ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 289 ความลับของถวนจื่อ
ตอนที่ 289 ความลับของถวนจื่อ [รีไรท์]
เจ้านี่อีกแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไปสักพักกำลังจะขยับแต่กลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่จินตาการของตัวเอง!
จู่ๆ ไม่รู้ว่าอย่างใดจึงมีม่านแสงโปรงใสปรากฏขึ้นตรงหน้าของนาง
และบนม่านแสงนั้นก็สะท้อนแววตาดุร้ายออกมา!
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่แน่ใจว่ามันจะพุ่งมาหานางหรือไม่!
แววตาคู่นั้นซ่อนอยู่ในเปลวไฟที่ลุกโชน จากนั้นก็ร้องด้วยเสียงโศกเศร้าและเย็นชา
ครั้งนี้มันมาได้น่ากลัวมากและน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาด้วย!
ฉู่หลิวเยว่จ้องดวงตาคู่นั้น
“เจ้าเป็นใคร?”
แต่สิ่งที่ตอบกลับนางก็มีเพียงเสียงคำราม
โฮง!
ภายในห่อคอยจิ่วโยว ก่อนจะมีเสียงโฮงดังขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ราวกับว่ามีพลังที่น่ากลัวบางอย่างทับลงบนตัวของนาง!
แรงกดดันอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงในใจว่าภายในหอคอยจิ่วโยวมีตราประทับต้องห้ามที่ทรงพลังเช่นนี้อยู่ด้วย!
เมื่อเสียงร้องดังขึ้นในหูของเขา เห็นอย่างชัดเจนว่าในดวงตาสีแดงคู่หนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขามีร่องรอยของความน่ากลัวที่เต็มไปด้วยความแค้นกะพริบอยู่
ต่อมา ม่านแสงก็ริบหรี่กลายเปลี่ยนเป็นจุดเล็กๆ จนหายไปในที่สุด
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมื่อฉู่หลิวเยว่รู้สึกตัวอีกทีว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่ตรงหน้าของนางแล้ว
ในห้องฝึกวิชาเหมือนปกติทุกอย่าง ราวกับว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน
แต่ความเจ็บปวดที่หูจากการกระทบกระเทือน รวมถึงความตกตะลึงของจิตใจ ต่างทำให้ฉู่หลิวเยว่รู้อย่างถ่องแท้ว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ใช่เรื่องจินตนาการแต่อย่างใด
เหมือนว่าอสูรร้ายที่ถูกขับอยู่ในหอคอยจิ่วโยวกำลังดิ้นรนที่จะออกมา แต่เพราะมีเครื่องรางที่น่ากลัว ฉะนั้นจึงได้แต่โวยวายอยู่อย่างงั้น
แต่ว่า…
เหตุใดมันต้องพุ่งมาที่นาง
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกนักที่ไหล่แล้วถวนจื่อก็ปรากฏตัวทันที
ขณะฉู่หลิวเยว่มองมันด้วยความแปลกใจ กลับเห็นถวนจื่อกระโดดแล้วบินออกไปข้างนอก!
“ถวนจื่อ!”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งตามไป!
ถวนจื่อพุ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว! เหมือนเปลวไฟสีแดงที่ลุกไหม้มันทำรอยกรีดกลางอากาศ และหายไปต่อหน้าต่อตาอย่างรวดเร็ว!
ฉู่หลิวเยว่ไม่กล้าตะโกนเสียงดัง จึงทำได้เพียงตามหลังมันให้ทัน
ขณะที่นางกำลังรีบพุ่งออกจากประตูห้อง นางก็เห็นว่าถวนจื่อบินไปที่บันไดกลางแล้ว!
มันกำลังเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับตกตะลึงในใจ
“ถวนจื่อ เจ้าจะทำอะไร? รีบกลับมาเดี๋ยวนี้”
ฉู่หลิวเยว่พูดเสียงเบา
บันไดนี้อยู่ตรงกลางของหอคอยจิ่วโยว อยากจะไปชั้นใดก็ต้องผ่านบันไดนี้เท่านั้น
บนบันไดนี้ แต่ละชั้นมีรั้วกั้น
ต้องอยู่ในระดับที่เท่ากันเท่านั้น ถึงจะสามารถผ่านรั้วอุปสรรคนี้ขึ้นไปได้
ที่นางขึ้นมาจากชั้นหนึ่งเมื่อครู่นี้ก็เป็นแบบนี้เช่นกัน
แต่ตอนนี้ถวนจื่อคิดจะทำอะไรกันแน่?
ถวนจื่อได้ยินเสียงของนางก็สะดุ้ง แต่กลับไม่ได้หันมามองนาง
ทันใดนั้น มันก็พุ่งขึ้นข้างบนไป
“ถวนจื่อ!”
ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็รู้แล้วว่าที่ในใจของตัวเองไม่สงบนั้นเป็นเพราะอันใด
ถวนจื่อมันคิดจะขึ้นไปข้างบนจริงๆ ด้วย
นางมองไปรอบๆ ในใจก็รู้สึกโชคดีที่ที่นี่ไม่ได้มีใครอยู่นอกจากตัวเอง
และการเคลื่อนไหวเบาๆ นี้ ก็ไม่ได้ไปรบกวนนักเรียนส่วนน้อยที่กำลังฝึกวิชาแต่อย่างใด
นางลังเลสักพัก จากนั้นก็เห็นว่าถวนจื่อได้พุ่งขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว!
ช่างใจกล้าจริงๆ!
ฉู่หลิวเยว่กัดฟัน และในที่สุดก็ไล่ตามขึ้นข้างบนไป
เดินไปไม่กี่ก้าว นางก็ถูกรั้วจากด้านบนของตัวเองนั้นทับลงมา
เพราะนั่นมีเพียงคนที่มีวิชาต่อสู้ระดับสามเท่านั้นที่จะผ่านไปได้ และสิ่งที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่ต้องตะลึงก็จึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ถวนจื่อมันพุ่งเข้าไปในชั้นนั้นได้!
ดูแล้วมันสามารถผ่านไปอย่างง่ายดายสุดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีคลื่นเกิดรอบตัวมัน ฉู่หลิวเยว่คงจะคิดว่ารั้วกั้นนี้ไม่มีอยู่จริงไปแล้ว!
จากนั้นถวนจื่อก็หันกลับมามองฉู่หลิวเยว่ มันกะพริบตาราวกับว่ากำลังสงสัยว่าเหตุใดฉู่หลิวเยว่ถึงไม่ตามมันขึ้นไป
ฉู่หลิวเยว่โบกมือให้มัน
“ถวนจื่อ กลับมา! ข้างบนนั้นไปไม่ได้!”
แต่ถวนจื่อกลับไม่ขยับและเพียงแค่ส่ายหางเท่านั้น ความหมายของมันก็คือ บอกให้นาขึ้นไป
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเจื่อน
“ข้าผ่านรั้วกั้นนี้ไปไม่…” ยังพูดไม่ทันจบ ถวนจื่อก็บินมาแล้วกอดมือของนาง จากนั้นก็ทะลุผ่านรั้วกั้นชั้นนั้นขึ้นไปทันที ฉู่หลิวเยว่เอียงคอมองตัวเองที่ทะลุผ่านรั้วกั้นได้ด้วยมือข้างเดียวอย่างง่ายดาย จนจิตใจล่องลอยไปชั่วขณะ
นี่มัน..นางสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดของรั้วกั้นนั้น แต่แรงนั้นกลับไม่ได้หล่นลงมาทับตัวของนางแต่อย่างใด
ฉู่หลิวเยว่เดินไปข้างหน้าอย่างแรกคือมือ ต่อด้วยแขน จากนั้นก็…ตัวของนางทะลุผ่านรั้วกั้นไปทั้งตัว จนขึ้นมาถึงชั้นที่สาม!
จนกระทั่งเมื่อยืนอยู่บนชั้นสามแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ยังคงมีความสับสนอยู่
เมื่อครู่…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นางหันกลับไปมอง ก็เห็นว่ารั้วกั้นนั้นยังอยู่ แล้วคลื่นที่อข้างบนก็ค่อยๆ สงบลง
มองไปแล้วก็เหมือนว่าไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับหยุดหายใจ
ถึงแม้ว่าทักษะของนางจะไม่ได้หยุดอยู่ที่ระดับสอง แต่ก็ไม่ควรที่จะทะลุผ่านได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!
ถวนจื่อกลับไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ จึงลากมือของนางขึ้นไปด้านบน
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“เจ้ายังจะขึ้นไปอีกรึ?”
ถวนจื่อกะพริบตาก่อนจะใช้แรงพยักหน้า ในใจของฉู่หลิวเยว่มีความสงสัยซ่อนอยู่ แต่ดูท่าทางที่ขอร้องอ้อนวอนของถวนจื่อแล้ว นางก็ทำได้เพียงยอมขึ้นไปด้วยเท่านั้น
ภายในหอคอยจิ่วโยวเงียบสงบมาก ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเพียงเสียงฝีเท่าของตัวเอง กำลังสะท้อนเสียงอยู่ภายในหอคอย ไม่นาน…นางก็เจอกับรั้วกั้นของชั้นที่สี่แล้ว
แรงกดดันชั้นบนนั้นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้มาก แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ยังสัมผัสได้ว่ามีความดุร้ายซ่อนอยู่ แต่จุดสังเกตของนางในตอนนั้นอยู่ที่ตัวของถวนจื่อหมดแล้ว
ส่วนถวนจื่อนั้นไม่ได้มีความลังเลใดๆ จึงทะลุผ่านรั้วกั้นทันที!
และยังคงผ่านไปอย่างง่ายดายเหมือนเดิม!
ฉู่หลิวเยว่เก็บความตะลึงในใจเอาไว้ ก่อนจะยื่นมือออกไปด้วยความอยากลอง
เมื่อครู่นี้เพิ่งจะขยับเข้าใกล้นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่แข็งแกร่งทันที
นางหยุดการกระทำทุกอย่าง
“ถวนจื่อ”
นางตะโกนเสียงดังเหมือนว่าในใจของถวนจื่อจะมีจิตสัมผัส จึงบินกลับมาแล้วกอดแขนของนางไป ฉู่หลิวเยว่ลองดูอีกครั้งแล้วแรงกดดันแล้วก็ได้หายไปทันที!
ครั้งนี้ นางทะลุผ่านรั้วกั้นได้สำเร็จ แล้วเข้าอยู่ชั้นที่สี่!
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะถวนจื่อ…ฉู่หลิวเยว่มองจ้องมองถวนจื่อ แล้วในใจก็มีความสงสัย และอยากรู้อยากเห็นสิ่งเกิดขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
เหตุใดรั้วกั้นของที่นี่ถึงไม่ได้รั้งถวนจื่อแม้แต่นิดเดียว?
ถวนจื่อมองนางด้วยสีหน้าภูมิใจ หางขนๆ ของมันสะบัดไปสะบัดมาราวกับว่ากำลังทำการแสดงอยู่
ฉู่หลิวเยว่สูงหายใจเข้าลึก
ถ้าพึ่งความสามารถของนางเองคงไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้แน่นอน
เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้เป็นความพยายามของถวนจื่อทั้งนั้น
แต่มันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับสาม เหตุใด…ฉู่หลิวเยว่ถึงกับนวดหว่างคิ้ว
นางเกือบจะลืมไปแล้วว่าถ้าถวนจื่อเป็นแค่เพียงพอนโลหิตตัวหนึ่งจริงๆ แล้วมันจะสามารถต้านทานการต่อสู้ได้อย่างใด แถมยังสามารถกลืนกินพลังของเหิงจิ่งชั่วได้อีกด้วย
เห็นท่าทางอยากรู้อยากลองชองถวนจื่อแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ยักคิ้วทีนที
“เจ้ายังอยากจะขึ้นไปอีกอยู่รึ?”