ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2319 เขากำลังยุ่ง
ตอนที่ 2319 เขากำลังยุ่ง
………………..
“สุสานสังหารเทพ พวกเขาไปที่ไหนไปทำอันใด?”
ฉู่หลิวเยว่เคยนึกถึงสถานที่หลายแห่งมาก่อน แต่ไม่เคยนึกถึงสุสานสังหารเทพเลย
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างวาบเข้ามาในความคิดขอนาง
มิน่า…เนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายอยู่ที่สุสานสังหารเทพ!?
แต่…ไม่น่าเป็นไปได้
ในครั้งนั้นที่สุสานสังหารเทพ นางเพิ่งจะได้เนื้อเพลงฉินส่วนที่สองจากมือของผู้อาวุโสอาจิ่งมาอย่างยากลำบาก
หากส่วนที่สามยังอยู่ เขาจะไม่รู้ได้อย่างใด
นางขมวดคิ้วแน่น
หรงซิวจึงเอ่ยถามขึ้น
“นี่คือข่าวที่เพิ่งส่งมาหรือ”
เฉินอีพยักหน้า
เขาสามารถติดต่อกับสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ หลังจากได้รับข่าวเขาก็จะมาหาฉู่หลิวเยว่ในทันที
เข้าย่อมรู้ดีว่าเนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายนี้มีความสำคัญกับฉู่หลิวเยว่เพียงใด!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และนึกคำถามหนึ่งได้อย่างกะทันหัน
“เหตุใดชีหานถึงอยู่ที่สุสานสังหารเทพ เจ้าเพิ่งบอกว่าพวกเขา ยังมีใครอยู่กับเขาอีกอย่างนั้นหรือ”
เฉินอีพูดขึ้น
“ยังมีเจ้าหก ดูเหมือนว่าที่พวกเขาไปที่นั่นก็เพื่อช่วยเจ้าหกทะลวงขั้น แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบกับสองคนนั้น”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงไปชั่วครู่
“พวกชีหานก็ไม่เคยพบจิ่วหลงและทั้งสองคนมาก่อนแล้วจะไปรู้สถานะของพวกเขาได้อย่างใด”
เฉินอีจึงอธิบายต่อว่า
“พวกเขาอาจจะไม่เคยเห็นสองคนนี้มาก่อน แต่…พวกเขารู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่พระราชวังมายาศักดิ์สิทธิ์และรู้เรื่องอันใดบางที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น…พลังของสองคนนั้นเหนือกว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ แม้หน้าตาจะแปลกไป แต่เมื่อแสดงพลังเช่นนี้ออกมา ก็ไม่ต้องสงสัยเลย”
“…ที่พูดมาก็ใช่”
สิ่งนี้จึงอธิบายได้อย่างชัดเจน
สายตาของหรงซิวมองที่ฉู่หลิวเยว่
“เยว่เออร์ เจ้าคิดเห็นอย่างใด”
หลังจากที่ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุดนางสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดขึ้น
“ไปสุสานสังหารเทพ!”
…
หากต้องไปสุสานสังหารเทพ แน่นอนว่าต้องออกทางประตูแดนสวรรค์
ไม่ต้องพูดถึงจิ้นอวิ๋นไหล่ แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกว่าการเดินทางในครั้งนี้ยุ่งยากเกินไป
แต่ยังต้องออกไปให้ได้
เพื่อความสะดวก ในครั้งนี้ฉู่หลิวเยว่กับหรงซิวจึงเดินทางไปด้วยกัน โดยไม่ได้พาคนอื่นไปด้วย
ก่อนหน้าที่ทั้งสองจะมาถึงประตูแดนสวรรค์ ที่แห่งนี้ว่างเปล่าไร้ผู้คน
อันที่จริงภายใต้สถานการณ์มากมาย ที่แห่งนี้ล้วนเงียบเหงาว่างเปล่า
ต่อให้ใครจะมีกิจธุระหรือไม่มีแล้วจะมาเที่ยวเล่นที่ประตูสวรรค์ เช่นนั้นไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?
ครั้งก่อนเป็นเพราะเรื่องของหนานจิ่นซูถึงได้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนั้น
แต่ตอนนี้หนานจิ่นซูได้กลับไปที่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว และอยู่ที่นั่นอย่างเปิดเผย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ เลย
เมื่อมองค่ายกลที่อยู่ข้างหน้า ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้นแล้วกดลงไปโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด
ความผันผวนแพร่กระจายไปทั่ว
ฉู่หลิวเยว่หันหน้าไปมองหรงซิวพลางพูดขึ้น
“เสินสื่อสำดับที่เจ็ดเป็นผู้ดูแลประตูแดนสวรรค์ เมื่อทางนี้มีความเคลื่อนไหวเขาจะรีบมาในทันที ครั้งก่อนเจ้าไม่ได้พบกับเขา ครั้งนี้น่าจะได้พบเขาพอดี”
หรงซิวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดีสิ”
…
ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
หน้าของจิ้นอวิ๋นไหล่กระตุกอย่างแรง เขาใช้แรงกดลงบนมือจนเกิดเสียง “กึก” ทำให้พู่กันขนนกในมือหักลงทันที
“เป็นนางอีกแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ยังไม่จบไม่สิ้นอีกหรือ!
ครั้งก่อนๆ บอกว่าจะไปเชิญช่างหลอมอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ ครั้งที่แล้วบอกว่าจะไปหาหนานจิ่นซู
และครั้งนี้มาด้วยเรื่องอันใดอีกล่ะ!
เดิมที่จิ้นอวิ๋นไหล่ไม่อยากสนใจ แต่ทางประตูแดนสวรรค์มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจจะออกไปอย่างแน่นอน
ผ่านไปสักพักหนึ่ง จิ้นอวิ๋นไหล่จึงทนไม่ไหวและลุกขึ้นในที่สุด
“แต่เขายังไม่ทันได้ออกไป จู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล”
“จิ้นอวิ๋นไหล่”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ จิ้นอวิ๋นไหล่ตกใจในทันที
“เสินสื่อลำดับที่หนี่ง!”
จากนั้น เงาร่างที่เลือนรางค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เพียงแต่เงาร่างนั้นล้อมรอบและปกคลุมไปด้วยแสงประกายบางๆ ทำให้ยากที่จะมองเห็นลักษณะบนใบหน้าของเขาได้ชัดเจน จึงสามารถเห็นได้เพียงแค่โครงร่างเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นจิ้นอวิ๋นไหล่ก็ยังคงจำได้ทันทีว่านี่คือเสินสื่อสำดับที่หนึ่ง!
เขามองเพียงแวบเดียวก็รีบหลบสายตา และก้มตัวลงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
“คาราวะเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง! ไม่ทราบว่าวันนี้เสินสื่อลำดับที่หนึ่งมาถึงที่นี้ มีเรื่องอันใดหรือ”
เพราะความตื่นกลัว ร่างกายของจิ้นอวิ๋นไหล่ก็แข็งค้างไปเล็กน้อย
ตั้งแต่เสินสื่อลำดับที่หนึ่งกักตนบำเพ็ญเพียร หลายปีมานี้เขาไม่เคยออกจากที่พักแม้แต่ก้าวเดียว
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ได้ปรากฏด้วยร่างกายที่แท้จริง และเป็นเพียงพลังปราณของเขาเท่านั้น แต่ก็เป็นครั้งแรกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เหตุใดข้าถึงมาที่นี่ เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ”
เสียงนั้นทุ้มต่ำและเยือกเย็น กลับแฝงความกดดันที่มองไม่เห็นอยู่ในนั้น
จิ้นอวิ๋นไหล่รู้สึกแน่นหน้าอก คิ้วของเขาขมวดแน่น เขาพยายามค้นหาคำตอบในหัวอย่างรวดเร็ว
ช่วงนี้…ดูเหมือนเขายังไม่ได้ทำอันใดเลย แต่ว่าเหตุใดฟังคำพูดของเสินสื่อลำดับที่หนึ่งถึงดูหมือนกำลังถูกตำหนิอยู่?
“เรื่องนี้…ขอให้เสินสื่อลำดับที่หนึ่งโปรดชี้แจง”
หึ่ง!
ความเคลื่อนไหวทางประตูแดนสวรรค์กลับมาอีกครั้ง
จิ้นอวิ๋นไหล่หันไปมองโดยไม่รู้ตัว
เสินสื่อลำดับที่หนึ่งกลับเป็นผู้ลงมือ!
ฮ่า!
ลำแสงสีแดงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและมุ่งตรงไปที่ประตูแดนสวรรค์!
จิ้นอวิ๋นไหล่ตื่นตกใจอย่างมาก
เสินสื่อสำดับที่หนึ่งถึงกับลงมือด้วยตนเอง!?”
“ค่ายกลบนเส้นทางแห่งดวงดาวต้องบรรลุด้วยตนเองเท่านั้น มิเช่นนั้นจะถือเป็นการทุจริต มู่หยาเฟิงนั่น…เกิดอันใดขึ้น ต้องให้ข้าถามต่อไปอย่างนั้นหรือ”
ในใจของจิ้นอวิ๋นไหล่จมดิ่งลงทันที!
…
แสงสีแดงนั่นพุ่งออกมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
แทบจะในชั่วพริบตามันก็มาถึงประตูแดนสวรรค์
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงเงยหน้ามองแวบหนึ่งพลางพูดขึ้นอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า
“นี่คือ…พลังปราณของเสินสื่อลำดับที่หนึ่ง!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ ดวงตาของนางก็แสดงอาการตกใจออกมา
จากนั้นแสงสีแดงนั่นก็ตกลงบนค่ายกล
ค่ายกลเปิดออกอย่างเงียบสงบ!
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไปครู่หนึ่ง
หลังจากรอมาสักพักหนึ่ง จิ้นอวิ๋นไหล่ยังไม่มา แต่กลับเป็นเสินสื่อลำดับที่หนึ่งที่ลงมือ!?
“สิ่งนี้เขา…หมายความว่าอันใด”
ฉู่หลิเยว่สับสนเล็กน้อยไปชั่วขณะหนึ่ง
ตักเตือน?
ตำหนิ?
หรงซิวยิ้มเบาๆ และพูดขึ้น
“อาจเป็นเพราะเสินสื่อลำดับที่เจ็ดกำลังยุ่งกระมัง”
………………..