ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2299 นายท่านของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 2299 นายท่านของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
………………..
การเคลื่อนไหวใหญ่โตที่ปะทุออกมาจากสระอัสนีบาตทำให้บรรดาฝูงชนทุกคนที่ยืนอยู่บนริมขอบฝั่งต่างอ้าปากค้างตาเบิกโพลงกันถ้วนหน้า
พลังอันโหดเหี้ยมไร้เทียมทานของทัณฑ์สวรรค์กวาดล้างไปทั่วทุกสารทิศประหนึ่งบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วมิปาน กระแสคลื่นลูกใหญ่ทะยานขึ้นสู่ฟ้า!
ถึงขั้นที่ว่าพื้นดินที่พวกเขากำลังเหยียบอยู่ก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงตามมาทันใด
“หนีเร็ว!”
มิรู้ว่าใครแผดเสียงตะโกน หากแต่บรรดาฝูงชนก็ตะลีตะลานแยกย้ายกระจัดกระจายกันไปในทันที
ทว่าซื่อจิงมิได้ขยับเขยื้อน กลับกันเขาขมวดคิ้วดกดำของตนจนเป็นปม
เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้
เขากระทืบเท้าปึงปัง
ทัณฑ์สวรรค์ที่กำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตีเชื่องช้าลงอย่างเงียบงัน ครั้นมาถึงข้างฝีเท้าเขาแล้วก็ไร้ซึ่งพลังจู่โจมใดอีก
หากมีใครสักคนเบนความสนใจมาทางนี้แล้วละก็ ย่อมรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่นอน
แต่ตอนนี้ความสนใจของทุกคนล้วนอยู่ไกลออกไป ไหนเลยจะยังมีกะจิตกะใจหันไปมองซื่อจิงอยู่อีกเล่า
ยิ่งไปกว่านั้น ริมขอบสระอัสนีบาตยาวอย่างยิ่ง เดิมทีมุมน้อยๆ ที่เขายืนอยู่นั้นก็มองได้ไม่ถนัดตานัก
ด้วยเหตุนี้ จึงมิมีผู้ใดสังเกตได้ถึงอากัปกิริยาที่แปลกไปของซื่อจิงเลยแม้แต่คนเดียว
ในตอนนั้นเอง บนกลางอากาศเหนือสระอัสนีบาตพลันปรากฏลำแสงสายหนึ่ง
จากนั้นสองเงาร่างก็ทยอยเดินออกมาจากลำแสงนั้นทีละคน
เป็นฉู่หลิวเยว่กับเฉินอีนั่นเอง!
…
ฉึบ!
ฉู่หลิวเยว่ชะเง้อมองไปด้านล่างแวบหนึ่ง
สระอัสนีบาตอันใหญ่โตกว้างขวางตกสู่ความโกลาหลโดยสมบูรณ์
ทัณฑ์สวรรค์นับไม่ถ้วนบินฉวัดเฉวียนทั่วทุกสารทิศ ทัณฑ์สวรรค์บางเส้นยังมีประกายแสงสีทองผสมปนเปอยู่ด้วย…สิ่งนั้นก็คือทัณฑ์สวรรค์สีทองที่ถูกทลายจนสลายกระจายไปทั่ว
ขณะเดียวกันนั้นเอง เปลวเพลิงสีทองอร่ามก็แผดเผาถาโถม
ยามมองลงไปจากด้านบน ข้างในนั้นดูราวกับจมสู่ทะเลเพลิงไปแล้วโดยสิ้นเชิง!
จากนั้นก็มีเงาร่างจำนวนหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านในนั้น
เป็นกลุ่มของอวี้เชียนนั่นเอง
พวกเขาลอยอยู่กลางอากาศ ร่วมใจกันลงมือขะมักเขม้น เห็นได้ชัดว่าคิดจะยับยั้งกระแสพลังอันแข็งกร้าวต่อไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ทำแบบนี้ก็เอาตัวไม่รอด
ฉู่หลิวเยว่ก้มมองถวนจื่อในอ้อมแขน
ถวนจื่อกำลังแอบอิงกับไหล่นาง ไม่ส่งเสียงพูดอะไร หากแต่ปลายจมูกชี้รั้นกลับแดงก่ำ
ฉู่หลิวเยว่จูบหน้าผากนางอย่างเอ็นดู
“ถวนจื่อเด็กดี พวกเรากลับบ้านกัน”
ในใจถวนจื่อขุ่นหมองนัก ในที่สุดน้ำตาที่อดกลั้นไว้อยู่นานก็ร่วงเผาะ
หยดน้ำตาเม็ดใหญ่ใสกระจ่างแวววาวร่วงไหลราวสร้อยไข่มุกสายขาดก็มิปาน
ไม่ช้าชุดของฉู่หลิวเยว่ก็เปียกชื้นเป็นดวง
นางกำขนนกทองคำบรรพบุรุษเส้นนั้นไว้แน่น ซุกศีรษะฝังเข้ากับบ่าของฉู่หลิวเยว่พลางสะอึกสะอื้นเสียงเบา
“เจ้าค่ะ”
…
ฉู่หลิวเยว่จึงพาถวนจื่อมุ่งหน้ากลับไปยังภูเขาเฟิ่งหมิง
ซื่อจิงก้าวไปด้านหน้า เอ่ยถามอย่างเป็นกังวลอยู่หลายส่วนว่า
“นายท่านกับถวนจื่อไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ”
เฉินอีส่ายศีรษะ
“ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ส่วนสระอัสนีบาตแห่งนี้…หลังความวุ่นวายคราวนี้คงอีกนานกว่าจะฟื้นฟูสภาพกลับมาได้ ระยะนี้เจ้าอย่าเพิ่งมาที่นี่ก็แล้วกัน”
ในใจของซื่อจิงเย็นวาบ รีบผงกศีรษะรับทันที
“ขอบคุณท่านมากพี่ใหญ่ ข้าเข้าใจแล้ว”
เฉินอีพูดจบก็เบนสายตามองไปยังทิศทางที่ไกลออกไป
เงาร่างของกลุ่มอวี้เชียนท่ามกลางทะเลเพลิงที่ขยายทั่วฟ้าดูเล็กจ้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เขาหรี่ตาน้อยๆ จากนั้นก็หมุนกายจากไป
…
เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดจะพาถวนจื่อกลับจวนที่พักของตน ทว่าพอครุ่นคิดไปมาแล้วก็ตัดสินใจกลับไปภูเขาเฟิ่งหมิงแทน
ในมุมหนึ่ง ถ้ามองจากภายนอกตอนนี้นางกับถวนจื่อไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว หากพานางกลับไปทั้งแบบนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะดึงดูดให้ปัญหาไม่น้อยตามมา
อีกแง่หนึ่ง ภูเขาเฟิ่งหมิงจะอย่างไรก็เป็นสถานที่ที่ครั้งหนึ่งบรรพบุรุษของหงส์ทองคำเคยพำนักอาศัย ที่นี่จึงเงียบสงบและปลอดภัยอย่างยิ่ง
ครั้นมาถึงที่นี่ ร่างเล็กของถวนจื่อก็ยังคงร้องไห้จนตัวโยน
ฉู่หลิวเยว่ลอบถอนใจแผ่วเบา
ความจริงแล้วตอนที่สับเปลี่ยนตัวอี้เจากับอี้กงได้สำเร็จลุล่วง ขอแค่หลบหนีออกมาก็เป็นอันรอดแล้ว
แต่อี้เจาก็ยังเลือกที่จะทำเช่นนี้
เหตุผลมีเพียงอย่างเดียว เขาต้องการรับประกันว่าถวนจื่อจะปลอดภัยโดยสมบูรณ์อย่างแท้จริง
แม้ว่าจะสับเปลี่ยนลมปราณแล้ว แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีภยันตรายที่แอบแฝงอยู่
เนื่องจากว่าอี้กงเปิดเส้นชีพจรเส้นที่เจ็ดไปแล้ว ทั้งยังใช้ลมปราณและพลังของอี้เจาในการเปิดเส้นชีพจรอีกด้วย
ของพวกนี้ก็เพียงพอจะปกปิดลมปราณสายเลือดของอี้กงไปได้โดยสิ้นเชิง
ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือได้รับพลังจู่โจมอันน่าหวาดสะพรึงเช่นนั้นไป อี้กงไม่ตายก็มีสภาพใกล้เคียง
ความลับนี้จึงถูกกลบฝังอย่างมิดชิดตลอดกาล
ฉู่หลิวเยว่มิได้พูดอะไร เพียงแค่อุ้มถวนจื่อไว้ มือหนึ่งก็ลูบหลังของนางไปมาแผ่วเบา
ปกติถวนจื่อก็ชอบร้องไห้งอแงเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่น้อยครั้งนักที่จะเห็นนางอยู่ในสภาพนี้
ไม่พูดไม่จา เพียงแค่ปล่อยให้หยดน้ำตาร่วงเผาะไม่หยุด
คงเจ็บปวดใจมากจริงๆ ถึงได้เป็นแบบนี้สินะ…
ในใจของฉู่หลิวเยว่ราวถูกอะไรบางอย่างบีบรัดจนเป็นก้อน รู้สึกอัดอั้นตันใจและหดหู่ยิ่ง
สายลมโชยวูบหนึ่งพัดผ่าน
รอบด้านสี่ทิศเงียบสงัด กระทั่งลมปราณร้อนระอุบนภูเขาเฟิ่งหมิงบัดนี้ยังอ่อนโยนขึ้นมามากทีเดียว
มิรู้ว่านานเท่าใด ในที่สุดน้ำตาของถวนจื่อก็หยุดไหล
นางเงยศีรษะมามองฉู่หลิวเยว่ นัยน์ตาสองข้างบวมแดง แพขนตาเรียวยาวยังคงมีคราบน้ำตาสีใสเกาะอยู่
“อาเยว่”
นางเริ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง
“ถวนจื่อไร้ประโยชน์มากเลยใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับนิ่งงัน
“เหตุใดถึงถามเช่นนี้”
ถวนจื่อเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยต่อว่า
ฉู่หลิวเยว่ส่ายศีรษะ ปาดคราบน้ำตาตรงหางตาของนางออกให้เบาๆ
“ถวนจื่อ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว”
สามารถเปิดเส้นชีพจรได้ถึงเส้นที่เจ็ดในระยะเวลาสั้นขนาดนี้ได้ เกรงว่าทั้งเผ่าหงส์ทองคำคงมีแค่ถวนจื่อคนเดียวที่ทำได้
แม้อี้เจาจะร่างเนื้อสลายไปแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ยังหลบหนีออกมาได้อย่างราบรื่น ทั้งยังรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
“ต่อไป…”
ต่อไปก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสช่วยอี้เจาหลอมกายเนื้อขึ้นมาใหม่เลยเสียหน่อย
ถวนจื่อผงกศีรษะหงึกหงัก เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หูของฉู่หลิวเยว่แล้วกระซิบเสียงค่อย
“ท่านปู่ประมุขกำลังหลับอยู่”
คราแรกฉู่หลิวเยว่ยังคงงุนงง จากนั้นก็ค่อยๆ เข้าใจความหมายที่ว่า
แน่นอนว่าเป็นเพราะก่อนหน้านี้อี้เจาคลุ้มคลั่งเกินไป ดังนั้นถึงได้จมสู่ห้วงภวังค์ยาวนาน
แต่ว่าพักฟื้นตัวอยู่ในขนนกทองคำบรรพบุรุษสักระยะก็อาจจะดีขึ้นมากอยู่บ้าง
หลังจากถวนจื่อหยุดร้องไห้ อารมณ์ของนางก็ค่อยๆ กลับมาสงบดังเดิมในที่สุด
เรื่องราวเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว ทำได้แค่เลือกที่จะยอมรับมันเท่านั้น
รอนางเปิดเส้นชีพจรไปเรื่อยๆ ก็จะช่วยท่านปู่ประมุขไว้ได้!
“จริงสิ”
ถวนจื่อพลันนึกอะไรบางอย่างออกก็นิ่วหน้าทันควัน พลางเสสายตามองฉู่หลิวเยว่
“ก่อนหน้านี้ท่านปู่ประมุขพูดถึงเรื่องของบรรพบุรุษด้วย เขาบอกว่าตอนนั้นบรรพบุรุษมิได้ทรยศตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
ฉู่หลิวเยว่ใจกระตุกกึก
“จากนั้นเล่า?”
“จากนั้นก็ไม่มีแล้ว”
ถวนจื่อส่ายศีรษะ
“ท่านปู่ประมุขยังไม่ทันได้พูดจบน่ะ…”
ตอนนั้นใจนางมัวแต่คิดว่าจะไปช่วยเขาออกมา จึงมิได้ตั้งใจฟังให้ชัด
ตอนนี้พอนึกขึ้นได้ถึงรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว
อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษ
ฉู่หลิวเยว่ย่นคิ้ว
เรื่องในปีนั้นมีบางอย่างทะแม่งๆ เหมือนอย่างที่คาดไว้จริงด้วย
หากว่าตอนนั้นอี้หลิงไม่ได้เลือกจะทรยศ เช่นนั้นเหตุใดภายหลังถึงได้มีข่าวลือออกมามากมายปานนี้เล่า
นางเหลือบตามองไปทางตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก
นายท่านของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์คนปัจจุบันคือผู้ใดกันหนอ…