ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2312 พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่หรือไม่
ตอนที่ 2312 พวกเราเคยเจอกันมาก่อนใช่หรือไม่
………………..
แสงสว่างสีแดงพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วและปกคลุมหนานจิ่นซูเอาไว้ในนั้น
บังเกิดพลังกดดันอันน่าสะพรึงกลัว มันโอบล้อมทั้งร่างของเขาและกลายเป็นค่ายกลขึ้น
เคร้ง!
มีพลังหนึ่งพุ่งเข้ามาและชนกระบี่ดาราเลือนของฉู่หลิวเยว่กระเด็นออกไป!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงจนถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว แต่กระบี่ดาราเลือนไม่สามารถต้านการโจมตีได้ทั้งหมด ตัวกระบี่สั่นสะท้านจนมือของฉู่หลิวเยว่ชาขึ้น
นี่คือ…ฝืมือของเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง!?
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและกดลมปราณที่ปั่นป่วนอยู่ในอกพลางมองไปทางหนานจิ่นซูที่อยู่ตรงหน้า
หนานจิ่นซูกลับประหลาดใจอย่างมาก
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง!”
ตราสัญลักษณ์นั้นพุ่งออกจากมือของเขาและลอยค้างอยู่อย่างสงบนิ่ง
แรงกดดันและพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด แพร่กระจายออกมาจากตราสัญลักษณ์นั้นอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง
ที่แท้ในตราสัญลักษณ์นี้มีพลังปราณของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งอยู่
มิน่าหนานจิ่นซูจึงมีความมั่นใจขนาดนี้!
เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง! ท่านเห็นหรือไม่ว่าซั่งกวนเยว่ผู้นี้กล้าหาญมากเพียงใด ไม่เพียงแค่บุกเข้าไปในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์โดยลำพัง แต่ยังทำให้ที่นี่เกิดความโกลาหลไปทั่ว แม้กระทั่งยังบีบคั้นข้าเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ของเนื้อเพลงฉินส่วนที่สาม!”
หนานจิ่นซูทั้งตื่นเต้นและกระตือรือร้น ยังรู้สึกว่าตนเองมีผู้ช่วยชีวิต จึงรีบเล่าเรื่องราวที่ฉู่หลิวเยว่ทำทั้งหมดในทันที
“นางกระทำการอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำตัวเย่อหยิ่งและหยาบคาย เหมือนไม่ได้เห็นท่านในสายตา เกรงว่าจะไม่มีความเคารพต่อพระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย! เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง ท่านจำเป็นต้องลงโทษนางอย่างหนัก เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นนะ ขอรับ!”
ถึงกระนั้นชั่วครู่ก่อนหน้านี้เขายังถูกคนจ่อกระบี่ที่คอ ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้ตอบโต้กลับและจะไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน
ในใจของเขาเพียงหวังให้เสินสื่อสำดับที่หนึ่งลงมือด้วยตัวเอง และสังหารฉู่หลิวเยว่ที่นี่ทันทีเสียดีกว่า
อย่างใดก็ตามครู่ต่อมาเสียงทุ้มต่ำอันเยือกเย็นดังออกมาจากในตราสัญลักษณ์นั่น
“หนานจิ่นซู เมื่อครู่เจ้าพูดอันใดกับนางไปบ้าง
ถ้อยคำที่เย็นชา ราวกับตั้งคำถาม!
ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธที่ยากจะปิดบัง!
หนานจิ่นซูงงงันในทันที
เมื่อครู่เขา เขาไม่ได้พูดอัน…
ไม่จริง เขาบอกเรื่องเนื้อเพลงฉินส่วนที่สามกับฉู่หลิวเยว่!
เหงื่อเย็นๆ ของเขา “เปียกชุ่ม” ลงมาทั้งตัวในทันที
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง ข้า ข้าไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะนาง เป็นซั่งกวนเยว่ที่บีบบังคับข้ามาตลอด…”
เรื่องนี้เป็นความลับอย่างที่สุด ดังนั้นเสินสื่อสำดับที่หนึ่งจึงยอมพบเขาและอนุญาตให้เขามาฝึกฝนที่ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์
หากเป็นวันปกติหนานจิ่นซูคงไม่พูดมั่วๆ ออกมาเป็นแน่
แต่เมื่อครู่กระบี่ของฉู่หลิวเยว่จ่ออยู่ที่คอขอเขา เขาทั้งโกรธและหวาดกลัวจึงพูดโพล่งตรงๆ ออกไป
ไม่นึกเลยว่าจะถูกเสินสื่อสำดับที่หนึ่งรู้เข้าแล้ว!
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงนี้ จึงค่อยๆ หรี่สายตาลง
“เสียงนี้ฟังดูประหลาดยิ่งนัก แต่น้ำเสียง…กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
เหมือนเคยได้ยินเสียงนี้จากที่ใดมาก่อน
หนานจิ่นซูกลัวจะถูกลงโทษ จึงรีบหันเหความสนใจไปที่ฉู่หลิวเยว่ในทันที
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง หากไม่ใช่เพราะนางบีบบังคับข้าอย่างหนัก ข้าก็ไม่มีวันพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น จริงๆ แล้วเนื้อเพลงฉินสองส่วนแรกนั้นก็อยู่ที่ตัวนาง…”
“ทันทีที่พวกท่านทั้งสองออกจากทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ ต่อจากนี้ไปก็อย่าได้กลับมาอีก!”
หนานจิ่นซูชะงักไปทันที
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง นี่ท่าน…หมายความอันใด”
เขาทำผิดไปก็สมควรแล้ว ความผิดพลาดที่ทำไว้ ย่อมต้องได้รับโทษตามสมควร
แต่ว่า…ฉู่หลิวเยว่เล่า!?
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง แต่ว่านาง…”
ยังไม่ทันพูดจบ เสียงของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งก็ดังขึ้นอีกครั้งจากสัญลักษณ์นั้น”
“หนานจิ่นซู เจ้าคัดค้าน?”
แม้เสียงนี้จะบางเบา แต่ก็ทำให้หนานจิ่นซูสั่นสะท้าน
เขาพูดขึ้นในทันที
“มิกล้า ขอรับ!”
ไม่ว่าเขาจะไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้มากเพียงใด แต่เขารู้ดีว่าตนเองไม่สามารถแสดงมันออกมาได้
การขัดแย้งกับเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ!
ไม่ว่าหนานจิ่นซูจะโกรธแค้นฉู่หลิวเยว่จนอยากให้นางตายเสียที่นี่ แต่เขาก็ยังมีสมองอยู่บ้าง
เห็นได้ชัดว่าเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง…ไม่คิดที่จะสังหารนางเลยด้วยซ้ำ แม้กระทั่งสิ่งที่นางทำไว้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ นอกจากการขับไล่นางออกจากทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ก็ไม่มีการลงโทษใดอีก
บางทีอาจจะเป็นเพราะเกรงกลัวต่อเนื้อเพลงฉินทั้งสองส่วนนั้นด้วยหรือไม่
สุดท้ายแล้วเมื่อของสิ่งนั้นยอมรับนางเป็นนาย การบีบบังคับแย่งชิงย่อมเป็นไปไม่ได้
เมื่อหนานจิ่นซูครุ่นคิดไปมา ก็เห็นว่ามีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น
เขากดอารมณ์ที่พลุ่งพล่านภายในใจพลางประสานมือคารวะ
“จิ่นซู ขอตัวลา”
แต่ระยะห่างจากฉู่หลิวเยว่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองไปที่ตราสัญลักษณ์นั่นและเอ่ยถามขึ้นในทันที
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่ง เมื่อก่อนเรา…เคยพบกันมาก่อนหรือไม่”
ตราสัญลักษณ์นั่นไม่มีปฏิกริยาตอบกลับ มีเพียงแสงสีแดงหลายสายที่ไหลเวียนจนเกิดเป็นระลอกคลื่นที่พุ่งทะลักออกมา
เคร้งงง!
ในที่สุดก้อนหินที่กระจัดกระจายเหล่านั้นก็กลับมาหาฉู่หลิวเยว่
ฉู่หลิวเยว่เพียงนึกในใจและเก็บพวกมันกลับเข้าไปในแหวนเฉียนคุน
จากนั้นตราสัญลักษณ์นั่นค่อยๆ หายไปอย่างเงียบงัน
มันแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงปกคลุมทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่าง
ม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดแคบลง
แสงสีแดงเช่นนี้ช่างเหมือนกับภาพที่เห็นในทะเลทรายจันทราสีชาดไม่มีผิด!
นางกำหมัดแน่น และหันหลังจากไปในที่สุด
…
ตู้ม!
เสียงน้ำแตกกระจายดังขึ้นทันที ดึงดูดความสนใจของผู้คนบนสะพานเงิน
สายตานับไม่ถ้วนมองไปทางนั้นทันที เมื่อเห็นร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากใต้น้ำและกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
“หนานจิ่นซู? เหตุใดถึงเป็นเขาที่ออกมา?”
“ไม่ใช่ว่าเขามาฝึกฝนในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่ถึงวันเลย เช่นนี้ก็…จบแล้วหรือ?”
“เห็นสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก…”
หลังจากที่หนานจิ่นซูออกมาและเห็นผู้คนมารวมตัวกันมากมายเช่นนี้อยู่บนสะพานเงิน เขาก็รู้สึกตื่นตกใจในทันที
ไม่นานเขาก็มาถึงบนสะพานเงิน
เมื่อเท้าทั้งสองข้างแตะลงบนพื้น เขากลับไม่หยุดนิ่งรีบพุ่งตรงไปยังประตูแดนสวรรค์สวรรค์เบื้องบนทันที
สีหน้าของเขานิ่งเฉยไร้อารมณ์แต่อย่างใด ทั้งตัวเต็มไปด้วยลมปราณที่อันตรายและเย็นชายากที่ใครจะเข้าใกล้ได้
ทว่าคนที่มีตากว้างไกลก็ย่อมมองออกว่าอารมณ์ของเขากําลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างยิ่งในตอนนี้
ผู้คนที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ เงียบเสียงลง
ทว่ากลับไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้สึกหวั่นเกรงเขา
ดังนี้…มู่หงอวี่
นางก้าวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงตัวหนานจิ่นซู และขวางเขาไว้
“หนานจิ่นซู หลิวเยว่ล่ะ!?”
หนานจิ่นซูรู้ว่านางพูดถึงใคร สีหน้าของเขาจึงไม่สู้ดีนัก
“เกี่ยวอันใดกับข้า! หากเจ้าอยากรู้ ก็ไปดูเองสิ!”
ตอนนี้เขาโกรธแค้นฉู่หลิวเยว่อย่างที่สุด แม้แต่ได้ยินชื่อของนาง ก็ยังกัดฟันแน่นด้วยความแค้น
มู่หงอวี่เชิดหน้าขึ้น
“”เช่นนั้นก็ยุ่งยากเกินไปแล้ว! อย่างใดพวกเจ้าก็อยู่ในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้าแค่ถามจะเป็นอันใดเล่า”
ก่อนหน้านี้ก็ดีมาโดยตลอด แต่เมื่อครู่ไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ นางก็ไม่สามารถตรวจสอบสถานภาณ์ด้านล่างนั่นได้อีก
ภายใต้ความกังวล นางจะต้องลากหนานจิ่นซูมาถามให้ได้
ทันใดนั้นสายตาของนางก็แข็งกร้าวพลางเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า
“เอ๊ะ บนคอของเจ้า เหตุใดถึงมีรอยแผลจากกระบี่เล่า”