ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2293 ช่วยถวนจื่อของข้า
ตอนที่ 2293 ช่วยถวนจื่อของข้า
………………..
อี้กงวาดฝันมาหลายต่อหลายครั้งถึงภาพฉากยามเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ด แต่กลับไม่เคยคิดว่ามันเป็นดั่งเช่นตอนนี้!
มือของถวนจื่อถือขนนกทองคำบรรพบุรุษเอาไว้ แล้วแบ่งพลังแห่งสายเลือดบริสุทธิ์จากตัวเองมาใช้บังคับเปิดเส้นชีพจรให้แก่เขา!
ร่างกายทุกส่วนราวกับถูกแยกส่วนทีละน้อย ความเจ็บปวดแสนสาหัสแล่นปราดขึ้นมา สีหน้าของอี้กงซีดเผือด มุมปากมีเลือดไหลซึม
เขาคิดจะดิ้นรนหนีออกไปด้วยตื่นตระหนก แต่ตอนนี้ไหนเลยจะยอมให้เขาได้ทำเช่นนั้น
สมองของเขาขาวโพลน มีเพียงภาพเปลวเพลิงสีทองที่แผดเผาอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่ร้อนลวกจนน่าผวา!
ในฐานะของผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าหงส์ทองคำ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่เขาต้องเจ็บปวดทรมานเพราะเปลวเพลิงนี้เยี่ยงนี้
เขาอยากร้องขอความช่วยเหลือนัก แต่กลับพบว่าในลำคอถูกพลังที่มองไม่เห็นบีบรัดไว้แน่น จึงทำได้แค่ก้มหน้ายอมรับทุกอย่างอย่างเงียบเชียบ
แววตาของถวนจื่อเป็นประกายลุกโชน ขนนกทองคำบรรพบุรุษในมือวาดไหวไปมาอย่างเชื่องช้าและมั่นคง!
…
กระแสพลังอันน่าหวาดผวาและดุดันแผ่กระจายออกมา
ทัณฑ์สวรรค์ถาโถมไปมาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนพากันทยอยซึมซาบเข้าไปในใจกลางของเปลวเพลิงที่สว่างเรืองรอง
มู่ตงโหย่วขมวดคิ้วแน่น
สถานการณ์แบบนี้… ดูจะผิดปกติอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว?
ในตอนที่เขาคิดจะเข้าไปใกล้กว่านี้เพื่อตรวจดูให้ละเอียด กลับพบว่าทัณฑ์สวรรค์สีทองเหล่านั้นพลันพลุ่งพล่าน ก่อนจะรวมตัวกันห่อหุ้มด้านในอย่างหนาแน่น จนไร้หนทางสอดส่องสิ่งใดได้อีก
“ตงโหย่ว”
สุรเสียงคุ้นเคยสายหนึ่งดังแว่วมาจากด้านหลัง มู่ตงโหย่วรีบหันศีรษะกลับไปมองทันควัน
“ท่านเสินสื่อลำดับที่สอง!”
ฝ่ามือของอวี้เชียนโบกไหวคราหนึ่ง ทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่โดยรอบเหล่านั้นราวกับหวาดเกรงขึ้นมาทันใด จึงพากันล่าถอยไป
ในตอนนั้นเอง ทัณฑ์สวรรค์สีทองนับไม่ถ้วนกำลังเกี่ยวพันรัดรึงอยู่ด้านนอกของเปลวเพลิงสีทองอร่ามซึ่งสว่างเจิดจ้าเสียจนมิอาจมองเห็นอันใดเป็นอันใดได้
มู่ตงโหย่วรีบรายงานสถานการณ์ก่อนหน้านี้ให้เขาฟังอย่างรวดเร็ว
“เพราะงั้นตอนนี้พวกเขาสามคนเลยอยู่ในนั้นกันหมด?”
เรียวคิ้วของอวี้เชียนขมวดเข้าหากันแน่น
มู่ตงโหย่วผงกศีรษะหงึกหงักด้วยสีหน้าวิตก
“อย่างใดซะอี้เจาก็เป็นถึงประมุข หากเขามุ่งมั่นจะเผาตัวตายเช่นนี้ ด้วยพลังอัญเชิญอันแข็งแกร่งที่เขาครอบครองอยู่ พวกอี้กงทั้งสองคนจะมาที่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ว่า ครั้งนี้เขาลงมือกะทันหันเกินไป ทั้งยังอันตรายอย่างยิ่งยวด หากเลินเล่อนิดเดียว เกรงว่าอีกสองคนที่เหลือต้องได้รับผลกระทบใหญ่โตไปด้วยอย่างแน่นอน”
ดังนั้นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือหยุดอี้เจาให้ได้!
ทว่าตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้วโดยสิ้นเชิง เปลวเพลิงได้แผดเผาสระอัสนีบาตไปกว่าครึ่งแล้ว การทำให้เขาหยุดนั้นจะยากเย็นปานใดกัน
อวี้เชียนมีสีหน้ามืดครึ้มลง
“เหตุใดจู่ๆ อี้เจาถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
ถูกขังอยู่ข้างในมานานปานนี้ ทั้งยังถูกทรมานมาแล้วทุกรูปแบบ อี้เจาก็ไม่เห็นจะมีทีท่าอันใดเช่นนี้
วันนี้ไม่รู้เหตุใดถึงได้…
มู่ตงโหย่วส่ายศีรษะ
“ข้าเองก็ไม่ทราบ เหมือนว่าจู่ๆ จะได้รับแรงกระตุ้นจากอันใดบางอย่าง…”
คิ้วของอวี้เชียนขมวดคิ้วแน่นจนผูกเป็นปม
หรือว่าเป็นเพราะเขารับรู้ได้ว่าถวนจื่อเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดแล้ว
เกรงว่านี่คงเป็นคำอธิบายเพียงข้อเดียวแล้วกระมัง
อี้กงจะเป็นหรือตายไม่สำคัญ แม้กระทั่งเรื่องที่ตัวอี้เจาจะตายเองก็ไม่ได้สลักสำคัญอันใดมากมาย ที่สำคัญคือถวนจื่อต่างหาก!
ดังนั้นในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องปกป้องถวนจื่อเอาไว้ให้ได้!
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเย็นว่า
“รีบปิดผนึกสระอัสนีบาตทันที แล้วต้อนทัณฑ์สวรรค์สีเงินทั้งหมดมาไว้ที่นี่ เหลือแค่ทัณฑ์สวรรค์สีทองไว้สุดท้ายมาขุดคุ้ยความจริง”
อี้เจาเลือกจะเผาตัวตาย ในกระบวนการนี้จำเป็นต้องดูดกลืนทัณฑ์สวรรค์อันน่าหวั่นเกรงจำนวนหนึ่ง
ขอแค่กำจัดแหล่งพลังของเขาออก ถึงจะพอมีหวังที่จะหยุดยั้งเขาไว้ได้
ทว่าทันทีที่เอ่ยจบ มู่ตงโหย่วกลับมิได้ลงมือทันที กลับกันสีหน้าของเขาพลันเผยแววลำบากใจออกมาอยู่หลายส่วน
“ท่านเสินสื่อลำดับที่สอง นี่มัน…”
สีหน้าของอวี้เชียนพลันเย็นเยียบ
“ยังมีปัญหาอีกรึ”
แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว
มู่ตงโหย่วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะทำใจกล้าเอ่ยตอบไปว่า
“ท่านเสินสื่อลำดับที่สอง ตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์พวกนี้… ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้าแล้วขอรับ!”
คิ้วของอวี้เชียนกระตุกถี่ยิบ
“เจ้าว่าอันใดนะ?”
ไอเย็นสายหนึ่งพลันแล่นปราดขึ้นมาโอบล้อมมู่ตงโหย่วเอาไว้!
เสียงของมู่ตงโหย่วฟังดูสับสนเช่นกัน
“คือ… คือว่าเมื่อครู่…”
เริ่มแรกมันก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เปลวเพลิงของอี้เจาก็แผดเผาขยายวงกว้าง ทัณฑ์สวรรค์จึงเริ่มฉวัดเฉวียนไปมาอย่างคลุ้มคลั่งมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งตอนนี้เขาก็หมดหนทางจะควบคุมมันโดยสมบูรณ์!
แต่ถ้าหากเขายังพอมีหนทางแก้ไขอยู่บ้าง ก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพที่ถูกทัณฑ์สวรรค์พวกนั้นขังเอาไว้ด้านนอกจนเข้าไปใกล้เขตแดนนั้นไม่ได้แม้แต่น้อยแบบนี้หรอก
สุรเสียงของอวี้เชียนพลันขึ้นสูง ทั้งยังเย็นชาและดุดันยิ่ง!
เขามักอ่อนโยนและสง่างามต่อโลกภายนอกมาโดยตลอด ต่อให้โกรธเกรี้ยวก็มักอมยิ้มไว้เป็นปกติ ทำให้ไม่มีใครล่วงรู้ถึงนัยที่แท้จริงได้
การที่ตอนนี้เขาระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นนี้นั้น เห็นได้ชัดว่าเขาโมโหอย่างมาก
มู่ตงโหย่วแข็งทื่อไปทั่วร่าง ริมฝีปากสั่นระริก เขาอยากเอ่ยอันใดบางอย่าง แต่กลับพบว่าเวลานี้พูดอันใดไปก็ล้วนเปล่าประโยชน์
เพราะนั่นมันคือความจริง
ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดเขาก็ส่งเสียงออกมา
“…ตงโหย่วไร้ความสามารถ!”
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ก็ดีมาโดยตลอด แต่บัดนี้…
อวี้เชียนกำหมัดแน่น
ในระยะเวลาหลายหมื่นปี สระอัสนีบาตไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ตอนนี้มันเกิดอันใดขึ้นกัน
ครั้นเห็นท่าทีของมู่ตงโหย่ว ในใจของเขาก็เกรี้ยวกราดอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาไล่บี้สั่งสอนมู่ตงโหย่ว
เขาหลับตาลง สะกดลมหายใจ จากนั้นก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา
ลำแสงจำนวนหนึ่งทะยานเข้ามา ก่อนจะก่อร่างกลายเป็นผนึกอันหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
ลมปราณน่าหวาดหวั่นไร้ขีดจำกัดแผ่กระจายออกมาจากด้านในนั้นจางๆ
จากนั้น เขาก็ค่อยๆ ผลักมือทั้งสองไปด้านหน้า
ผนึกอันนั้นทะยานออกไปโดยพลัน ก่อนจะลอยตามไปกับสายลม!
ทุกที่ที่ผนึกทะยานผ่าน บรรดาทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังลอยละล่องอยู่ด้านนอกพวกนั้นก็ราวกับถูกพลังอันใดบางอย่างดึงดูดและกดทับไว้ก็มิปาน ต่างพากันทยอยบินมาทางนี้กันถ้วนหน้า
…
ทัณฑ์สวรรค์ทุกเส้นล้วนบินไปยังผนึกอันนั้นอย่างไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็ถูกแรงกดดันอันมหาศาลของมันสะกดเอาไว้ข้างล่าง
ราวกับตาข่ายขนาดใหญ่ที่กักเก็บเอาทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่โดยรอบมาไว้ที่เดียว
นี่คือฝีมือของอวี้เชียน!
สมแล้วที่เป็นผู้แข็งแกร่งเหนือระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ที่หาใครเทียบเคียงมิได้ เพียงการเคลื่อนไหวครั้งเดียว ก็สามารถดักจับทัณฑ์สวรรค์พวกนั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย…
สายตาของนางเบนออกน้อยๆ จนไปหยุดอยู่บนกลุ่มเปลวเพลิง
เปลวเพลิงแผดเผา ลำแสงหลอมละลาย
ซึ่งจากข้างนอกมองไม่เห็นอันใดทั้งนั้น
แต่ว่า…
ฉู่หลิวเยว่มีพันธะผูกพันกับถวนจื่อ ย่อมรู้ได้ชัดเจนว่าตอนนี้ด้านในกำลังเกิดเรื่องอันใดขึ้น
นี่เป็นโอกาสอันดีหาที่สุดไม่ได้… ตราบที่ถวนจื่อสามารถบังคับให้อี้กงเปิดเส้นชีพจรได้ ลมปราณของทั้งสามคนนี้ก็จะยิ่งคล้ายคลึงกันอย่างมาก!
เมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าคิดจะทำอันใดก็จะสะดวกสบายขึ้นมากทีเดียว
ที่สำคัญก็คือไม่ว่าอี้กงจะเปิดเส้นชีพจรหรือปล่อยให้เปลวเพลิงมอดไหม้ต่อไป จะกวนน้ำในสระอัสนีบาตให้ขุ่นล้วนจำเป็นต้องใช้ทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนเป็นเสบียงอย่างต่อเนื่อง
แต่ตอนนี้อวี้เชียนเริ่มลงมือขัดขวางมันไว้แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังกลุ่มแสงที่ลุกโชติช่วงอย่างรวดเร็ว
“ถวนจื่อ!”
………………..