ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2298 ขโมยฟ้าเปลี่ยนตะวัน
กระแสพลังที่แผ่ขยายวงออกฉับพลันทำให้พวกอวี้เชียนแทบยืนไม่อยู่กับที่ ผนึกกักวิญญาณที่เตรียมจะเปิดใช้ก็สั่นไหว ตั้งแต่เริ่มจนจบจึงยังหาทางตั้งขบวนไม่ได้
ครั้นได้ยินเสียงกระทบกันของโซ่ตรวนดังลั่น สีหน้าของอวี้เชียนก็ยิ่งทวีความมืดครื้ม
นี่คิดจะพาอี้เจาออกมาด้วยหรือ!
เฮอะ ทำได้แค่ฝันเอาเท่านั้นล่ะ
ตรวนเส้นนั้นแข็งแรงยิ่งยวด แม้แต่ถวนจื่อที่ตอนนี้เปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดแล้วก็มิอาจพังโซ่ให้ขาดได้!
รัศมีแสงสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือเขา เข้าประกอบร่างหล่อหลอมผนึกกักวิญญาณอย่างไม่หยุดหย่อน!
…
ยามตรวนเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง หมอกดำบนตรวนเส้นนั้นก็ทะลักออกมา ทว่าไม่มีแม้กระทั่งร่องรอยของการแตกหักเลยแม้แต่ครึ่ง
ถวนจื่อนิ่วหน้าทันควัน
ของสิ่งนี้ช่างมากปัญหาเสียจริง!
“ถวนจื่อ อย่ามัวแต่เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์เลย ข้า…ข้ามีบางอย่างจะพูดกับเจ้า…”
ในตอนนี้ตัวของอี้เจาถึงขีดจำกัดแล้ว สุ้มเสียงจึงอ่อนระโหยโรยแรงยิ่ง
นัยน์ตาของถวนจื่อแดงก่ำขึ้นมาทันที ดวงตากลมโตดุจผลองุ่นดำพลันเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“ท่านปู่ประมุข! ข้าจะช่วยท่านออกมาให้ได้!”
ไม่ง่ายเลยกว่านางจะเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดได้แล้วมาถึงที่นี่ เหตุใดยังทำโอกาสทองเช่นนี้หลุดมือไปได้!
มุมปากของอี้เจาหยักยกขึ้นเป็นเส้นโคงจางๆ แต่เพราะร่างกายจวนเจียนจะล้มเต็มทีจึงต้องใช้ความพยายามมากอย่างเห็นได้ชัด
คราบเลือดสีแดงเข้มซึมไหลออกมาตามแนว
“ถวนจื่อ ตอนนั้น…บรรพบุรุษของเรา…มิได้…มิได้ทรยศตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์…เป็น…”
เขาเอ่ยปากพูดอย่างยากลำบาก ลำคอก็ราวกับถูกบางสิ่งที่หยาบสากครูดจนเจ็บปวดยามพ่นทุกถ้อยคำออกมา
นางพูดพลางจุดเปลวเพลิงสีทองอร่ามขึ้นมาบนมือเล็กป้อมในพริบตา!
ปึง!
นางตวัดฝ่ามือลงบนตรวนจนเกิดเสียงดังกึกก้อง
ทว่าตรวนเส้นนั้นก็ยังไม่คลาย กระทั่งรอยครูดสักเล็กน้อยยังไม่ทิ้งเอาไว้ให้เห็น
ถวนจื่อกลั้นหายใจแล้วฟาดฝ่ามือลงไปอีกรอบ!
ความปวดร้าวอันรุนแรงแล่นปราดขึ้นมาตามฝ่ามือ ทว่ามันมิอาจเทียบกับความรู้สึกกระวนกระวายในใจของนางได้เลยแม้สักเสี้ยวหนึ่งจากทั้งหมด
ทำอย่างไรก็คลายไม่ออก!
เหตุใดถึงคลายไม่ออกกัน!
ฟากฉู่หลิวเยว่กำลังยืนอยู่ด้านนอกตาข่ายที่ถักทอร้อยเรียงขึ้นมาจากทัณฑ์สวรรค์สีทอง
ด้วยถูกแสงเจิดจ้าของทัณฑ์สวรรค์และเปลวเพลิงคั่นกลาง นางจึงมิอาจมองเห็นสถานการณ์ด้านในนั้นได้ถนัดถนี่นัก
แต่นางกับถวนจื่อมีจิตเชื่อมสัมพันธ์กัน ย่อมรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่นจนเป็นปม
นางรู้แจ้งดีว่าตรวนสีดำเส้นนั้นรับมือได้ยากเพียงใด
มาบัดนี้ ลำพังพึ่งแค่พลังของตัวถวนจื่อเองเกรงว่าจะไม่เพียงพอ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ กระแสคลื่นสายหนึ่งก็แผ่ขยายออกมาจากด้านในแหวนเฉียนคุน!
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตกใจ ตวัดสายตามองแสงสีม่วงที่วูบไหวผ่านตรงหน้า
เกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นปรากฏขึ้นมาในทันใด!
ใจของนางเต้นกระตุกกึก รีบยื่นมือไปคว้ามันเอาไว้
นี่เป็นของของต้าเป่า หากหลุดรอดออกไป เกรงว่า…
ชิ้ง!
ใจของนางพลันร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม!
ทว่าพริบตาต่อมา ภาพฉากที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้ากลับทำให้นัยน์ตาของนางฉายแววตื่นตะลึงอย่างลึกล้ำ…
เกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นเจาะทะลุค่ายกลป้องกันที่หลอมขึ้นมาจากทัณฑ์สวรรค์สีทอง ก่อนจมหายไปในเปลวเพลิงสีทองอร่ามอย่างว่องไว!
ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งหลบเลี่ยงไม่ทัน จึงถูกค่ายกลตัดขาดครึ่งท่อนในทันที!
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ทัณฑ์สวรรค์สีทองสายนั้นก็ส่งเสียงปะทุดัง ‘เปรี๊ยะ’ ออกมาคราหนึ่ง ก่อนแปรสภาพเป็นลำแสงนับไม่ถ้วนแล้วกระจัดกระจายไปสี่ทิศ!
ฉู่หลิวเยว่พรูลมหายใจเย็นยะเยือกออกมาเฮือกหนึ่ง
นี่มัน…!
เกราะเกล็ดที่ต้าเป่าทิ้งไว้ให้ชิ้นนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่ ถึงได้แหลมคมจนน่ากลัวเช่นนี้
ขณะเดียวกันนั้นเอง ถวนจื่อที่อยู่ใจกลางสุดของเปลวเพลิงโหมไหม้ก็ได้ยินเสียงดังกึกก้องนี้ด้วยเช่นกัน
การเคลื่อนไหวของนางหยุดชะงัก พลันหันศีรษะกลับมามอง
ประกายแสงสีม่วงคล่องแคล่วปราดเปรียวมิมีสิ่งใดเทียบพุ่งผ่านหน้านางไป!
ลมกระโชกแรงวูบหนึ่งพัดผ่านกระดิ่งทองที่มัดอยู่บนศีรษะนางจนเกิดเสียงกระทบดังกังวาน
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงตัดผ่านที่เรียบกริบยิ่ง
นางหันมองตามทิศทางของต้นเสียงที่ดังแว่วมา
พบเพียงว่าตรวนสีดำที่รัดตรึงอี้เจาไว้อย่างแน่นหนาถูกเกราะเกล็ดสีม่วงชิ้นนั้นตัดทิ้งอย่างง่ายดาย!
ถวนจื่อรีบโบกสะบัดขนนกทองคำบรรพบุรุษในมือโดยไม่แม้แต่จะคิด!
เปลวเพลิงสายหนึ่งพุ่งไปดึงข้อมือของอี้เจาเอาไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงเขาออกมาจากตรงนั้นอย่างฉับไว!
ปรากฏเป็นภาพฉากประหลาดตาให้เห็น
ตรวนสีดำที่แตกหักเข้าเชื่อมติดกันอย่างรวดเร็ว
หมอกดำอึมครึมเริ่มก่อตัวอออยู่ใกล้
ร่างของอี้กงลอยออกไปอย่างมิอาจควบคุม ขณะเดียวกันนั้นเอง พลันมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาบนตัวเขาเป็นเปลวเพลิงของอี้เจาที่เดิมทีถวนจื่อทยอยสะสมเอาไว้ก่อนหน้านี้นั่นเอง!
ตอนนี้เปลวเพลิงห่อหุ้มตัวเขาไว้ ทำให้ลมปราณบนร่างของเขานั้นเหมือนกับอี้เจาโดยสิ้นเชิง!
เคร้ง…
ครั้นรับรู้ได้ถึงลมปราณสายนี้ ตรวนสีดำเส้นนั้นก็พุ่งทะยานมาโอบรัดตัวอี้กงเอาไว้แน่นหนาด้วยความรวดเร็ว!
ในใจของถวนจื่อพลันสงบนิ่ง นางตวัดสายตามองอี้เจา
“ท่านปู่ประมุข! พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
อี้เจาเบนสายตากลับมา
หากหนีไปทั้งแบบนี้ ลมปราณบนร่างของเขาก็จะมิอาจปกปิดไว้ได้ ไม่ช้าก็เร็วย่อมถูกเปิดโปง
ตัวเขาเองน่ะไม่มีปัญหาอะไร ที่สำคัญคือมิอาจลากถวนจื่อเข้ามาพัวพันด้วยได้
สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง
“ถวนจื่อ เจ้าถอยหลังไปหน่อย”
ถวนจื่องุนงง แต่ก็ยังถอยหลังไปหลายก้าวอย่างเชื่อฟัง
“ท่านปู่ประมุข ท่านจะ…”
ตูม!
นางยังไม่ทันพูดจบดี ร่างกายของอี้เจาก็ระเบิดออกทันควัน!
ถวนจื่อพลันเบิกตาโพลง ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ก็รู้สึกถึงคลื่นความร้อนสายหนึ่งที่กำลังสาดซัดพัดวูบมาจากเบื้องหน้า!
ร่างของนางปลิวไปด้านหลังอย่างมิอาจควบคุมได้
เปลวเพลิงอันแข็งแกร่งสายหนึ่งเข้าห่อหุ้มจิตวิญญาณโปร่งใสของอี้เจาเอาไว้ ก่อนจะหายวับเข้าไปในขนนกทองคำบรรพบุรุษในมือนางอย่างรวดเร็ว!
และในขณะเดียวกัน ร่างกายของอี้กงก็ถูกเผากลืนไปในพริบตา!
คลื่นความร้อนอันเดือดลวกทลายกรงขังที่ก่อตัวจากทัณฑ์สวรรค์สีทอง ก่อนแผ่กระจายจู่โจมไปทั่วทุกทิศทาง!
ฉู่หลิวเยว่เห็นดังนั้นแล้วก็รีบพลิกตัวหันหลังโดยไม่ลังเล ปกป้องถวนจื่อเอาไว้อย่างมั่นคง
ทว่าความปวดแสบปวดร้อนกลับมิได้แล่นปราดตามมาเหมือนที่คิด
สุรเสียงชวนคุ้นเคยก้องดังมาจากด้านหลัง
“นายท่าน”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบตาขึ้นมอง
“เฉินอี?”
เมื่อครู่ความสนใจทั้งหมดของนางอยู่ที่ถวนจื่อ จึงมิทันได้รับรู้ว่าเฉินอีเองก็มาถึงแล้วเช่นกัน
“นายท่าน ที่แห่งนี้อันตราย พวกเรารีบออกไปให้เร็วที่สุดเถอะ”
เฉินอีเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จึงหันศีรษะกลับไปมอง
ค่ายกลโปร่งใสอันหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อไรมิอาจทราบได้ มันคอยสกัดกั้นกระแสพลังทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามาเอาไว้ด้านนอก
นี่คือฝีมือของเฉินอีนี่นา!
“ของสิ่งนี้ต้านทานไว้ได้ไม่นาน”
เฉินอีเอ่ยเสียงนิ่ง
ฉู่หลิวเยว่รีบพยักหน้าเร็วรี่
“ไป!”
ไวเท่าความคิด นางสะบัดข้อมือเหวี่ยงเอาภาพเมฆาเคลื่อนคล้อยออกมา จากนั้นก็ก้าวเข้าไปอย่างว่องไว!
เฉินอีหันศีรษะกลับไปมองแวบหนึ่ง
กรงขังสีทองอันนั้นถูกฉีกขาดโดยสมบูรณ์ เปลวเพลิงสีทองนับไม่ถ้วนดุจหินหนืดร้อนระอุที่ลามกระจายไปทั่วสี่ทิศ
พวกอวี้เชียนที่เปิดใช้งานผนึกกักวิญญาณไม่ทันแตกพ่ายในพริบตา พวกเขาแต่ละคนล้วนได้รับแรงกระแทกจากกระแสพลังสายนี้จึงค่อยๆ พากันล่าถอยไปในสภาพบอบช้ำ!
เขาเบนสานตากลับมาอย่างเฉยเมย แล้วก้าวตามเข้าไปในภาพเมฆาเคลื่อนคล้อย