ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2325 ของในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
คำถามที่เคร่งขรึมนี้ทำให้จิ่วหลงและสีเยี่ยนตื่นตกใจจนไม่สามารถขยับตัวได้ในทันที!
“ท่านเทพ!?”
ทั้งสองมีสีหน้าตื่นตกใจ ความเย่อหยิ่งที่เคยมีพลันหายไปในทันทีและถูกแทนที่ด้วยความเคารพอย่างที่สุด
“ท่าน ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด”
สีหน้าของจิ่วหลงซีดขาวลง
เขาเพิ่ง…พูดอันใดกับท่านเทพไป!?
มิน่าเมื่อเขาเห็นแผ่นหลังนี้ ก็รู้สึกมีอันใดบางอย่างผิดปกติไป
แผ่นหลังและพลังปราณนี้…เขากลับไม่สามารถจดจำได้เลย!
อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่อาจกล่าวโทษจิ่วหลงได้
หลายปีมานี้เขาเคยพบท่านเทพแทบจะนับครั้งได้
ด้านหนึ่งส่วนใหญ่ท่านเทพมักจะไม่ปรากฏตัวให้เห็น อีกด้านหนึ่งลำดับคุณสมบัติของเขากับสีเยี่ยน ปกติก็ห่างไกลกับท่านผู้นี้อยู่มาก
เดิมที่ก็บอกได้ว่าพวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น…ไหนเลยพวกเขาคงไม่คาดคิดว่า ท่านเทพจะมาปรากฏตัวที่นี่!
หรงซิวยกสายตาขึ้นเล็กน้อย
ด้านนอกจากระยะทางที่ห่างไกลมากสามารถมองเห็นเงาร่างสามเงาได้อย่างเลือนราง
เป็นฉู่หลิวเยว่และอีกสามคน
พลังของพวกเขาไม่อาจเทียบได้กับเสินสื่อทั้งสองอย่างจิ่วหลงและสีเยี่ยน ยิ่งไปกว่านั้นชีหานและลั่วเฟิงยังเป็นเพียงเทพขั้นสูงและยังได้รับบาดเจ็บ ความเร็วของพวกเขาจึงถูกจำกัดลงอย่างมาก
จนกระทั่งช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ทั้งสองฝ่ายกลับถูกทิ้งระยะห่างกันมาก
แต่ยิ่งเป็นการดีสำหรับหรงซิว
เวลานี้เพียงพอสำหรับเขาในการจัดการปัญหาของทั้งสองนี้ได้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้หรงซิวถอนสายตากลับและมองไปทางสองคนอีกครั้ง
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาและเฉยเมยจับจ้องมายังตน จิ่วหลงและสีเยี่ยนต่างรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างมากจนทั้งร่างแข็งค้างในทันที
“เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ เมื่อครู่พวกเจ้าก็เดากันไปแล้วไม่ใช่หรือ”
เขาพูดเสียงเรียบเย็น
ทั้งสองงงงันไปชั่วครู่กว่าจะได้สติกลับมาก็ผ่านไปพักหนึ่ง และตื่นตกใจขึ้นในทันที
ช้าก้อน คำพูดเช่นนี้ของท่านเทพหมายความว่า…
เขามากับฉู่หลิวเยว่จริงๆ เหรอ!
แต่ฉู่หลิวเยว่มีชาติกำเนิดเช่นนั้นแล้วจะมีความสัมพันธ์กับท่านเทพตั้งแต่เมื่อใดกัน!
และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นจะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
มิฉะนั้นตอนที่ฉู่หลิวเยว่พูดถึงท่านเทพเมื่อครู่นี้ คงจะไม่ใช้ท่าทีและน้ำเสียงเช่นนั้น
จู่ๆ สีเยี่ยนก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้จึงสูดหายใจด้วยความประหม่าและพูดขึ้น
“ท่านเทพ นั่นซั่งกวนเยว่…เป็นคนของท่าน?”
ความหมายจากคำถามเช่นนี้ของเขา คือกำลังเดาว่าฉู่หลิวเยว่เป็นลูกน้องของหรงซิว ไม่ใช่อย่างอื่น
แต่หรงซิวไม่สนใจที่จะแก้ต่าง เพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
คนของเขา…เดิมทีก็ไม่มีปัญหาอันใดกับคำนี้
เดิมทีก็เป็นของเขาอยู่แล้ว
ปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้ เมื่อมองจากสายตาของทั้งสองคนตรงหน้าก็ชัดเจนว่าเป็นการยอมรับโดยปริยาย
ในชั่วขณะทั้งสองคนต่างก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างใด
เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้ฉู่หลิวเยว่ไม่พูดถึงเลย!
สิ่งเดียวที่พวกเขารู้แน่ชัดก็คือ
“ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ล่วงเกินฉู่หลิวเยว่ และนั่นหมายความว่าพวกเขาได้ล่วงเกินท่านเทพด้วยเช่นกันอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“ท่านเทพ ข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ บังอาจล่วงเกินท่านเช่นนี้ ขอท่านเทพโปรดอภัย!
เมื่อจิ่วหลงกลับมาได้สติ จึงรีบขอความเมตตาในทันที
นอกจากขอความเมตตา ตอนนี้เขาก็คิดอันใดอย่างอื่นที่สามารถทำได้ไม่ออกเลย
ก่อนหน้านี้ยังมาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ ตั้งใจจะแย่งชิงการค้นหาเนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายก่อนฉู่หลิวเยว่ แม้จะหาไม่เจอ การจัดการคนที่สมคบคิดกับนางก่อนก็ถือว่าไม่เลวนัก
ใครจะคาดคิดว่าพวกเขาไปปะทะกับคนผู้นี้เข้า!
นี่มันไม่ใช่การรนหาที่ตายเองหรอกหรือ!
เมื่อสีเยี่ยนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบทำตามทันที ในใจเต็มไปด้วยความร้อนรนกระสับกระส่าย
แม้ว่าพวกเขาจะเคยพบท่านเทพเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ก็รู้นิสัยของท่านเทพดีว่าไม่ใช่ผู้ที่ควรไปยั่วโมโหได้
ความผิดที่พวกเขาก่อขึ้นในวันนี้…คงทำให้พวกเขาได้รับบทเรียนหนักหนาเลยทีเดียว
หรงซิวไม่พูดอันใด
บรรยากาศรอบๆ ตกอยู่ในความเงียบสงัด ราวกับว่าแม้แต่อากาศก็ถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
ทั้งสองกลั้นหายใจ หัวใจเต้นราวกับจะกระโจนออกมา
ในที่สุดหรงซิวก็เอ่ยปากขึ้น
“ไปทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ รับโทษด้วยตนเอง หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ก็ห้ามออกมา!”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ จิ่วหลงและทั้งสองคนล้วนตื่นตระหนกไปชั่วครู่
“ความหมายของท่านเทพ…ตอนนี้?”
ดวงตาของหรงซิวสั่นไหวเล็กน้อย ริมฝีปากบางสีแดงเข้มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่เย็นชาอย่างยิ่ง
ทั้งสองคนตัวสั่นสะท้าน!
ความหมายนี้…หากพวกเขาไม่รีบออกไปทันที ท่านเทพจะลงมือด้วยตนเอง!
แม้พวกเขาทั้งสองจะมีความกล้าเพียงใด ก็ไม่กล้าเสี่ยงเช่นนี้…นี่มันไม่ใช่การเอาตัวไปปะทะคมดาบโดยตรงหรอกหรือ!
แต่ว่า…
“ท่านเทพ มิใช่ว่าพวกข้าทั้งสองจงใจขัดขืนคำสั่งของท่าน เพียงแต่ครั้งนี้พวกเรามาทำตามคำสั่งของเสินสื่ออันดับที่หนึ่ง เพื่อตามหาเนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้าย หากไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จ เกรงว่ากลับไปแล้วคงยากที่จะชี้แจงต่อเสินสื่ออันดับที่หนึ่ง…”
จิ่วหลงกัดฟันพูดออกมาอย่างยากลำบาก
หากพวกเขามีทางเลือกแม้เพียงน้อยนิด คงไม่เลือกที่จะขัดแย้งกับท่านเทพ
ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่อาจทำอันใดได้เลยจริงๆ
เหล่าเสินสื่อล้วนมาจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเสินสื่ออันดับที่หนึ่งมีคำสั่ง พวกเขาย่อมไม่กล้าขัดขืน
แม้ท่านเทพจะมีฐานะสูงส่ง แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ เขาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
และเนื้อเพลงฉินก็เป็นของในตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ตามหลักเหตุผลแล้ว เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านเทพแต่อย่างใด
เหตุใดเขาถึงมาที่นี่ด้วยตนเอง
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เหตุใด คำสั่งของข้าในตอนนี้สู้คำพูดของเสินสื่ออันดับที่หนึ่งไม่ได้แล้วหรือ”
“มิกล้า!”
จิ่วหลงและสีเยี่ยนแทบจะเสียสติจนวิญญาณจะหลุดลอย จึงรีบปฏิเสธอย่างร้อนรน
ไม่ต้องพูดถึงพวกเขา แม้แต่เจ้าตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพบท่านเทพก็ยังต้องแสดงความเคารพ พวกเขากล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างใด
หลังจากชั่งใจอยู่นาน ทั้งสองจึงตกลงกันอยู่พักหนึ่งและพยักหน้าอย่างลำบากใจในที่สุด
“น้อมรับคำสั่งของท่านเทพพ่ะย่ะค่ะ! เพียงแต่ว่า เนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายนั้น…”
ดวงตาหงส์ของหรงซิวหรี่ลงเล็กน้อย
“เนื้อเพลงฉินมาจากตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ สุดท้ายย่อมต้องกลับไปที่นั่น”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จิ่วหลงและสีเยี่ยนต่างคิดว่าท่านจะยอมส่งคืนเนื้อเพลงฉินส่วนสุดท้ายให้ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์หลังจากพบมัน ทั้งคู่จึงถอนหายใจด้วความโล่งอก
ไม่ว่าอย่างใดพวกเขาก็สามารถกลับไปชี้แจงต่อเสินสื่ออันดับที่หนึ่งได้แล้ว…”
“เช่นนั้น…พวกข้าทั้งสองขอตัวลา”
เมื่อพูดจบและเห็นว่าหรงซิวสีหน้ายังนิ่งเฉย ทั้งสองจึงคารวะด้วยความเคารพ จากนั้นก็รีบหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของพวกเขาตอนนี้ยิ่งเร็วกว่าตอนมาด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าหากชักช้าแม้แต่ก้าวเดียวชีวิตอาจต้องจบลงที่นี่
ไม่นาน เงาร่างของทั้งสองก็หายลับไปในระยะไกลอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่และอีกสองคนก็มาถึงในที่สุด
เมื่อเห็นว่าที่นี่มีเพียงหรงซิวอยู่คนเดียว ฉู่หลิวเยว่ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยถามขึ้น
“เสินสื่อสองคนนั้นล่ะ?”
………………..