ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2311 ความลับ
ตอนที่ 2311 ความลับ
………………..
ฉู่หลิวเยว่ใช้สองมือกอดอก มองดูอาณาเขตเซียนเทพอันงดงามจับตาล่องลอยอยู่เบื้องหน้าพลางนวดขมับด้วยปวดศีรษะอยู่ไม่น้อย
เหมือนว่ามันไม่ควรเป็นแบบนี้นะ…
นางก็แค่จะมาตรวจสอบสถานการณ์ล่วงหน้าก็เท่านั้น เพื่อที่มู่หงอวี่จะได้ลงมือสะดวกมากขึ้นหลังจากบุกทะลวงเขตแดนมหายาน แล้วช่วยเหลือผู้อาวุโสลำดับห้าออกมา
ไม่ได้อยากจะก่อความวุ่นวายใหญ่โตปานนี้เสียหน่อย!
เดิมทีนางลองหยุดพวกมันแล้ว แต่ในไม่ช้าก็พบว่าไม่ได้ผล
บางครั้งหินพวกนั้นก็ว่าง่าย บางครั้งก็พยศจนน่าเหลือเชื่อ
หากคิดจะก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ นางเองก็ไร้หนทางจะหยุดพวกมันเช่นกัน
จากนั้นเหตุการณ์ก็ดำเนินมาจนอยู่ในรูปแบบนี้แล้ว
ช่องว่างที่ตัดซ้อนกันจำนวนนับไม่ถ้วนภายใต้ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ถูกแช่แข็งไว้จนหมดสิ้นแล้ว
บริเวณโดยรอบไร้ซึ่งแรงกดดันอันหนักอึ้งอีกต่อไป
หรือสรุปสั้นๆ ก็คือสงบเงียบยิ่ง!
น่าเสียดายที่ด้านล่างยังคงมีค่ายกลอีกชั้นหนึ่งที่กักขังผู้อาวุโสลำดับห้าเอาไว้ เมื่อครู่นางลองดูแล้วก็ยังไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้
มีเพียงที่นั่นเท่านั้นที่ไม่ถูกแตะต้อง และครอบงำโดยอาณาเขตเซียนเทพเทพสามพัน
ส่วนสถานที่อื่นที่อยู่บริเวณโดยรอบนั้น…
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้แม้กระทั่งกระแสคลื่นเบาบางทุกสายที่อยู่ทั่วทุกสารทิศเลยด้วยซ้ำ!
“ซั่งกวนเยว่!”
สุ้มเสียงของหนานจิ่นซูที่แฝงด้วยแววโมโหโกรธาแว่วดังขึ้นมาจากด้านบน
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะโบกมือไหวๆ
บังเอิญ?
ใครมันไปบังเอิญกับเจ้ากัน!
“เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร!”
หนานจิ่นซูหยุดห่างจากฉู่หลิวเยว่ไม่ไกลนักพลางเค้นถามเสียงเย็น
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะร่า
“ประมุขหนานมาได้ แล้วเหตุใดข้าจะมาไม่ได้?”
หนานจิ่นซูแค่นเสียงเย็นเยียบคราหนึ่ง
“ข้าได้รับอนุญาตจากเสินสื่อลำดับที่หนึ่งให้มาที่นี่แล้ว ย่อมแตกต่างจากเจ้า! เจ้าบุกรุกมาที่นี่ทั้งยังใช้อาณาเขตเซียนเทพบังคับช่วงชิงพลังพวกนั้นที่เดิมทีเป็นของข้า ซั่งกวนเยว่ เจ้าทำเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
หากอยู่ในอาณาจักรเสิ่นซวี่ หนานจิ่นซูย่อมไม่มีความมั่นใจและกล้าพอที่จะพูดเช่นนี้กับฉู่หลิวเยว่
อย่างไรเสียตระกูลหนานทั้งหมดถูกกวาดล้างเกือบหมดด้วยน้ำมือของฉู่หลิวเยว่ ก้นบึ้งในจิตใจเขายังคงเปี่ยมด้วยความหวาดกลัวอันลึกล้ำอยู่ใต้เงาของนาง
แต่ที่นี่คือทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์!
คนที่ไม่มีตราแห่งสายเลือดศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจะมาเทียบเคียงกับเขาได้อย่างไร
เดิมหนานจิ่นซูวางแผนไว้อย่างดิบดี ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนดำเนินไปได้อย่างราบรื่นยิ่ง แต่จู่ๆ ก็ถูกคนมาขัดขวางกลางทาง อารมณ์ของเขาย่อมขุ่นหมอง
ดังนั้นเขาจึงพูดจากระโชกโฮกฮากอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ สายตากวาดมองยันต์ผนึกในมือของเขาอย่างว่องไว ก่อนจะกล่าวแกมยิ้มบางเบาว่า
“ประมุขหนาน ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าแม้แต่หินก้อนเดียวประมุขหนานก็ยังคว้าไว้ไม่ได้เล่า?”
หนานจิ่นซูถึงกับสำลัก แทบจะกระอักเลือดเก่าออกมาอยู่รอมร่อ
นั่นมันหินก้อนหนึ่งที่ไหนกัน
มันคืออาณาเขตเซียนเทพชัดๆ!
“พอแล้ว กลับมาได้แล้ว”
หินก้อนนั้นถอยห่างไปด้านหลัง ประกายแสงรอบตัวทวีความเจิดจ้ามากขึ้น ทั้งยังดูดกลืนพลังโดยรอบด้วยความเร็วอันน่าตกใจที่มากขึ้นกว่าเก่า
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจพลางแบมือไปทางหนานจิ่นซู
“ประมุขหนาน ท่านก็เห็นแล้วนี่ พวกมันไม่ฟังข้าจริงๆ”
ถ้ามันมีทางเลือก นางก็ไม่อยากก่อเรื่องใหญ่โตเช่นนี้หรอกเข้าใจหรือไม่!
หางตาของหนานจิ่นซูกระตุกถี่ยิบ
ชั่วพริบตานั้นเอง เขาพลันรู้สึกว่าตัวเองถูกทำให้อับอายขายขี้หน้าอย่างลึกล้ำเข้าแล้ว
แต่ฉู่หลิวเยว่มีสีหน้าจริงใจปานนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาถึงกับคิดหาคำมาตอบโต้ไม่ออกเลยทีเดียว
ตอนนั้นเอง เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมาว่าช่องว่างในที่แห่งนี้เองก็ถูกฉู่หลิวเยว่ควบคุมไว้หมดแล้ว มิอาจสร้างแรงคุกคามใดต่อนางได้อีก
ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์…
ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ดุร้ายโหดเหี้ยมแต่ไหนแต่ไรมิใช่หรือ!
เหตุใดพอฉู่หลิวเยว่มาถึงที่นี่ถึงได้กลายเปลี่ยนไปแบบนี้เล่า
เขาพึ่งยันต์ผนึกจากเสินสื่อลำดับที่หนึ่งยังปกป้องตัวเองแทบไม่รอด แล้วนางเล่า?
พึ่งแค่หินพวกนั้นนี่นะ!
หนานจิ่นซูปรายมองยันต์ผนึกในมืออย่างอดไม่ได้ ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกว่าแผนการที่ตัวเองวางไว้ก่อนหน้านี้ล้วนกลายเป็นเรื่องขบขันก็มิปาน
ตราบใดที่ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่นี่ เกรงว่าเขาคงมิอาจบำเพ็ญตนต่อไปได้แล้ว
เขาขบกรามแน่น ก่อนกล่าวว่า
“เสินสื่อลำดับที่หนึ่งต้องรู้ถึงการกระทำของเจ้าแน่ ถึงตอนนั้น ดูสิว่าเจ้าจะอธิบายอย่างไร!”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย
เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองพูดกับฉู่หลิวเยว่ต่อไปละก็ เกรงว่าเขาต้องโมโหตายก่อนเป็นแน่
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรจะให้เจรจาด้วยแล้ว หนานจิ่นซูก็หมุนกายเตรียมจากไปทันที
เขาอยากจะเห็นนักว่าเสินสื่อลำดับที่หนึ่งจะลงโทษนางอย่างไร!
“ช้าก่อน!”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ตะโกนหยุดเขาเอาไว้
“ประมุขหนาน ข้ายังมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ มิทราบว่าท่านช่วยให้คำตอบแก่ข้าได้หรือไม่”
หนานจิ่นซูไม่แม้แต่จะหันศีรษะกลับไปมอง เอ่ยอย่างหมดความอดทนว่า
“เจ้าอยากรู้อันใดก็ไปหาคำตอบเองเสียสิ เจ้ามันเก่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือไร!”
ทว่าพริบตาต่อมา ร่างของฉู่หลิวเยว่พลันวูบไหว ก่อนมาหยุดอยู่หน้ากายเขา ขวางกั้นไม่ให้เขาไปต่อได้
“ประมุขหนานรีบร้อนจากไปไย อย่างไรเสียช้านิดช้าหน่อยคงไม่ส่งผลกระทบต่อการฝึกตนของท่านมากหรอกกระมัง”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยพลางคลี่ยิ้ม
ริมฝีปากของหนานจิ่นซูสั่นระริก ครั้นสายตาเหลือบมองไปยังกระบี่ดาราเลือนที่ปรากฏขึ้นมาในมือนางอย่างเงียบเชียบก็กลืนคำพูดที่เหลือลงไป แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที
“เจ้าอยากถามอันใดกันแน่”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้นเป็นเส้นโค้ง
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด ก็แค่…ข้าค่อนข้างสงสัยน่ะว่ายันต์ผนึกแผ่นนี้ของท่านได้มาจากไหน”
หนานจิ่นซูถึงกับตื่นตะลึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นโดยไม่รู้ตัว
“แน่นอนว่าเป็นเสินสื่อลำดับที่หนึ่งมอบให้มาน่ะสิ!”
“ใช่แล้ว เหตุใดเขาถึงยอมให้ของสิ่งนี้แก่ท่านล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะหงึกหงักพลางสาวเท้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
“เสินสื่อทั้งหลายขอเข้าพบหลายต่อหลายครั้ง ต่างก็ถูกเสินสื่อลำดับที่หนึ่งปฏิเสธอยู่นอกประตูกันหมด ทว่าประมุขหนานกลับเก่งกาจยิ่ง มิเพียงแต่ได้เข้าพบ ยังได้รับยันต์ผนึกแผ่นนี้มาด้วย…ข้าคาใจเรื่องส่วนนี้มาโดยตลอด รบกวนประมุขหนานบอกเล่าโดยละเอียดด้วย”
“เจ้าพูดอันใด? ซั่งกวนเยว่ เจ้าฝันอยู่หรือไร? เหตุใดข้าต้องบอกเจ้าด้วย!”
ความลับที่ใหญ่ที่สุดระหว่างตระกูลหนานและตระกูลอี้ ทั้งยังเกี่ยวข้องไปถึงตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เขาจะไปเปิดเผยต่อฉู่หลิวเยว่ได้อย่างไร
ฉู่หลิวเยว่คลี่ยิ้มอ่อนโยน
“ข้าก็แค่สงสัยเท่านั้นเอง ประมุขหนานจะมิยอมบอกกันอย่างนั้นหรือ”
หนานจิ่นซูคร้านจะต่อปากต่อคำกับนาง เขายกฝ่าเท้าหมายจะจากไป
ฉึบ!
ปราณกระบี่เย็นยะเยือกสายหนึ่งตวัดผ่านเหนือศีรษะของเขาไปอย่างรวดเร็ว!
ไอเย็นวาบพลันแล่นปราดไปทั่วกาย การเคลื่อนไหวของหนานจิ่นซูพลันแข็งทื่อในบันดล
พริบตานั้นเอง เขาก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าหากฉู่หลิวเยว่คิดจะสังหารเขา ย่อมทำได้ประหนึ่งดั่งพลิกฝ่ามือ!
“ซั่งกวนเยว่ เจ้ากล้ารึ!”
ชิ้ง!
คมกระบี่เย็นเยียบจ่อลงบนลำคอของเขา!
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามเสียงเบาพลางฉีกยิ้ม
“ท่านว่าข้ากล้าหรือไม่กันเล่า?”
ทั่วทั้งร่างหนานจิ่นซูแข็งเกร็ง เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก จากนั้นจู่ๆ ก็ฉีกยิ้มเย็นชา
“เจ้ารู้ก็ดี อย่างไรเสียมันก็มีความเกี่ยวข้องกับเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตะลึงงัน
จากนั้น นางก็ได้ยินหนานจิ่นซูเอ่ยออกมาทีละคำว่า
“เนื้อเพลงฉินสองส่วนแรกอยู่ที่เจ้า นับว่าเจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง น่าเสียดาย…ที่ส่วนสุดท้ายเจ้ากลับไม่มีปัญญาเอามันมาได้!”
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตกตะลึง
หนานจิ่นซูรู้ว่าเนื้อเพลงฉินส่วนที่สามอยู่ที่ไหน!
“ส่วนที่สามอยู่ที่ไหน!”
นางรีบเค้นถามเสียงเย็น
หนานจิ่นซูยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ยันต์ผนึกในมือเขาพลันส่องแสงสว่างเจิดจ้า!