ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2310 ฉู่หลิวเยว่ผู้แข็งแกร่ง!
ตอนที่ 2310 ฉู่หลิวเยว่ผู้แข็งแกร่ง!
………………..
นี่หาใช่ลำแสงธรรมดาไม่ แต่เป็นกระแสพลังบีบเค้นที่ก่อเกิดจากช่องว่างที่ต่างกันมาตัดพันกันต่างหาก!
ฉู่หลิวเยว่สะกดกลั้นลมหายใจจนขมับของนางเต้น ตุบ ตุบ
หากมิใช่เพราะเมื่อครู่นางหลบหลีกได้ทันเวลา เกรงว่าตอนนี้คง…
นางปรายสายตามองลงไปด้านล่าง พบว่าลำแสงสายนั้นหายวับไปแล้วอย่างรวดเร็ว
ทว่าในส่วนลึกของทะเลแห่งนี้กลับเปี่ยมด้วยลำแสงที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันปรากฏให้เห็นคล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่รำไร!
ก่อนหน้านี้มู่หงอวี่เคยพูดว่า กระแสพลังจากช่องว่างนับไม่ถ้วนที่ซ้อนทับกันใต้ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นอันตรายอย่างมาก
บัดนี้พอมาดูแล้ว นางพูดได้ถูกต้องโดยแท้!
หากผู้อาวุโสลำดับห้าถูกขังอยู่ที่นี่จริงละก็…
ฉู่หลิวเยว่กัดฟันกรอด
ผู้อาวุโสลำดับไม่มีร่างศักดิ์สิทธิ์ เดิมย่อมเสียเปรียบอยู่แล้ว ทั้งยังต้องเผชิญกับทุกข์ทรมานอันมากมายสาหัส…
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจงใจจับผู้อาวุโสลำดับห้าและตู๋กูโม่เป่าออกจากกัน แล้วขังแยกพวกเขาไว้ที่นี่ ทำเช่นนี้ไปด้วยเหตุใดกัน
ในตอนนั้นเอง นางพลันรู้สึกถึงไอเย็นวาบที่มาปรากฏด้านหลัง
ใจของนางกระตุกกึก รีบหมุนกายตวัดกระบี่ไปโดยไม่แม้แต่จะคิด!
ปราณกระบี่เย็นยะเยือกพุ่งทะยานออกไป!
ฉัวะ!
สุ้มเสียงของบางสิ่งบางอย่างที่ถูกตัดออกดังก้อง
ลำแสงอันเฉียบบางถูกตัดแยกออกเป็นสองส่วนทันที
ฉู่หลิวเยว่พ่นลมหายใจออกมาแผ่วเบา จากนั้นพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันไปมองทางหนานจิ่นซูอีกรอบหนึ่ง
ไวเท่าความคิด ฉู่หลิวเยว่มุ่งหน้าดำดิ่งลงไปด้านล่างทันที
…
ยิ่งดำลึกลงไปเท่าไร ปริมาณของลำแสงก็ยิ่งมากเท่านั้น
พวกมันเหมือนกับสาหร่ายทะเลที่ลอยเคว้งอยู่ที่ก้นทะเล ล่องลอยอย่างเอื่อยเฉื่อยเป็นอิสระ ทว่าแฝงด้วยพลังสังหารคร่าชีวิตถึงตาย
ยามพวกมันค่อยๆ เคลื่อนผ่านร่างของฉู่หลิวเยว่ ก็ทำให้นางรู้สึกปวดแสบปวดร้อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว
ร่างศักดิ์สิทธิ์ของนางแทบทนรับกระแสพลังจากช่องว่างของที่นี่ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ฉู่หลิวเยว่รู้แจ้งแก่ใจในข้อนี้ดี แต่นางก็หาได้หยุดลงไม่ แม้แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ก็ไม่ได้เชื่องช้าลงแต่อย่างใด
นางกำกระบี่ในมือ ตวัดฟาดฟันลำแสงเหล่านี้จนขาดวิ่นดุจฝ่าดงขวากหนาม
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ในที่สุดก็มีแสงกลุ่มหนึ่งปรากฏสู่ครรลองสายตาของนาง
ลำแสงทั้งหมดล้วนพุ่งทะยานออกมาจากตรงนั้น ลำแสงบางส่วนที่ลอยอยู่ไกลออกไปกำลังตัดกระชากช่องว่างอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งยังมีบางส่วนที่เกี่ยวพันรัดรึงกันเอง จนยิ่งทำให้กระแสพลังนั้นแตกกระเจิง
ใจของนางที่รู้สึกกระวนกระวายอยู่เลือนราง ในที่สุดก็หยุดชะงักไป
ภายในกลุ่มแสงนั้นมีเงาร่างหนึ่งปรากฏให้เห็นอยู่เลือนราง
สองตาของฉู่หลิวเยว่จดจ้องนิ่ง
นางย่อมอยากเข้าไปอยู่แล้ว แต่นางก็รู้ดีว่านี่มันอันตรายเกินไป
แค่ยืนอยู่ตรงนี้นางก็หายใจติดขัดมากแล้ว หากเข้าไปใกล้กว่านี้ละก็…
ทันใดนั้น แรงกระเพื่อมไหวอันประหลาดพิกลสายหนึ่งพลันแผ่ออกมาจากแหวนเฉียนคุนในมือนาง
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับงุนงง หลุบตามองโดยไม่รู้ตัว
หินก้อนหนึ่งพลันกลิ้งหลุนๆ ออกมาจากในแหวน
มันร่วงลงไปด้านล่างอย่างแผ่วเบา
ฉู่หลิวเยว่เอื้อมมือไปคว้าไว้ทันที ทว่าหินก้อนนั้นกลับหลบหลีกไปได้อย่างพลิ้วไหว จากน้้นก็ดำดิ่งลงไปด้านล่างด้วยความเร็วที่มากกว่าเก่า
ฉู่หลิวเยว่นิ่วหน้าโดยพลัน
แม้ว่าครานั้นนางจะไม่ได้ตั้งใจเอาหินพวกนี้กลับไปด้วย แต่พอเวลาผ่านไป ก็ยังมีความรู้สึกผูกพันหลงเหลืออยู่หลายส่วน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก่อนหน้านี้เจ้าหินพวกนั้นช่วยนางได้มาก ทั้งยังช่วยนางยามเผชิญกับอันตรายไว้หลายต่อหลายครั้ง
นางจึงยิ่งทำใจจากมันไม่ลง
ในตอนที่นางกำลังคิดจะลงมือนั่นเอง ฉากที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับทำให้การเคลื่อนไหวของนางต้องหยุดชะงัก
ทันใดนั้นเองพลันมีประกายแสงสีส้มอบอุ่นสายหนึ่ส่องสวว่างออกมาจากหินก้อนนั้น
มันคือด้านในของอาณาเขตเซียนเทพนั่นเอง
อาณาเขตเซียนเทพนี้จัดการห่อหุ้มหินก้อนนั้นเอาไว้หมดจด
จากนั้น ลำแสงดุจเส้นไหมสีเงินสายนั้นก็เข้าเกี่ยวพันบนก้อนหินด้วยตัวมันเอง ก่อนจะซึมซาบเข้าไปในอาณาเขตเซียนเทพกลุ่มนั้น!
ฉู่หลิวเยว่พลันตื่นตะลึงอยู่ในใจจนสงสัยว่าตัวเองอาจจะตาฝาดไป
นางหลับตาแล้วลืมตาขึ้นมามองอีกรอบ…พบว่าฉากเบื้องหน้ามิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด!
หินก้อนนั้นยังคงลอยเคว้งอย่างเงียบงัน ทั้งยังขจัดพลังอันแข็งแกร่งของลำแสงสายนั้นที่เข้าห่อหุ้มไปได้อย่างง่ายดาย
ยามมองไปก็ดูราวกับเป็นเส้นไหมบางเฉียบที่พันรอบหินก้อนนั้น
ก้อนหินมิได้ขยับแต่อย่างใด ไหมเส้นนั้นเองก็ทำได้แค่ลอยล่องอยู่กับที่อย่างแผ่วเบา
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
นี่มัน…ทำให้ช่องว่างเล็กๆ พวกนั้นกลับมาเสถียรได้?
ในตอนที่ความสงสัยใคร่รู้เต็มหัวนางจนถึงขีดสุด หินก้อนที่สองก็กลิ้งออกมาจากแหวนเฉียนคุน
มันเหมือนกับหินก้อนก่อนหน้าไม่มีผิด ก้อนนี้กลิ้งหลุนๆ ไปอีกทาง หลังจากถูกลำแสงเข้าเกี่ยวรัดแล้ว ก็ลอยอยู่กับที่อย่างเงียบเชียบ
ฉู่หลิวเยว่พลันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันอันหนักอึ้งที่อยู่โดยรอบค่อยๆ ผ่อนลงมาหลายส่วน
แม้จะเพียงเล็กน้อยมาก แต่ก็ยังรู้สึกได้!
ในตอนนั้นเอง มู่หงอวี่ที่ยืนรอคอยอย่างกระวนกระวายใจอยู่บนสะพานสีเงินกำลังจดจ้องไปยังทิศทางที่ฉู่หลิวเยว่หายไปเขม็ง มือสองข้างประสานกันแน่น ใจวูบหวิวราวถูกแขวนไว้บนที่สูง
หลิวเยว่ลงไปได้สักพักแล้วหนา เหตุใดถึงยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลยเล่า
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบริเวณโดยรอบค่อยๆ เงียบซาลง
“นานขนาดนี้แล้วซั่งกวนเยว่ยังไม่กลับขึ้นมา คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องขึ้นหรอกหนา?”
“ไม่น่าใช่กระมัง? ได้ยินว่าตัวนางมีไพ่ตายซ่อนอยู่หลายใบ ไม่พูดถึงเรื่องอื่น แค่เอาชีวิตรอดกลับมาก็ไม่น่ามีปัญหา”
“พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก ไม่ได้รับอนุญาตจากเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง บุกรุกเข้าไปในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์โดยพลการ เดิมก็เสี่ยงอันตรายมากแล้ว…”
มู่หงอวี่ขมวดคิ้วนิ่วหน้า
ในตอนนั้นเอง นางพลันตื่นตกใจ ก่อนจะหันมองไปยังผืนทะเลที่ไกลออกไปด้วยดวงตาที่แฝงแววเหลือเชื่อ
บรรดาช่องว่างนับไม่ถ้วนที่เกี่ยวรัดกันข้างใต้ผืนทะเลเหมือนจะกำลังค่อยๆ สงบลง!?
นางก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจด้วยเกรงว่าตัวเองจะคิดผิด
ทว่าทุกอย่างล้วนกำลังดำเนินไปตามขั้นตอนโดยไม่ผิดเพี้ยน
ภาพฉากภายในหัวของนางเองก็ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาเช่นเดียวกัน!
…
ในไม่ช้า หนานจิ่นซูก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เพราะว่าพลังที่ถ่ายเทสู่ภายในร่างของเขาเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
ด้วยเหตุนั้นในมที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมาแล้วมองลงไปยังด้านล่าง
กระแสน้ำวนสายนั้นหดเล็กลงกว่าก่อนหน้านี้อยู่มาก กระแสพลังที่บรรจุอยู่ภายในนั้นเองก็มิอาจเทียบเคียงก่อนหน้านี้ได้เช่นกัน
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้”
หนานจิ่นซูนิ่วหน้าขึ้นมาทันใด
พลังภายในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นเรียกได้ว่าไร้ขีดจำกัด เขาก็แค่รับพลังเพียงส่วนหนึ่งยืมมาใช้พัฒนาการบำเพ็ญตนของตัวเองเท่านั้น
เหตุใดถึงไม่ได้ผลกัน?
ในไม่ช้า เขาก็พบว่าสาเหตุที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เป็นเพราะว่าพลังที่อยู่โดยรอบนั้นกระจัดกระจายมากกว่าก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วน
ทั้งยังมีพลังอีกจำนวนมากที่พุ่งลงไปยังส่วนลึกของทะเล
เขาจึงถือโอกาสนี้ลงไปดูด้านล่างแวบหนึ่ง
หากไม่มองก็แล้วไป ทว่าครั้นมองไปแล้วกลับทำให้เขาตกใจถึงขีดสุด!
ภายในก้นบึ้งของทะเลอันมืดมิด มีบรรดากลุ่มแสงทอประกายสว่างจ้าอย่างเงียบเชียบ
พวกมันอยู่ใกล้กันอย่างมาก ยามมองไปราวกับจุดแสงงดงามที่รวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน
แต่ในไม่ช้าเขาก็เห็นว่ามิได้เป็นเช่นนั้น
เพราะว่าบนกลุ่มแสงเหล่านั้นได้แผ่แรงกดดันอันเป็นเอกลักษณ์กระจายออกมา
เขาคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนี้อย่างมาก
“นั่นมัน…อาณาเขตเซียนเทพ!?”
หนานจิ่นซูพึมพำเสียงเบาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
จากนั้นก็มีแสงสีขาวสายหนึ่งแล่นปราดขึ้นมาในหัวของเขา
“ซั่งกวนเยว่!”
นี่มันคืออาณาเขตเซียนเทพเทพสามพันของนางมิใช่หรือไร!
นางเองก็ลงมาที่นี่ ทั้งยังถึงขั้น…ใช้อาณาเขตเซียนเทพนี้ดูดกลืนพลังในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ด้วยนี่นะ!
………………..