ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2292 ปิดฟ้าข้ามทะเล
ตอนที่ 2292 ปิดฟ้าข้ามทะเล
………………..
ทุกคำเป็นดั่งศิลาก้อนใหญ่ที่ทับลงกลางใจอี้กงอย่างหนักหน่วง
เขากลั้นหายใจ เลือดทั่วกายราวกับหยุดไหลเวียนในชั่วพริบตา
เปลวเพลิงที่อยู่โดยรอบแผดเผา อุณหภูมิร้อนระอุขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทว่าเขากลับหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
มิใช่เพราะรู้สึกผิด แต่เป็นเพราะหวาดกลัว
…อี้เจาในตอนนี้สามารถลงมือฆ่าเขาได้จริงๆ!
“ท่าน ท่านประมุข ข้า… ข้าเองก็ทำเพื่อเผ่าหงส์ทองคำเช่นกัน!”
อี้กงเอ่ยปากพูดแก้ตัวให้ตัวเองอย่างยากลำบาก
“หากข้าไม่ทำเช่นนี้ เราทั้งเผ่าจะตายกันสถานเดียว! ท่านประมุข ท่านรับได้จริงๆ หรือ?”
“เจ้ายอมรับแล้วสินะ”
สุรเสียงของอี้เจาเรียบนิ่งจนน่ากลัว
“ทรยศเผ่าพันธุ์ต้องได้รับโทษแบบใด ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ เจ้าย่อมรู้ดีที่สุด เจ้าจะมาด้วยตัวเอง หรือให้ข้าไปช่วยเจ้า”
อี้กงได้ยินดังนั้น ใจพลันเต้นไหวระรัว
เขาน่ะรู้จักอี้เจาดีเกินไป
หากเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจไปแล้ว ย่อมไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน
ตอนนี้อี้เจาตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารเขา เช่นนั้น… ไม่ว่าเขาจะแก้ตัวร้องขอความเมตตาอย่างใดก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อคิดมาถึงข้อนี้ สีหน้าของอี้กงพลันโหดเหี้ยมขึ้นมาทันควัน
“ข้าไม่เลือกอันใดทั้งนั้น!”
สุรเสียงของเขาเสียดแหลมและแหบพร่า ทั้งแฝงแววคลุ้มคลั่งสุดขีด
“อี้เจา! ข้าเคยโน้มน้าวเจ้ามานานแล้วว่าควรเลือกกลับไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์! แต่เจ้าเลือกน่ะอันใด? ความดื้อรั้นของเจ้าทำให้ทั้งเผ่าต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้!”
“อย่างใดเสียก็เป็นนายท่านของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งนั้น มันแตกต่างกันตรงไหน? ครานั้นบรรพบุรุษเคยตัดสินใจผิดพลาด นับแต่นั้นเผ่าหงส์ทองคำถึงได้กลายเป็นเผ่าเปรอะมลทินของพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์! ตอนนี้เจ้ามีโอกาสที่จะแก้ไขทุกอย่าง เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมตอบตกลงเล่า”
อี้กงไม่เข้าใจเลยจริงๆ
สองมือของเขากำเข้าหากันแน่น เพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน บนดวงหน้าจึงปรากฏรอยแดงผิดปกติ ในดวงตาเองก็ประดับแววคลุ้มคลั่งเต็มที
สีหน้าของอี้เจาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ทำเพียงแค่เอ่ยออกมาทีละคำด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม
“สิ่งที่บรรพบุรุษเลือกก็คือสิ่งที่ชาวเผ่าเราเมื่อหมื่นปีก่อนเลือก ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นอันขาด! อี้กง เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับคนนอกและทรยศเผ่าพันธุ์ เดิมย่อมได้รับโทษตาย! การที่ข้าเลื่อนตำแหน่งผู้อาวุโสใหญ่ให้เจ้า เป็นข้าที่ตาไร้แววถึงได้กระทำพลาดมหันต์เช่นนี้ วันนี้ข้าจะบั่นคอเจ้าด้วยตัวข้าเอง ภายภาคหน้าจะได้บอกเล่าเป็นตัวอย่างแก่บรรพบุรุษและคนรุ่นหลังอย่าเอาเยี่ยงอย่าง”
เขาพูดพลางเงื้อมือขึ้น
การถูกทรมานอันทารุณเหนือมนุษย์มาอย่างยาวนานทำให้ร่างของเขาเต็มไปด้วยแผลฟกช้ำดำเขียว กระทั่งบนนิ้วมือก็เปี่ยมด้วยคราบเลือดและบาดแผลจำนวนมาก
ทว่ามิมีใครรู้เลยว่าเขาในตอนนี้ยังคงมีพลังที่เข้มข้นอันน่าหวั่นเกรงในตัวมากมายปานนี้
พรึ่บ!
สะเก็ดเปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเขา
นัยน์ตาของอี้กงหดเล็กลง ความหวาดกลัวอย่างลึกล้ำแล่นปราดขึ้นมาในใจ!
เขาหมุนกายหนีทันทีโดยไม่คิดไตร่ตรองเลยด้วยซ้ำ!
ทว่าทันทีที่หมุนกายกลับไป ยังไม่ทันได้ออกวิ่ง เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏสู่สายตา ขวางทางหนีของเขาเอาไว้
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านจะไปไหนหรือ?”
เสียงแหลมใสนุ่มนวลดังแว่วขึ้นมา
ถวนจื่อที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบงันเอียงศีรษะมองเขา
ใจของอี้กงแทบกระโจนออกมาจากอก!
“เจ้า!”
สายตาของถวนจื่อตวัดมองไปทางอี้เจา มุมปากคลี่ยิ้มหวานหยดย้อย
“ท่านปู่ประมุข ท่านมอบผู้อาวุโสใหญ่ให้ข้าจัดการก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ?”
การเคลื่อนไหวของอี้เจาชะงักไป จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
มันเป็นเพียงแค่สะเก็ดไฟบนปลายนิ้วเท่านั้น ยังมิได้จุดชนวนขึ้นมาแต่อย่างใด
เห็นได้ชัดเลยว่าทันทีที่อี้กงมีการเคลื่อนไหว ตัวเขาก็จะลงมือจัดการทันที!
อี้กงมองไปยังถวนจื่อ รู้สึกเพียงว่ารอยยิ้มบนดวงหน้าจิ้มลิ้มนั้นบัดนี้ดูอันตรายหาสิ่งใดเทียบ
ทั่วทั้งร่างของเขาแข็งทื่อ
“เจ้า เจ้าคิดจะทำอันใด!?”
เขาจำได้ดีทีเดียวว่าถวนจื่อเพิ่งจะเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดมาหมาดๆ!
แม้ตอนนี้นางอายุยังน้อย แต่ในด้านของพลังก็สามารถบดขยี้เขาจนราบเป็นหน้ากลองได้อยู่ดี!
ถวนจื่อมีสีหน้าผ่อนคลายยิ่ง
“ข้าจะทำอันใด อีกเดี๋ยวท่านก็ได้รู้แล้ว”
พูดจบ นางก็เงื้อมือขึ้น
มือเล็กป้อมเจ้าเนื้อกำขนนกทองคำบรรพบุรุษเส้นหนึ่งเอาไว้แน่น
ดวงตาของอี้กงพลันฉายแววงุนงง
ทว่าครู่ต่อมา เขาก็เห็นถวนจื่อกัดนิ้วของตัวเอง
หยดเลือดแดงเข้มพุ่งกระฉูดออกมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นนางก็ดีดนิ้วคราหนึ่ง เลือดหยดนั้นก็พุ่งลอยไปทางหว่างคิ้วของอี้กงอย่างรวดเร็ว!
เขารีบหลบเลี่ยงตามสัญชาตญาณทันที!
ทว่าตอนนี้เขาถูกคนทั้งสองล้อมเอาไว้ จึงมิอาจขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว!
แปะ!
เมื่อตระหนักได้ว่าเกิดอันใด ร่างกายของอี้กงพลันแข็งทื่อ จากนั้นก็เบิกตาโพลง!
“เจ้า…”
ความคิดของถวนจื่อพลันแล่นพล่าน
“ระเบิด!”
สิ้นเสียงคำพูด อี้กงพลันรู้สึกถึงพลังไร้ขีดจำกัดยากจะอธิบายไหลเวียนไปทั่วร่างของตัวเองในชั่วพริบตา
จากนั้น พลังทั้งหมดในตัวเขาก็ราวกับถูกเรียกให้เริ่มหมุนวนอย่างรวดเร็ว!
การเคลื่อนไหวเช่นนี้เหมือนกับตอนที่เขาจะเปิดเส้นชีพจรเมื่อครู่ไม่มีผิด
หรือว่า…
ความคาดเดาอันเหลวไหลข้อหนึ่งพลันผุดขึ้นมาในหัวเขา
ราวกับรับรู้ได้ถึงความคิดของเขา มุมปากของถวนจื่อคลี่ยกเป็นรอยยิ้มเจิดจ้า
“ผู้อาวุโสใหญ่เจ้าขา ท่านอยากเปิดเส้นชีพจรที่เจ็ดมิใช่หรือ ข้าช่วยท่านเอง”
นางคือผู้ครองสายเลือดบริสุทธิ์ ทั้งร่างกายยังเพิ่งเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดได้ พลังแห่งสายเลือดภายในตัวจึงทรงพลังอย่างยิ่งยวด
เพียงแค่เลือดหยดเดียว ก็สามารถทำให้พลังแห่งสายเลือดทั้งหมดภายในร่างของอี้กงปะทุขึ้นในพริบตาเพื่อบังคับเปิดเส้นชีพจรได้!
จริงด้วย… เป็นอย่างที่คิดไว้จริงด้วย!
แววตาของอี้กงทอประกายหวาดผวา
ถวนจื่อจะช่วยเขาเปิดเส้นชีพจรหรือ
นางคิดจะทำอันใดกันแน่
ในตอนที่จิตใจของเขาว้าวุ่นถึงขีดสุด ร่างของถวนจื่อก็ขยับไหว กระโปรงใบบัวสีทองของนางพลิ้วไหวแผ่วเบา กระดิ่งทองคำส่งเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง
เพียงพริบตา นางก็มาหยุดอยู่เบื้องหน้าของอี้กงแล้ว
จากนั้น มือที่ถือขนนกทองคำบรรพบุรุษเอาไว้ก็ไล้ไปมาแผ่วเบา
ลายเส้นจำนวนหนึ่งปรากฏกลางหว่างคิ้วของอี้กงอย่างควบคุมไม่อยู่
เขาเริ่มดิ้นรนสุดชีวิต หมายจะหลีกหนีไปจากถวนจื่อ
ทว่าในตอนนั้นไหนเลยจะปล่อยให้เขาทำตามใจได้
ในนัยน์ตาทั้งสองของถวนจื่อมีเปลวเพลิงลุกโชนแผดเผา
“เปิดให้ข้า!”
ลายเส้นสีทองเส้นที่เจ็ดค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา!
………………..