ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2296 คนมาใหม่
ตอนที่ 2296 คนมาใหม่
………………..
เชียงหว่านโจวเองก็เดินออกมาเช่นกัน
“ข้าไปด้วย”
เฉินอีส่ายศีรษะ
“ไม่ต้อง ตอนนี้เสินสื่อแห่งพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ทุกคนน่าจะกำลังมุ่งหน้าไปที่สระอัสนีบาตกันหมดแล้ว ไปกันเยอะจะเป็นปัญหาแทน เรื่องวุ่นวายคราวนี้… ไม่ได้น่าดูอันใด”
การลากเสินสื่อทุกคนมาเกี่ยวย่อมต้องก่อความวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมาอย่างแน่นอน
คราวนี้หากเดินหน้าไปไม่ระวัง ก็จะเท่ากับการโยนตัวเองเข้าไปพัวพันด้วย
เรียวคิ้วบางของเชียงหว่านโจวปกคลุมด้วยแววลังเลเลือนราง แต่ในไม่ช้ามันก็หายวับไปอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะผงกศีรษะเป็นเชิงตอบรับ
“อืม”
น้องแปดประหลาดใจอย่างมาก
เหตุใดถึงได้ออกมากันทีละคนสองคนจนหมดเลยล่ะนี่
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของเฉินอี ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะใหญ่โตไม่เบา นางจึงไม่ได้รั้นต่อ และคิดจะรออยู่ที่นี่อย่างเชื่อฟัง
คิดมาถึงตรงนี้ นางก็หันไปทางห้องพักของหรงซิวแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“แปลกจัง ในเมื่อทุกคนไปกันหมด แล้วเหตุใดโอรสสวรรค์ถึงไม่ออกมากันเล่า…”
เยี่ยนชิงชะงักไป กล่าวว่า
“ช่วงนี้นายท่านกำลังปิดด่านเก็บตัวอยู่”
ปิดด่าน?
น้องแปดกะพริบตาปริบๆ
ช่างหาดูได้ยากนัก
ในความทรงจำของนาง หรงซิวมักจะเอื่อยเฉื่อย ปล่อยกายปล่อยใจมาแต่ไหนแต่ไร น้อยมากที่จะเห็นเขาปิดด่านฝึกตน
โอรสสวรรค์จะอยากพัฒนาการฝึกตนของตัวเองให้เร็วที่สุดก็เป็นเรื่องปกติ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ น้องแปดก็วางใจและยอมนั่งลงในที่สุด
“พี่ใหญ่ งั้นท่านรีบไปรีบกลับนะ!”
นางไม่กังวลเลยแม้แต่น้อยว่าเฉินอีจะจัดการสถานการณ์ฝั่งนั้นได้หรือไม่
เฉินอีพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะก้าวเท้าเดินจากไป
…
ณ สระอัสนีบาต
บรรดาฝูงชนที่ยืนอยู่บนริมฝั่งจมสู่การรอคอยอันยาวนานและทรมาน
ในเวลานี้ ทุกอณูที่ผันผ่านล้วนราวกับถูกดึงให้ยืดยาวออก
“เสียงเมื่อครู่นั่นมันอันใดกัน เสินสื่อลำดับที่สองกำลังเรียกเสินสื่อคนอื่นมางั้นหรือ”
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ถึงได้ก่อเหตุการณ์ใหญ่ปานนี้…”
“หากแม้แต่เสินสื่อลำดับที่สองยังมิอาจจัดการได้ เกรงว่า…”
บรรดาฝูงชนต่างเป็นกังวลกันมาก
ในใจของคนจำนวนมากต่างบังเกิดอารมณ์วิตกกังวลแล่นปราด
เสินสื่อแต่ละคนที่มีฐานะสูงส่งในพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง!
และยิ่งเป็นจริงมากขึ้นโดยเฉพาะกับตัวเสินสื่อลำดับที่สอง
หลายปีมานี้ เสินสื่อลำดับที่หนึ่งปรากฏตัวออกมาน้อยมาก เรื่องราวส่วนใหญ่จึงมอบให้เสินสื่อลำดับที่สองเป็นผู้จัดการ
การที่เขาออกหน้าเองในครานี้ยังไม่สมควรอีกหรือ
“…หรือว่าพวกเจ้าไม่สงสัยกันหรือ จู่ๆ ใต้สระอัสนีบาตก็มีเปลวเพลิงน่ากลัวนั่นพวยพุ่งขึ้นมา ชัดเจนแล้วนี่ว่าสะกดหงส์ทองคำไว้อยู่? อีกอย่าง ก่อการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ขึ้นมาได้ ย่อมไม่ใช่หงส์ทองคำธรรมดาแน่…”
“แต่เผ่าหงส์ทองคำเป็นเผ่ามีมลทินของพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ เหมือนจะไม่ได้ปรากฏตัวมาเป็นหมื่นปีแล้วด้วย? เหตุใดจู่ๆ คราวนี้ถึงหลุดออกมาได้เล่า”
“จริงด้วย! พวกเจ้าจำกันได้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าจริงๆ แล้วซั่งกวนเยว่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ในพันธสัญญาสองตัว หนึ่งในสองตัวนั้นก็คือนายน้อยแห่งเผ่าหงส์ทองคำ! ข้าเพิ่งเห็นนางพุ่งเข้าไปข้างในไปหยกๆ หรือว่าเรื่องนี้นางก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย?”
ทันทีที่ข้อสันนิษฐานนี้หลุดออกไป มันก็ดึงความสนใจของคนจำนวนมากไว้ได้ชะงัด
ใครคนหนึ่งถามเสียงดังก้อง
“ซ่งชิง พวกเจ้าเองก็มาที่นี่พร้อมกัน เป็นอย่างนั้นจริงรึเปล่า”
คนจำนวนมากต่างหันไปมองซ่งชิงด้วยสีหน้าแตกต่างกันออกไป
ซ่งชิงนิ่วหน้า ไม่ได้ตอบอันใดกลับไป หากแต่สายตาของเขาเบี่ยงออกไปหยุดอยู่ที่ซื่อจิง
มาถามเรื่องพวกนี้กับเขาให้ได้อันใด คนที่เป็นข้ารับใช้ของฉู่หลิวเยว่อย่างซื่อจิงน่าจะรู้ดีกว่ามิใช่หรือ
แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ดีว่าที่คนพวกนี้ไม่ถามซื่อจิง หลักๆ แล้วเป็นเพราะใจเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
…ตั้งแต่สระอัสนีบาตตกสู่ความโกลาหล อุปนิสัยวิตถารที่เขาแสดงออกนั้นดึงดูดสายตาของคนได้ชะงัด
ไม่ว่าใครก็รู้แจ้งแก่ใจว่าคนผู้นี้ไปยุ่มย่ามด้วยไม่ได้เด็ดขาด!
ซื่อจิงทำทีราวกับมองไม่เห็น
เขากำค้อนเหล็กในมือแน่น สายตาจับจ้องไปยังเบื้องหน้าเขม็ง หูขยับไหวน้อยๆ จนแทบจับสังเกตไม่ได้
สุ้มเสียงกรอบแกรบเหมือนมีเหมือนไม่มีแว่วลอยเข้ามาในหู
ครั้นเวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป สุ้มเสียงนี้ก็ยิ่งทวีความชัดเจนขึ้นมามากกว่าอีก
ตุบ ตุบ!
ตุบ ตุบ!
นี่คือเสียงทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกขังอยู่ในแนวโขดหินอันไร้ที่สิ้นสุดของสระอัสนีบาตกำลังพยายามโจมตีอย่างต่อเนื่อง ด้วยหมายจะทลายออกมาให้ได้!
ในตอนนั้นเอง เปลวเพลิงที่ลุกโชนไปทั่วฟ้าลดความเร็วในการหมุนวนน้อยลงกว่าก่อนหน้านี้มาก
ทว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากมันกลับไม่ได้อ่อนแรงลงเลยแม้แต่น้อย
…
ฟึ่บ!
ฟึ่บ!
เงาร่างสองร่างทยอยมาถึงที่หมาย
บรรดาฝูงชนต่างแหงนศีรษะมองดู
คนมาใหม่ก็คือจิ้นอวิ๋นไหล่และซูจิ้งนั่นเอง
ปกติแล้วเสินสื่อแต่ละคนล้วนมีหน้าที่รับผิดชอบของตัวเอง เพราะจิ้นอวิ๋นไหล่และซูจิ้งมีหน้าที่ดูแลเส้นทางดวงดาวและยอดเขาโอสถ พวกเขาจึงมีเวลาว่างมากที่สุด ย่อมมาถึงไวที่สุดเป็นปกติ
เมื่อเห็นภาพฉากตรงหน้า แม้ก่อนหน้านี้จะเตรียมตัวกันมาบ้างแล้ว คนทั้งสองก็ยังคงตื่นตะลึงจนนิ่งค้างอยู่กับที่
เปลวเพลิงสีทองอร่ามพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังหลั่งไหลอย่างบ้าคลั่ง จนแทบทำลายสระอัสนีบาตจนราบไปเกือบครึ่ง
ผืนฟ้าอันมืดมิดเองก็ถูกเปลวเพลิงส่องสว่างจ้า
ฟ้าดินวุ่นวายโกลาหลไปทุกหย่อมหญ้า
“นี่มัน… อี้เจาเผาตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
จิ้นอวิ๋นไหล่อดไม่ได้จะพึมพำด้วยรู้สึกตื่นตะลึง
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ซูจิ้งที่อยู่ข้างกันนั้นก็ตัดสินใจรวดเร็ว แล้วมุ่งหน้าลงไปดูในสระอัสนีบาต!
จิ้นอวิ๋นไหล่กำลังจะตะโกนเรียกนาง ทว่ากลับทันเห็นแค่เงาร่างของนางห่างไปไกลแล้ว จึงทำได้แค่ตามนางไปในทันที
ฟุ่บ!
คนทั้งสองทยอยมุ่งหน้าลงไปในสระอัสนีบาต
เมื่อเห็นภาพฉากเช่นนี้ บรรดาฝูงชนก็เริ่มกังวลอยู่ในใจมากขึ้นไปอีก
“หลายปีมานี้ พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์ยังไม่เห็นเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน ทำให้เสินสื่อหลายท่านตื่นตระหนกได้พร้อมกัน…”
“พวกเราเองก็ถอยหลังไปอีกหน่อยเถอะ เปลวเพลิงนั่นจะลามมาถึงริมฝั่งแล้ว!”
ทว่าในตอนที่เขากำลังจะลงมือนั่นเอง พลันกระแสพลังอันคุ้นเคยแผ่ออกมาจากด้านหลัง
เขาหันศีรษะกลับไปมองตามสัญชาตญาณด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“พี่ใหญ่!?”
การมาถึงของเฉินอีมิได้ดึงดูดความสนใจของผู้อื่นมากนัก
อย่างใดเสียเวลานี้ ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ที่เสินสื่อและสระอัสนีบาตกันหมด
สายตาของเฉินอีกวาดมองตัวเขา จากนั้นก็หยุดอยู่ที่ถวนซิ่นจื่อที่ห้อยอยู่ข้างเอว
“ดูหน่อยสิ”
เขาเชิดคางพลางเอ่ยเสียงเรียบ
ซื่อจิงก้มศีรษะลง ก่อนจะเห็นว่าตัวอักษรที่อยู่ในถวนซิ่นจื่อที่มันมีสีสันเข้มและสดใสกว่าตอนแรกเริ่มตั้งแต่เมื่อไรมิอาจรู้ได้ ราวกับว่าตัวอักษรนั่นจะหลุดออกมาจากด้านในได้ทุกเมื่อก็มิปาน!
หัวใจของเขาเต้นระรัวเร็ว มือใหญ่โบกเหนือถวนซิ่นจื่อไปรอบหนึ่ง
แรงกระเพื่อมที่แผ่ออกมาจางๆ จึงสงบลงในที่สุด ตัวอักษรด้านบนนั้นก็กลับสู่สภาพเดิมอีกครั้งหนึ่ง
“ขอบคุณพี่ใหญ่มากขอรับ”
ระหว่างที่ซื่อจิงพูด ตาก็มองเห็นเฉินอีที่สาวเท้าก้าวไปด้านหน้าจึงรีบถามออกไปเร็วรี่
“พี่ใหญ่ ท่านก็จะลงไปสระอัสนีบาตหรือ? ข้าจะไปกับท่านด้วย!”
เฉินอีผินหน้ามามองเขาแวบหนึ่ง
“เจ้ารออยู่ตรงนี้ก็พอ”
ซื่อจิงเกาศีรษะแกรกๆ อย่างรู้สึกเสียดาย
“อ้อ ได้ขอรับ! ข้าจะรอนายท่านกับพี่ใหญ่กลับมาอยู่ตรงนี้!”
เฉินอีส่งเสียงตอบรับ “อืม” คราหนึ่ง จากนั้นร่างของเขาก็วูบไหว หายวับลงไปในสระอัสนีบาตอย่างรวดเร็ว
…
ด้านใต้สระอัสนีบาตกำลังตกสู่ห้วงโกลาหลโดยสิ้นเชิง!
จิ้นอวิ๋นไหล่กับซูจิ้งยังไม่ทันถึงที่หมายดี ก็ถูกทัณฑ์สวรรค์ที่อยู่โดยรอบทุกรูปแบบทะยานฉวัดเฉวียนเข้าขัดขวางอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการเคลื่อนไหวจึงช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
อวี้เชียนเหลือบสายตามองมาทางนี้แวบหนึ่ง ก่อนจะเงื้อข้อมือขึ้น!
ผนึกอันนั้นพลันส่งแรงกระเพื่อมออกมาสายหนึ่ง จัดการทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นจนแตกกระเจิง!
คนทั้งสองถึงปลีกตัวหนีออกมาได้
แทบจะในขณะเดียวกันนั้นเอง เงาร่างหนึ่งพลันตามหลังคนทั้งสองมาติดๆ
อาศัยพลังสายนี้ของอวี่เชียน เขาจึงสามารถหลบการขัดขวางเหนี่ยวรั้งของทัณฑ์สวรรค์เหล่านั้นได้อย่างราบรื่น
อวี้เชียนขมวดคิ้วในทันที
ลมปราณสายนี้ผิดแผกยิ่งนัก!
ผู้ใดกันที่บังอาจกล้าลงมาที่นี่ในเวลานี้กัน
เขาตวัดสายตามองไปยังคนมาใหม่อย่างหมดความอดทน จากนั้นนัยน์ตาของเขาพลันหดเล็กลง!