ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 2327 การตอบสนอง
นางแตะที่หน้าผากตนเอง เมื่อปลายนิ้วสัมผัสก็รู้สึกราวกับเปลวไฟร้อนแรงกำลังเผาไหม้
หัวใจของนางสั่นระรัว เลือดในร่างกายไหลเวียนพลุ่งพล่านอย่างรวดเร็ว
นี่คือ…
ตราสัญลักษณ์ของนาง!
ฉู่หลิวเยว่รับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้มานาน แต่ทุกครั้งที่มันปรากฏขึ้นล้วนเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสได้ใส่ใจมันมากนัก
แต่ตอนนี้จู่ๆ ตราสัญลักษณ์นี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจนเช่นนี้!
พลังแห่งสวรรค์และโลกในบริเวณรอบๆ เริ่มมารวมตัวที่นางอย่างรวดเร็ว
พลังปราณบนตัวนางก็เพิ่มขึ้นในทันที!
หึ่ง!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง เหนือท้องฟ้าความว่างเปล่าบิดเบี้ยวและพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง กระแสน้ำวนก็ปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
ตรงเท้าของนางมีหินทับถบกันจนเป็นวงกว้าง
ความปั่นป่วนขอพลังอันแข็งแกร่ง ก่อให้เกิดแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก จนเกือบทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
ลั่วเฟิงที่อยู่ข้างๆ จับหน้าอกของตนพลางนั่งลงและไอออกมาเล็กน้อย จากนั้นจึงเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ก่อนจะวางมือทั้งสองลงบนเข่า และเริ่มดึงพลังรอบตัวเข้าสู่ร่างกาย
เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ วิธีรับมือที่ดีที่สุดคือการฝึกตน
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ท่าทีของชีหานก็สงบนิ่ง และวางกระบี่ยาวไว้ข้างหน้าตนเอง จากนั้นจึงเริ่มต้นฝึกตน
ขณะนั้น พลังไร้ที่สิ้นสุดจากทุกทิศทุกทางพุ่งเข้ามาทางด้านนี้
การดูดกลืนเข้าไปในช่องว่างที่พังทลายส่วนมาก กลายเป็นการเสริมพลังให้ก้อนหินที่ข้างๆ เท้าของฉู่หลิวเยว่
ส่วนที่เหลือเพียงเล็กน้อยกระจายออกมาถูกลั่วเฟิงกับชีหานดูดกลืนเข้าไป
แม้ว่าพลังที่พวกเขาสองคนได้รับจะเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยเมื่อเทียบกับพลังที่ถูกดูดกลืนเข้าสู่ช่องว่างนั้น แต่สำหรับเทพขั้นสูง นับเป็นขนาดที่กว้างใหญ่มหาศาลอย่างที่สุด
แสงสีฟ้าจางๆ สายหนึ่งแผ่ออกมาจากทั่วร่างของลั่วเฟิง และปกคลุมตัวเขาอย่างรวดเร็ว
นี่คืออาณาเขตเซียนเทพของเขา
พลังอันบ้าคลั่งรอบด้านเมื่อเข้าสู่อาณาเขตเซียนเทพนี้ หลังจากผ่านการฝึก พลังเหล่านั้นก็ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยเหตุผลนี้ระดับการฝึกฝนของลั่วเฟิงจึงเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ชีหานที่อยู่ข้างๆ ก็เลือกทางเดียวกันแทบจะในเวลาเดียวกัน
แสงสีเงินจางๆ แผ่ออกมาอย่างเงียบงัน ปกคลุมร่างของชีหานเอาไว้
หรงซิวเหลือบมองเล็กน้อย สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ทั้งสองคนชั่วครู่หนึ่ง
ดวงตาของเขาลึกล้ำ แต่กลับสงบนิ่งและเยียบเย็น
เพียงครู่เดียว เขาก็ละสายตาออกไป
อันที่จริงหากในตอนนี้มีผู้ฝึกตนคนอื่นอยู่ที่นี่ เมื่อเห็นสภาพของลั่วเฟิงและชีหาน ย่อมต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน
เพราะขั้นพลังปราณของทั้งสองคนในตอนนี้เป็นพียงเทพขั้นสูงเท่านั้น
ตามหลักแล้วอาณาเขตเซียนเทพของพวก เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ นี้ได้
ถึงกระนั้นอาณาเขตเซียนเทพนี้จึงเป็นไปไม่ได้แสดงออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้!
ทว่า…ตั้งแต่ต้นจนจบ การเคลื่อนไหวของทั้งสองคนลื่นไหลราวกับสายน้ำ เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง ราวกับไม่ได้ถูกขัดขวางแม้แต่น้อย
หากตอนนี้ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองครู่หนึ่ง นางอาจจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ แต่ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของนางทุ่มเทให้กับความว่างเปล่าที่พังทลายนับไม่ถ้วนและก้อนหินที่มารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง เช่นนี้นางจะมีเวลาไปสนใจสิ่งอื่นได้อย่างใด
ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
เมื่อก้อนหินเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นระหว่างนางกับกระแสน้ำวนที่ว่างเปล่ารอบๆ นี้ ก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ไหนแต่ไรมาฉู่หลิวเยว่ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวได้ง่าย
อย่างใดก็ตามการยืนอยู่ที่นี่ในเวลานี้ เมื่อเวลาผ่านค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ เมื่อทุกอย่างรอบตัวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อารมณ์ของนางดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้เช่นกัน
สายลมพัดผ่านมาหอบเอาเม็ดทรายที่หยาบกร้านเหนือทุ่งหญ้าอันรกร้าง เมื่อพัดผ่านใบหน้าจึงนํามาซึ่งความปวดแสบเล็กน้อย
กลิ่นคาวเลือดในอากาศดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เสียงพิณแห่งความเงียบสงัดและอ้างว้างดังขึ้นจากภายในร่างของนางและแพร่กระจายไปไกล!
ราวกับมีภาพอันใดบางอย่างปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของนาง แต่กลับไม่ชัดเจนนัก
ฉู่หลิวเยว่เกือบยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาของนางจ้องเขม็งเหมือนตกอยู่ในความว่างเปล่า ในชั่วพริบตา ลึกลงไปในดวงตาดำขลับของนางราวกับมีดวงดาวนับไม่ถ้วนกำลังสลายไป!
จากนั้นลายนิ้วเรียวขาวของนางก็ขยับเบาๆ
ติง!
แม้มือไร้สายพิณ แต่นางก็ใช้อาณาเขตอันสลับซับซ้อนนี้เป็นเครื่องช่วย บรรเลงเสียงพิณให้ก้องกังวานขึ้น!
ติง!
บนทุ่งหญ้ากว้าง มีป้ายสุสานที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เรียงรายอยู่
ลึกเข้าไปนั้น ราวกับมีเสียงพิณดังตอบกลับมาจากที่ไกลแสนไกล!
…
ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์
จิ่วหลงและสีเยี่ยนรีบกลับมาที่นี่อย่าเร็วที่สุด
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองคนไม่สนใจสิ่งใดรีบมุ่งตรงไปยังที่พำนักของเสินสื่ออันดับที่หนึ่งอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่มาถึงหน้าลาน ทั้งสองเพิ่งยืนตั้งหลักได้ ประตูใหญ่ของลานก็เปิดออกในทันที
เห็นได้ชัดว่าเสินสื่อลำดับที่หนึ่งรู้เรื่องอันใดมา!
สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาทั้งสองเกิดความหวาดกลัวขึ้นและไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าอยู่พักหนึ่ง
“เข้ามาแล้วค่อยพูด”
นำเสียงที่เคร่งครึมเย็นชาดังขึ้นจากด้านใน
ทั้งสองไม่กล้าปฏิเสธ ทั้งตัวเกร็งค้างขณะก้าวเดินเข้าไปข้างใน
เช่นเดียวกับครั้งก่อน พวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ตำแหน่งที่ห่างจากประตูห้องเพียงห้าก้าว
หลังจากคำนับด้วยความเคารพ จิ่วหลงค่อยๆ เอ่ยปากพูดอย่างระมัดระวัง
“เสินสื่อลำดับที่หนึ่ง ครั้งนี้…ข้าทั้งสองทำงานล้มเหลว ไม่สามารถนำเนื้อเพลงฉินกลับมาได้ ขอเสินสื่ออันดับที่หนึ่งโปรดลงโทษ!”
“เหตุผลล่ะ”
เสียงนั้นสงบนิ่งและเรียบเฉย ไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย
“นี่…”
จิ่วหลงปาดเหงื่อบนหน้าผาก
แต่สีเยี่ยนกลับทนไม่ไหว จึงอธิบายออกมา
“เรียนเสินสื่ออันดับที่หนึ่ง ที่เราล้มเหลวกลับมาในครั้งนี้ เป็นเพราะ…ท่านเทพก็ไปที่สุสานเทพสังหาร และ… ยังมีซั่งกวนเยว่ที่ไปพร้อมกันด้วยขอรับ”
“บางทีอาจเป็นเพราะซั่งกวนเยว่เป็นเจ้าของเนื้อเพลงฉินสองส่วนแรก ท่านเทพจึงตั้งใจจะมอบเรื่องนี้ให้นางทำ แม้ว่าเราจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ ท่านถึงเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่เราไม่กล้าขัดคำสั่งของท่านเทพ จึงต้องกลับมาก่อน ทว่าท่านเทพได้รับปากว่าเมื่อเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว เนื้อเพลงฉินจะถูกส่งคืนให้กับตำหนักมายาศักดิ์สิทธิ์”
จิ่วหลงกัดฟันและพูดเสริมขึ้นว่า
“นอกจากนี้ข้าทั้งสองได้ล่วงเกินท่านเทพโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงถูกสั่งให้ไปยังทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อรับโทษ และห้ามออกมาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่านเทพ”
นั่นก็หมายความว่าหลังจากมาแจ้งกับเสินสื่ออันดับที่หนึ่งแล้ว พวกเขาทั้งสองก็ต้องไปยังทะเลมายาศักดิ์สิทธิ์ในทันที
หลังจากทั้งสองคนพูดจบ ภายในห้องก็เงียบลงเป็นเวลานาน
ความเงียบงันที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ทำให้พวกเขาทั้งสองทำอันใดไม่ถูกเล็กน้อย
เมื่อครู่พวกเขาแทบไม่ได้พูดอันใดผิดไปใช่หรือไม่
ไม่ว่าอย่างใดพวกเขาก็ได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างกระจ่างชัดแล้ว หากลองพิจารณาดูก็จะเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ความผิดของพวกเขาทั้งสองคน
อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ยิ่งเป็นเสินสื่อลำดับที่หนึ่งก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของท่านเทพ
ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเทพได้ลงโทษพวกเขาสองคนแล้ว จะทําอย่างใดจึงจะพอเล่า
จิ่วหลงและสีเยี่ยนรออยู่พักหนึ่ง
“เสินสื่อลำดับที่หนึ่ง?”
เสียงนี้ในที่สุดก็ได้รับการตอบรับ
“เรื่องนี้ข้ารู้แล้ว พวกเจ้าออกไปเถอะ หากต้องรับโทษก็ต้องรับ แต่อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด”
ทั้งสองคนชะงักไปชั่วขณะ
“ท่านหมายถึง…เรื่องที่ท่านเทพเดินทางไปยังสุสานเทพสังหารหรือ”
เสียงนั้นหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
“ทุกคนและทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเพลงฉิน จะต้องเก็บไว้เป็นความลับทั้งหมด”