ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2314 ได้พบเจ้า
ตอนที่ 2314 ได้พบเจ้า
………………..
เมื่อพูดจบ ฉู่หลิวเยว่พุ่งตรงไปหามู่หงอวี่และพูดขึ้น
“หงอวี่ กลับเถอะ”
มู่หงอวี่รีบตอบกลับในทันที
“ได้!”
จากนั้นทั้งสองจึงเดินตรงไปยังประตูแดนสวรรค์ทันที
ขณะที่เดินผ่านหนานจิ่นซู มู่หงอวี่ยังย่นจมูกใส่เขาแล้วพูดขึ้น
“ผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ ก็เท่านี้เอง!”
ร่างกายของนางพิเศษ แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงเทพขั้นสูง แต่เมื่อทะลวงผ่านด่านเสี่ยวเฉิงแล้ว พลังการต่อสู้ของนางก็เทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้!
หนานจิ่นซูรู้สึกจุกในลำคอ การมองเห็นตรงหน้าเริ่มมืดลง จนแทบจะหมดสติด้วยความโกรธแค้น
อย่างใดก็ตาม ทั้งสองคนแทบไม่สนใจเขาอีกแล้ว พวกนางเดินตรงไปยังประตูแดนสวรรค์และก้าวเข้าไปทันที
เงาร่างของพวกนางหายไปอย่างรวดเร็วหลังค่ายกลที่เปล่งประกายวาบวับนั่น เหลือเพียงผู้คนที่ยืนรออยู่ตรงที่เดิมด้วยความสับสน
“…กลับไปจริงๆ แล้วหรือ? จะกลับไป…แบบนี้เลยหรือ?”
“จะว่าไปแล้ว ซั่งกวนเยว่อยู่ในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์มาหลายชั่วยาม เหตุใดถึงออกมาในสภาพที่สมบูรณ์เช่นนี้ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย”
“ยิ่งไปกว่านั้นนะ! เห็นได้ชัดว่ายังสู้กับหนานจิ่นซูอีกด้วย”
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งเป็นผู้ดูแลทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ ตามหลักแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่? เหตุใด…ถึงไม่มีการลงโทษซั่งกวนเยว่เลยเล่า?”
“ที่แปลกก็คือหนานจิ่นซู…ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเขามีเสินสื่อสำดับที่หนึ่งเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้ดูแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่…”
ทว่าหากเสินสื่อสำดับที่หนึ่งตั้งใจที่จะสนับสนุนหนานจิ่นซูจริงๆ สถานการณ์ในตอนนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น
เสียงวิจารณ์ต่างๆ ดังเข้ามาในหูอย่างต่อเนื่อง ทําให้หนานจิ่นซูเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
แน่นอนว่าเขาก็อยากรู้เช่นกันว่าจริงๆ แล้วเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้!
ถึงแม้จะมิอาจฆ่านางได้ เพราะเนื้อเพลงฉิน แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะลงโทษนางได้
แต่ว่า…ไม่มี
ฉู่หลิวเยว่กำเริบเสิบสานและยังทำเรื่องมากมายที่ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ เสินสื่อสำดับที่หนึ่งนอกจากจะห้ามนางเข้าใกล้ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์แล้วนั้น ก็ไม่มีคำสั่งห้ามอื่นใดอีก
หนานจิ่นซูคิดไม่ตกจริงๆ
ท่านนั้นไม่ใช่ผู้ที่จะพูดคุยได้ง่าย ไม่เช่นนั้นเสินสื่อท่านอื่นคงจะไม่เคารพและเกรงกลัวเขาเช่นนี้
แต่เรื่องในครั้งนี้…จริงๆ แล้วแปลกประหลาดยิ่งนัก
หนานจิ่นซูพยายามลุกขึ้น
ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม เขาไม่อาจอยู่ที่นี่ได้แล้ว ต้องรีบกลับไปยังตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์!
…
ฉู่หลิวเยว่กับมู่หงอวี่ข้ามค่ายกลและมุ่งตรงไปยังที่พัก
มู่หงอวี่หันกลับไปมองแวบหนึ่ง และเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“หลิวเยว่ บาดแผลบนคอของหนานจิ่นซู เจ้าทิ้งไว้จริงๆ หรือ? คาดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะต่อสู้กันใต้ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ”
ฉู่หลิวเยว่คิดไปคิดมาจึงพูดขึ้น
“ก็ไม่เชิง แค่ซ้อมมือกันเล็กน้อยเท่านั้น ยังไม่ได้ลงไม้ลงมือกันจริงๆ เสียหน่อย”
พูดให้ถูกคือนางเป็นฝ่ายลงมือกับหนานจิ่นซูอยู่ฝ่ายเดียว
น่าเสียดายเสินสื่อสำดับที่หนึ่งมาเร็วเกินไป จึงยังไม่ทันได้ถามที่อยู่ของเนื้อเพลงฉินส่วนที่สาม
หลังจากนี้หากคิดจะถามขึ้นมาอีก คาดว่าคงจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว…
มู่หงอวี่ค่อยๆ พยักหน้า
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ข้าสำรวจทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่ดีๆ แต่หลังจากนั้นไม่รู้เพราะเหตุใดจู่ๆ ก็ไม่สามารถสำรวจได้ เหมือนถูกอันใดบางอย่างมาขวางเอาไว้…”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้น
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งลงมือแล้ว แน่นอนว่าคงยากที่เจ้าจะสืบค้นอันใดได้อีก”
ดวงตากลมโตของมู่หงอวี่เบิกกว้างขึ้น
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งไปแล้วจริงๆ หรือ เหตุใดข้าไม่เห็นล่ะ?”
“เขาไม่ได้มาด้วยตนเอง หนานจิ่นซูนำตราสัญลักษณ์ที่มีพลังปราณของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งอยู่นั้นมา เมื่อสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของข้ากับหนานจิ่นซู เขาจึงปรากฏตัวออกมา”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…ข้าแค่บอกว่าพลังนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก…”
ในที่สุดก็เข้าใจปัญหานี้อย่างชัดเจน ในใจของมู่หงอวี่ก็ชัดแจ้งขึ้นอย่างมาก
“ได้ยินมานานแล้วว่าเสินสื่อสำดับที่หนึ่งท่านนี้เก่งกาจยิ่งนัก วันนี้ได้เห็นกับตาไม่เลวจริงๆ เพียงแค่ผนึกพลังปราณของตนเองไว้ในตราสัญลักษณ์ จึงมีพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้จนสามารถสกัดกั้นและปกคลุมทั่วทั้งทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นพลังในตัวเขาจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ก็ยากที่จะจินตนาการได้!”
“ดังนั้นข้าจึงอยากพบเขา แต่น่าเสียดายที่โอกาสเช่นนี้หาได้ยากมากจริงๆ”
ฉู่หลิวเยว่ไม่เพียงแต่ประหลาดใจในความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ แต่นางยังมีเรื่องหนึ่งที่ต้องการทำความเข้าใจให้กระจ่างชัด
…นางอยากรู้ว่า นางมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับเสินสื่อสำดับที่หนึ่งหรือไม่
ในตอนแรกนางไม่ได้ใส่ใจอันใดนัก แต่ต่อมาความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นก็กลับวนเวียนอยู่ในใจจนไม่อาจลบมันออกไปได้
สิ่งที่น่าแปลใจที่สุดคือหลังจากหนานจิ่นซูจากไป นางได้สอบถามพวกเขาว่าเคยเห็นหรือไม่ แต่เสินสื่อสำดับที่หนึ่งไม่ได้ให้คำตอบใดๆ กลับมา
เขาไม่ยอมรับ แต่ก็…ไม่ได้ปฏิเสธ!
แน่นอนว่าอาจเป็นไปได้ที่เขาไม่สนใจจะตอบคำถามของฉู่หลิวเยว่
แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่น่าเป็นไปได้
นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังปลายทางที่ซึ่งตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ตั้งตระหง่านอยู่ไกลๆ
สุดท้ายนางจะต้องเข้าไป!
…
หนานจิ่นซูกลับไปตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ด้วยความลำบากใจอย่างที่สุด
ทันทีที่กลับถึงที่พักของตน ก็เห็นคนหนึ่งยืนรออยู่ที่หน้าประตู
เขาตื่นตกใจขึ้นมาในทันทีพลางเอ่ยถามขึ้น
“เสินสื่อสำดับที่แปด? ท่านมาได้อย่างใด?”
ซูจิ้งยิ้มเล็กน้อย
“ข้าเสินสื่อมาเพื่อรอเจ้าโดยเฉพาะ”
ขณะที่พูดเช่นนี้ สายตาของนางมองผ่านร่างของหนานจิ่นซูไป แต่กลับไม่แสดงสีหน้าแปลกใจแม้แต่น้อย
อันที่จริงก่อนหน้านี้นางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกมาสักพักหนึ่งแล้ว
เมื่อถูกนางจับตามอง หนานจิ่นซูก็รู้สึกอึดอัดจนคับแค้นใจอย่างมากในทันที จึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ทราบว่าเสินสื่อสำดับที่แปดมาที่นี่อย่างกระทันหัน มีเรื่องอันใดหรือ”
ซูจิ้งไม่ได้ตอบคำถามนี้ของเขา กลับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ดูเหมือนว่าซั่งกวนเยว่ผู้นั้นจะเย่อหยิ่งและอวดดีมากกว่าที่ข่าวลือบอกเสียอีก…
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนานจิ่นซูก็โกรธขึ้นในทันทีและลดการระมัดระวังตัวต่อซูจิ้งลง
เขายกมือเช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก
“นางเป็นเช่นนี้มาตลอด…”
“ประมุขหนาน ท่านไม่ได้เอาตราสัญลักษณ์ของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งไปยังทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์หรอกหรือ? เหตุใดจึงถูกซั่งกวนเยว่รังแก่จนสภาพเป็นเช่นนี้? นางดูถูกท่าน หรือว่าไม่เคยเห็นเสินสื่อสำดับที่หนึ่งอยู่ในสายตากันแน่?”
ซูจิ้งจงใจเอ่ยถามขึ้น
การล่วงเกินหนานจิ่นซูนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ถ้าหากล่วงเกินเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง
เดิมทีนางคิดว่าหากถามคำถามเช่นนี้ออกไป หนานจิ่นซูจะต้องโกรธจนทนไม่ได้ เช่นนั้นก็จะไปรายงานต่อเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง อย่างใดท่าทีของหนานจิ่นซูก็เปลี่ยนไปอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็พูดขึ้น
“เสินสื่อสำดับที่แปดมาที่นี่เพียงเพื่อบอกเรื่องนี้กับข้าอย่างนั้นเหรอ?”
ซูจิ้งชะงักไปครู่หนึ่ง
ปฏิกิริยาเช่นนี้ของหนานจิ่นซู…ดูไม่ค่อยปกตินัก
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ก็ได้ยินหนานจิ่นซูพูดขึ้น
“ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เสินสื่อสำดับที่หนึ่งได้ตัดสินไปแล้ว แน่นอนว่าข้าทำได้แค่รับฟังเท่านั้น”
หัวใจของซูจิ้งสั่นไหว จากนั้นจึงตอบสนองเช่นนี้กลับมา
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งรู้เรื่องนี้แล้ว! แต่…ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็คือการเลือกของเขา!”
คาดไม่ถึงว่าเสินสื่อสำดับที่หนึ่งจะไม่ตำหนิฉู่หลิวเยว่เลยอย่างนั้นหรือ!
ซูจิ้งไม่อยากจะเชื่อ แต่หนานจิ่นซูไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเหล่านี้ให้มากความอีก เขาจึงพูดขึ้น
“หากเสินสื่อสำดับที่แปดไม่ได้มีธุระอื่นแล้วล่ะก็…”
“ย่อมมีอย่างแน่นอน”
ซูจิ้งตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว นางกดความประหลาดใจและความสับสนที่อยู่ในใจเอาไว้
“เสินสื่อสำดับที่หกต้องการพบประมุขหนาน”
หนานจิ่นซูชะงักไปชั่วครู่
“เสินสื่อสำดับที่หก? ตอนนี้?”
ซูจิ้งพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ประมุขหนานโปรดตามข้ามา”
คำพูดนี้…เดิมทีไม่ได้ให้สิทธิ์หนานจิ่นซูได้ปฏิเสธเลย
………………..