าหลากหลายปะปนกันไป
เสินสื่อลำดับที่สอง อวี้เชียนคือผู้ที่มีวาจาสิทธิ์เด็ดขาดในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์
โดยเฉพาะหลายปีมานี้ เสินสื่อลำดับที่หนึ่งปิดด่านหายเงียบ เรื่องมากมายทั้งหมดล้วนมอบให้อวี้เชียน อำนาจของเขาจึงเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีก
แต่ปกติแล้วเขามักจะใช้เวลาส่วนมากพำนักอยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ออกมาด้านนอกน้อยมาก แตกต่างจากเสินสื่อคนอื่นโดยสิ้นเชิง
การที่ผู้คนจะพบหน้าเขาล้วนแต่เป็นเรื่องยากเย็น
ด้วยวันนี้สระอัสนีบาตเกิดเรื่องโกลาหล การเคลื่อนไหวสะเทือนเลือนลั่นฟ้า เขาย่อมต้องออกมาจัดการคุมสถานการณ์ทั้งหมด
เมื่อได้ยินเสียงอุทานอย่างตื่นตกใจของบรรดาฝูงชนที่อยู่โดยรอบ ซื่อจิงเองก็เงยศีรษะขึ้นมองแวบหนึ่ง แต่หลังจากนั้นสายตาของเขาก็เบนไปหยุดอยู่ที่ฉู่หลิวเยว่ที่คล้อยหลังอวี้เชียนอยู่ไม่ไกล
“นายท่าน!”
เขาโบกมือไหวๆ ไปให้ฉู่หลิวเยว่
ร่างของฉู่หลิวเยว่วูบไหว ก่อนจะเคลื่อนมาหยุดตรงหน้าซื่อจิง
ฉู่หลิวเยว่ถามพลางนิ่วหน้า
นางรู้ว่าระยะนี้ซื่อจิงมักมาที่นี่บ่อยๆ จึงกังวลว่าการที่สระอัสนีบาตเกิดวุ่นวายขึ้นมาจะส่งผลกระทบอันใดแก่เขาเข้า
ซื่อจิงแสยะยิ้ม
“นายท่านวางใจเถอะ ข้าสบายดี!”
คำพูดนี้ดึงดูดให้คนส่วนหนึ่งที่อยู่รอบๆ ทยอยเหลือบตามามองพลางเบะปากน้อยๆ
นายบ่าวคู่นี้ช่างชวนขบขันเสียจริง
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าคนโหดเหี้ยมนั่นเคยลงไปถึงก้นบึ้งของสระอัสนีบาตมาแล้ว ตอนนี้กลับมาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบว่าเป็นอย่างใดบ้างนี่นะ
ซื่อจิงผู้นั้นน่ะจะเป็นอันใดไปได้
ต่อให้คนที่นี่ล้วนตายตกอยู่ในสระอัสนีบาตรกันหมด เกรงว่าตัวเขาคงไม่มีแม้แต่แผลสักรอยด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นซื่อจิงมีพลังเต็มเปี่ยม สภาพจิตใจแข็งแรงมีชีวิตชีวา ฉู่หลิวเยว่ก็เบาใจลงเล็กน้อย
“ตรงนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น”
นางพูดพลางบุ้ยคาง
“ท่านหมายถึงที่จู่ๆ ก็มีเปลวเพลิงพุ่งออกมาจากสระอัสนีบาตน่ะหรือ”
ซื่อจิงรีบเล่าเรื่องราวโดยคร่าวๆ ไปรอบหนึ่ง จากนั้นก็แจ้งข่าวว่าเฉิงเพ่ยถูกฝังอยู่ในสระอัสนีบาตไปแล้วเรียบร้อย
ฉู่หลิวเยว่ไม่แม้แต่จะกะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง นางไม่เคยเก็บเอาเรื่องคนพรรค์นั้นมาใส่ใจอยู่แล้ว
ตอนนี้เรื่องที่นางสนใจที่สุดก็คืออี้เจาและถวนจื่อต่างหาก
“เสินสื่อลำดับที่สี่ยังไม่ออกมาหรือ”
“ยังขอรับ”
ซื่อจิงครุ่นคิดไปมา ก่อนกล่าวว่า
“ตอนเกิดเรื่อง เสินสื่อลำดับที่สี่คงจะลงไปข้างล่างนั้นทันที”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะหงึกหงัก
มู่ตงโหย่วรับหน้าที่เฝ้าดูสระอัสนีบาตมาโดยตลอด จะลงมือทำเช่นนี้ก็ไม่ได้ผิดคาดอันใด
เพียงแต่ว่า…
“เรื่องเกิดขึ้นมาได้สักพักแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่คิดจะเข้าไปหยุดสักหน่อยเลยเล่า…”
ฉู่หลิวเยว่พึมพำเสียงแผ่วอย่างอดไม่ได้
ซื่อจิงหัวเราะร่า
“อาศัยแค่ทัณฑ์สวรรค์กระจ้อยร่อยนั่นจะไปขวางไว้ได้อย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่คิ้วกระตุก เหลือบตามองเขาแวบหนึ่ง
เหตุใดน้ำเสียงของซื่อจิงถึงฟังดูเหมือน… คุ้นชินกับสถานการณ์ในสระอัสนีบาตอย่างใดอย่างนั้นเลยเล่า
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ
“อย่างใดเสียก็เป็นถึงเสินสื่อลำดับที่สี่ ทัณฑ์สวรรค์ที่นี่ย่อมอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา…”
ซื่อจิงเกาศีรษะแกรกๆ พลางกดเสียงต่ำ
“นายท่าน เกรงว่านั่น… อาจจะไม่เสมอไปก็ได้!”
ฉู่หลิวเยว่สบสายตาเขาตรงๆ
“อ้อ?”
ตอนซื่อจิงเอาทัณฑ์สวรรค์ติดมือกลับมาด้วยครั้งนั้น นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ตอนนั้นความสนใจของนางล้วนอยู่ที่เชียงหว่านโจวจึงไม่ได้ขบคิดอันใดมาก ทำเพียงว่าคงเป็นเพราะอุปนิสัยเฉพาะของซื่อจิง
ค้อนเล่มนั้นของเดิมก็เป็นค้อนสายฟ้า สามารถดูดซับพลังของทัณฑ์สวรรค์ได้
แต่ตอนนี้พอมาดูอีกที เรื่องราวกลับผิดเพี้ยนไปจากที่คาดคิดไว้อยู่หลายส่วน…
ซื่อจิงมิได้รู้สึกถึงสีหน้าอันแยบยลของนาง กล่าวต่อว่า
“จริงสิ! ด้านล่างสระอัสนีบาตรนั่น…”
พริบตาต่อมา ทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนก็ถาโถมออกมาตามเปลวเพลิงสีทองอร่ามตา
ฉู่หลิวเยว่จิตใจหนักแน่นมั่นคง นางสะกิดปลายเท้าส่งร่างตัวเองพุ่งตามลงไป!
“นายท่าน…”
เดิมทีซื่อจิงคิดจะห้ามเอาไว้ น่าเสียดายที่ห้ามไม่ทัน
ในตอนที่เขาคิดจะพุ่งตัวไปด้านหน้า ทว่าเมื่อเห็นสระอัสนีบาตรที่โกลาหลก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะหยุดฝีเท้าลง
เขากำค้อนเล่มนั้นในมือแน่นอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
…
ผลุบ!
ฉู่หลิวเยว่เข้าไปยังสระอัสนีบาต ดำดิ่งตรงสู่ก้นบึ้งของสระ
อยู่ตรงนี้ก็สามารถเห็นเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผาอยู่เบื้องล่างประสานเข้ากับทัณฑ์สวรรค์สีทองได้
กองเปลวเพลิงกำลังแผ่ขยายไปโดยรอบจากจุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ทั้งอี้เจา ถวนจื่อ แล้วก็อี้กงล้วนอยู่ด้านในนั้น!
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น
หากคิดจะช่วยอี้เจาออกมา ตอนนี้… คือโอกาสเดียวแล้ว!
ฉึบ!
ลมปราณอันแหลมคมสายหนึ่งพลันแล่นปราดขึ้นมา!
นางจ้องมองไป ก็พบเข้ากับหอกยาวเล่มหนึ่ง
นั่นก็คืออาวุธของมู่ตงโหย่ว
ฉู่หลิวเยว่เบนกายไปด้านข้าง หลบเลี่ยงมันได้อย่างสบายๆ
จากนั้น หอกยาวเล่มนั้นก็พุ่งลงไปในสระอัสนีบาต!
หึ่ง…
เสียงกระหึ่มดังแว่วมาจากที่ไกลๆ!
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลงน้อยๆ
นี่คือสัญญาณเตือนจากเสินสื่อลำดับที่สี่ป่าวประกาศแก่เสินสื่อคนอื่นๆ!
นางหมุนบั้นเอวของตน พลันมุ่งหน้าไปทางกลุ่มเพลิงอย่างยืดหยุ่นและว่องไว
…
ตอนนั้นเอง ภายในกรงที่ก่อตัวขึ้นมาจากทัณฑ์สวรรค์สีทอง อี้กงกำลังมองอี้เจาที่อยู่ตรงหน้าด้วยความหวาดผวาเหลือคณานับ
อี้เจาจับจ้องไปที่เขาด้วยสายตาเย็นชา
”อี้กง ความผิดฐานทรยศเผ่าพันธุ์ เจ้าจะยอมรับหรือไม่!?”
………………..