ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2316 ปะทะกัน
ตอนที่ 2316 ปะทะกัน
………………..
หนานจิ่นซูชะงักไปครู่หนึ่ง และพูดขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อยว่า
“เรื่องนี้…นับว่าใช่และก็ไม่ใช่เสียทีเดียว…ในตอนนั้นข้านำตราสัญลักษณ์ของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งไปทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ ช่วงที่เกิดการปะทะกันกับซั่งกวนเยว่ พลังปราณของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งแฝงอยู่ในตราสัญลักษณ์ได้ประทุออกมา และขับไล่ข้าทั้งสองคนออกจากทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งไม่ได้ปรากฏตัว?”
“ไม่ ขอรับ”
หนานจิ่นซูแปลกใจเล็กน้อย
“เสินสื่อสำดับที่หนึ่งเป็นผู้ดูแลทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ แม้เขาจะปรากฏตัวออกมาด้วยตนเอง แต่ก็สามารถรู้ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปว่านั้นแม้แต่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้คงไม่ต้องรบกวนเสินสื่อสำดับที่หนึ่งหรอกกระมัง?”
จริงๆ แล้วเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาและฉู่หลิวเยว่ แต่สำหรับเสินสื่อสำดับที่หนึ่งนั้น คงไม่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอันใด
ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่ไพลศาลไร้ขอบเขต
พวกเขาทั้งสองคนก็แค่มีปัญหากันเล็กน้อยเท่านั้น เสินสื่อลำดับที่หนึ่งจะเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้เหตุใด?
เพียงแค่ตราสัญลักษณ์นั้น ก็เพียงพอที่จะจัดการปัญหาได้แล้ว
“ตอนที่เจ้าไปพบเสินสื่อสำดับที่หนึ่งก่อนหน้านี้ ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเสินสื่อสำดับที่หนึ่งหรือไม่” จู่ๆ เสินสื่อสำดับที่หกก็เอ่ยถามขึ้น
หนานจิ่นซูลังเลไปชั่วขณะ
“ไม่…ไม่เห็น ขอรับ”
คนนอกต่างคิดว่าเมื่อข้าไปในจวนแล้ว ต้องได้พบเสินสื่อสำดับที่หนึ่งอย่างแน่นอน
แต่อันที่จริงเขาแค่ยืนอยู่หน้าประตูและพูดเพียงไม่กี่คำเท่านั้น ยังไม่ทันได้เห็นแม้แต่เงาของท่านเลย
ต่อหน้าเสินสื่อสำดับที่หก ข้าคงไม่กล้าปิดบัง
“แท้จริงแล้ว…”
เสินสื่อสำดับที่หกพูดพึมพำราวกับคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าแล้วและดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
หนานจิ่นซูเกือบคิดว่าตนเองเห็นภาพหลอน
เมื่อฟังเช่นนี้…เสินสื่อลำดับที่หกคงคาดหวังอย่างมากว่าเสินสื่อลำดับที่หนึ่งจะมาพบด้วยตนเอง? ดูเหมือนเค้าจะเดาถูกได้นานแล้วว่าเสินสื่อลำดับที่หนึ่งจะไม่มาพบเขา?
“เจ้าบอกว่า ตอนที่พวกเจ้าสองคนเริ่มปะทะกัน เสินสื่อสำดับที่หนึ่งก็ออกมาห้ามปรามแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ใช่ ขอรับ”
หนานจิ่นซูได้เล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาได้เพิ่มรายละเอียดและพูดเกินจริงไปบ้าง แต่เขาไม่รู้เลยว่ามั่วสือเชียนที่อยู่หลังฉากกั้นนั้น กลับไม่สนใจเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
สิ่งที่เขาต้องการรู้คือท่าทีของเสินสื่อลำดับที่หนึ่งที่มีต่อฉู่หลิวเยว่!
“…ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่อย่างใด หลายหมื่นปีที่ผ่านมามีผู้ฝึกตนทหลายคนที่บุกรุกเข้าไปโดยพลการ เก้าในสิบส่วนล้วนเสียชีวิตและจิตวิญญาณถูกทำลายกลายเป็นซากศพใต้ทะเล หนึ่งในสิบส่วนที่เหลือแม้จะโชคดีหนีรอดจากด้านในออกมาได้ก็ต้องเจอกับการลงโทษอย่างรุนแรง ต่อให้ไม่ตายก็ไม่สมประกอบ แต่สำหรับนางผู้นี้ กลับต่างออกไป…”
เขาหัวเราะเย้ยหยันด้วยเสียงเย็นชา พร้อมกับการประชดประชันที่ไม่อาจอธิบายได้อยู่หลายส่วน
เมื่อหนานจิ่นซูได้ยินเสียงนี้ก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมาเล็กน้อย
แต่ในขณะนี้เขาไม่มีเวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ ความสนใจของเขาก็เหมือนกับเสินสื่อลำดับที่หก
“เสินสื่อลำดับที่หก ท่านก็คิดว่าเรื่องนี้มีเลศนัยหรือไม่ ข้าคิดว่าเสินสื่อลำดับที่หนึ่งคงไม่ปล่อยให้ซั่งกวนเยว่หลบหนีไปได้ง่ายๆ ใครจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วไม่มีการลงโทษที่เด็ดขาดแม้แต่น้อย ท่านว่าแท้จริงแล้วเสินสื่อลำดับที่หนึ่งคิดอย่างใด”
“หึ…ความคิดของเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง ข้าจะสามารถคาดเดาได้หรือ”
“นี่…”
หนานจิ่นซูขมวดคิ้ว
เขาได้ยินว่า เสินสื่อลำดับที่หกดูเหมือนจะสนใจเรื่องนี้มาก แต่บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้สึกกังวลหรือกลัวอันใดบางอย่าง เขาจึงไม่ได้พูดอันใดต่อ
จู่ๆ เสินสื่อลำดับที่หก มีคำสั่งให้ขับไล่แขก ทำให้หนานจิ่นซูรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ
เช่น…เช่นนี้ก็ปล่อยให้เขาไปแล้วหรือ
มิน่าเสินสื่อลำดับที่หกจึงเรียกเขามาก็เพื่อจะถามเรื่องเหล่านี้หรอกหรือ
แต่…
“เสินสื่อสำดับที่หก…”
“ออกไป”
เสียงนั้นมีความกดดันที่ไม่อาจปฏิเสธได้!
หัวใจของหนานจิ่นซูสั่นไหว ไม่กล้าเอ่ยถามอันใดอีกจึงรีบถอยออกไปทันที
…
มู่หงอวี่นำแผนที่ที่ฉู่หลิวเยว่วาดออกไป
นางยังต้องกลับไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อทําความเข้าใจสถานการณ์ใต้ทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ให้กระจ่างชัด
นอกจากนี้นางยังต้องทะลวงด่านมหายานให้ได้โดยเร็วที่สุด
หลังจากมู่หงอวี่เดินออกไป ฉู่หลิวเยว่ก็ให้เสี่ยวโจวออกไปด้วยเช่นกัน นางจึงนั่งคิดอันใดเงียบๆ อยู่คนเดียวในห้อง
บัดนี้มีหลายเรื่องที่ต้องแก้ไขอยู่ตรงหน้านางมากมาย
เส้นทางแห่งดวงดาวยังไม่สำเร็จ นี่คือวิธีที่เร็วและเหมาะสมที่สุดที่นางจะสามารถเข้าไปในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างเปิดเผย
ซูหลีอยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์มาสักระยะหนึ่ง จึงคอยสังเกตสถานการณ์อย่างระมัดระวัง
แต่ถึงอย่างใดก็ยังอยู่ภายใต้การจับตามองของเหล่าเสินสื่อทั้งหลาย ในหลายๆ เรื่องซูหลีก็ไม่กล้าทำอันใดเกินไป ดังนั้นข้อมูลที่ตรวจสอบมาได้จึงมีจำกัด
ที่อยู่ของตู๋กูโม่เป่าและหลานเซียวจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคืบหน้าอันใด
ฉู่หลิวเยว่จึงสรุปได้ว่าสองคนนั้นน่าจะถูกขังอยู่ในตำแหน่งที่ลึกลับที่สุดของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
เพียงแค่พึ่งพาซูหลีคนเดียวในการค้นหา เกรงว่าจะไม่ได้
นางยังจะต้องเข้าไป
ในขณะเดียวกันเนื้อเพลงฉินส่วนที่สามก็มีความสำคัญกับนางอย่างมาก
ต้องคิดหาวิธีดึงข้อมูลจากหนานจิ่นซูออกมาให้ได้
หากเดาไม่ผิด เนื้อเพลงฉินส่วนที่สามยังอยู่ที่อาณาจักรเสิ่นซวี่
และเสินสื่อสองคนที่ออกไปก่อนหน้านี้คือจิ่วหลงกับสีเยี่ยน จุดประสงค์ของพวกเขาน่าจะอยู่ที่การค้นหาเนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายนี้
น่าเสียดายที่ทั้งสองคนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว และไม่ทิ้งเบาะแสใดๆ เอาไว้แม้แต่น้อย
และยังมีผู้อาวุโสลำดับห้าที่ติดอยู่ในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์…
ท่านเสินสื่อสำดับที่หนึ่งเป็นบุคคลแบบใดกันแน่?
“เยว่เออร์”
เสียงทุ้มต่ำอันไพเราะดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปเห็นหรงซิวกำลังเดินเข้ามาพอดี
เขามายืนอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่และเห็นคิ้วของนางขมวดแน่น เขาจึงยื่นมือออกไปคลายรอยขมวดที่คิ้วของนางออก
“คิดอันใดอยู่ เหตุใดถึงเคร่งเครียดเช่นนี้”
ฉู่หลิวเยว่จับมือของเขาไว้ และซบที่หลังมือของเขาพลางลูบไปมา
“หรือว่าเรื่องนั้น…”
หรงซิวยิ้มเล็กน้อย เขากอดนางไว้ในอ้อมกอดและโน้มตัวจูบลงที่เส้นผมของนาง
“เล่าให้ข้าฟังหน่อย”
“คุณหนูซั่งกวน! ข้ามีเรื่องต้อง…”
หมิงซูที่เพิ่งมาถึงหน้าประตู เดิมทีมีรอยยิ้มบนใบหน้า พอเห็นในห้องมีบุคคลที่มีสง่างามและเย็นชากำลังอุ้มฉู่หลิวเยว่อยู่ เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ใบหน้าของเขากลายเป็นตกตะลึงไปในทันที
คนผู้นี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด!