ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 349 นิภาปลายนิ้ว
ตอนที่ 349 นิภาปลายนิ้ว [รีไรท์]
“นิภาปลายนิ้ว ระดับตี้ขั้นต้น!”
บนแผ่นศิลานั้นปรากฏลายลักษณ์อักษรขึ้นอย่างชัดเจน!
มันคือตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ขั้นต้นของแท้!
“นี่ นี่มัน…”
ชายที่รับผิดชอบการจดบันทึกมองไปที่ผู้อาวุโสมั่วชังอย่างตกตะลึง
ตามกฎแล้ว ถ้าตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ถูกเปิดใช้งาน พวกเขาจะต้องจดบันทึกแยกต่างหาก!
และต้องแจ้งจ้าวสำนักและผู้อาวุโสทุกท่านให้รับรู้!
ในใจผู้อาวุโสมั่วชังราวกับมีธารลาวาร้อนๆ ไหลผ่านไม่หยุด เขาไม่รู้จะระบายความโทสะออกมาเช่นไร จึงได้แต่ตะโกนร้องอย่างเหลืออด
“ยังไม่รีบจดอีก!”
“…คะ ขอรับ!”
ชายคนนั้นรีบหยิบสมุดเล่มเล็กอีกเล่มหนึ่งออกมา แล้วจดบันทึกด้วยมือที่สั่นเทา
ส่วนชายที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้อาวุโสมั่วชังก็ยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้นไปอีก เขาพยายามลดการมีอยู่ของตนเองลงให้มากที่สุด เขาไม่กล้าเอ่ยอันใดอีกถึงกับกลั้นหายใจเลยทีเดียว
ทกุคนมองออกว่าตอนนี้ท่านผู้อาวุโสมั่วชังโกรธเกรี้ยวเพียงใด และใครที่เข้าไปยุ่งอาจจะต้องเจอกับความทุกข์ทรมาณขั้นสุด!
ผู้อาวุโสมั่วชังเงยหน้าขึ้นทันที พลางหยุดสายตาไว้ที่ชั้นสองของหอสมุด!
แม้ว่าหอสมุดจะมีหนังสือมากมาย แต่ก็มีหนังสือเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ระดับตี้อยู่เพียงไม่กี่เล่ม ซึ่งพวกมันทั้งหมดถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดี
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับหาเจอได้!
ตอนนี้เขาอยากจะวิ่งเข้าไปไล่ฉู่หลิวเยว่ออกมามากๆ แต่ก็…ทำไม่ได้
เพราะความจริงแล้ว ฉู่หลิวเยว่เพียงอ่านหนังสืออยู่ด้านในเท่านั้น มิได้ทำการอุกอาจแต่อย่างใด
แม้ว่าความเร็วในการอ่านของนางจะมากกว่าคนปกติ แต่นั่นก็ไม่ใช่ความผิดของนาง
ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงจับตามองต่อไป!
และหากนางยังทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ต้องรอจนกว่าจะหมดเวลา กระทั่งนางเป็นฝ่ายออกมาเอง!
“ผู้อาวุโสมั่วชัง ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เปิดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ได้แล้ว แต่… แต่นั่นก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์เสียทีเดียว ท่านเห็นหรือไม่ นี่ก็ผ่านมาพักหนึ่งแล้ว แต่นางไม่ได้อ่านตำราเล่มอื่นต่อไปเลย นางจะต้องกำลังศึกษาเล่มนั้นอยู่เป็นแน่ และตามข้อตกลง นางสามารถเข้าหอสมุดเพื่ออ่านเท่านั้น แต่ไม่สามารถเอาตำราเหล่านั้นออกไปได้ ดังนั้น นางจะต้องใช้เวลาที่เหลือกับตำราเล่มนี้อย่างแน่นอน ท่านคิดว่าอย่างไร?”
คนที่จดบันทึกเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
สีหน้าของผู้อาวุโสมั่วชังเริ่มเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ
เขาเองก็คิดเช่นนี้ ทว่าสุดท้ายแล้ว มันเป็นถึงตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้เชียวนะ!
ยิ่งถูกนางหาเจอเช่นนี้ ในใจเขายิ่งรู้สึกถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เหลือคณา!
ปีที่แล้วสำนักของเขาคว้ารางวัลที่หนึ่งในงานสมาคมเยาวชนมาได้ และเขาก็ไม่พบศิษย์จากสำนักอื่นที่สามารถใช้ศิลปะการต่อสู้ระดับตี้เลย!
“พวกเจ้าคอยจับตามองอยู่ที่นี่! ข้าจะไปแจ้งเรื่องนี้แก่จ้าวสำนัก!”
“ขอรับ!”
…
กว่าผู้อาวุโสมั่วชังจะเดินทางมาถึงที่พักของเฉิงหัน ก็ค่ำมืดเสียแล้ว
มีแสงสว่างส่องลอดผ่านหน้าต่างบ้านเฉิงหัน ผู้อาวุโสมั่วชังยืนอยู่นอกประตู พลางได้ยินเสียงคนหลายคนคุยกันอย่างคลุมเครือ
เมื่อเขาเคาะประตู เสียงพูดคุยด้านในก็พลันเงียบลง
ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกโดยเฉิงหัน
ภายใต้แสงไฟ สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก
“มั่วชัง? เจ้ามาได้อย่างไร เกิดเรื่องอันใดรึ?”
ผู้อาวุโสมั่วชังมองข้ามไหล่ของเขา ก่อนจะเห็นคนสองคนอยู่ในห้อง
พวกเขาคือคนจากสองสำนักวิชาอื่นที่ถูกส่งมาตรวจสอบ นั่นคือ เหิงจิ่งชั่วและหยางเจี้ยนชิง
แต่ดูเหมือนบรรยากาศระหว่างสามคนนี้จะไม่ค่อยดีนัก
ผู้อาวุโสมั่วชังรีบร่ายงานอย่างรวดเร็ว
“ท่านจ้าวสำนัก ข้ามีเรื่องด่วนที่ต้องรายงานท่านเป็นการส่วนตัว”
เฉิงหันที่กำลังกระอักกระอ่วนกับสองคนด้านใน และไม่รู้จะส่งพวกเขาออกไปอย่างไร ก็ถึงกับเบิกตากว้าง ผู้อาวุโสมั่วชังนี่มาได้เวลาจริงๆ
เขาขยิบตาให้ผู้อาวุโสมั่วชัง พลางเอ่ย
“เรื่องด่วนหรือไม่?”
ผู้อาวุโสมั่วชังรับสัญญาณทันที พลันผงกศีรษะตอบรับอย่างรู้กัน
เช่นนั้นเฉิงหันจึงหมุนตัวกลับไปมองคนทั้งสอง
“ข้าต้องขออภัยต่อท่านทั้งสองจริงๆ ดูเหมือนว่าธุระของเราวันนี้ คงต้องจบลงเพียงนี้แล้ว”
สองคนด้านในรู้ดีว่าเฉิงหันพยายามหาทางหนีที่ไล่ ทว่าไม่สามารถเปิดเผยความคิดนั้นออกมาตรงๆ ได้ จึงทำเพียงลุกขึ้นแล้วกล่าวลา
หลังจากสองคนนั้นจากไป เฉิงหันก็เชิญผู้อาวุโสมั่วชังเข้าไปด้านใน พลันถอนหายใจอย่างโล่งอก
ผู้อาวุโสมั่วชังเอ่ยถามคร่าวๆ
“จ้าวสำนัก ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยราบรื่นเลยนะขอรับ?”
เฉิงหันหงุดหงิดเล็กน้อย
“ทั้งหยางเจี้ยนชิงกับเหิงจิ่งชั่วล้วนปิดปากเงียบ แม้แต่เศษเสี้ยวเล็กๆ ก็ยังไม่ยอมคายออกให้รู้ แล้วข้าจะไปหาเบาะแสมาจากไหนได้?! ตอนนี้พวกเขาตามข้ามาที่สำนัก และบอกว่าไม่พบเบาะแสะอันใดสักอย่าง! เจ้าพวกนั้นหาไม่เจอเอง แต่กลับกล่าวหาว่าข้ากำลังปิดบัง!”
เฉิงหันรู้สึกว่าตนไม่ได้รับความยุติธรรม!
แต่ครั้งนี้มันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขากำลังสืบสวน และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขับไล่ผู้คนออกไปโดยตรง
เขานวดขมับไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“เอาเถอะ ไม่พูดแล้ว ว่าเรื่องของเจ้ามาดีกว่า”
ขณะที่ผู้อาวุโสมั่วชังเดินทางมาที่นี่ ความโกรธในใจก็ลดลงไปมากโข แต่กลายเป็นว่าเขากระสับกระส่ายและวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม
ก่อนที่เขาจะมาถึง เขาเอาต่ไตร่ตรองอยู่ในใจว่าจะแจ้งจ้าวสำนักอย่างไรดี
เพราะไม่เพียงแต่จ้าวสำนักเท่านั้น แต่ตอนนี้ทั้งสำนักไท่เหยียนของพวกเขา เดือดร้อนจากการกระทำของฉู่หลิวเยว่มากเกินไปแล้ว
และเรื่องที่เขาจะแจ้งนั้น จะทำสถานการณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก!
หลังจากไตร่ตรองอยู่นาน ในที่สุดเขาก็เลือกเอ่ยออกไปตรงๆ
“ฉู่หลิวเยว่อยู่ที่หอสมุด นางปลดผนึกตำราศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ไปแล้วหนึ่งเล่ม…”
ใบหน้าของเฉิงหันชะงักแข็งทื่อทันควัน
ผู้อาวุโสมั่วชังเดาได้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องทำสีหน้าเช่นนี้ จึงพยายามเอ่ยโน้มน้าว
“จ้าวสำนัก ท่านอย่าห่วงไปเลย…”
“นางหาเล่มใดเจอ?!”
เฉิงหันเอ่ยถามอย่างรีบเร่ง
ผู้อาวุโสมั่วชังนึกคิด ก่อนเอ่ย
“เหมือนจะเป็น…นิภาปลายนิ้ว? เล่มนี้เป็นศิลปะการต่อสู้ระดับตี้ขั้นต้น…”
โครม!
เฉิงหันลุกพรวดขึ้นทันที จนเก้าอี้ที่อยู่ใต้เขาล้มระเนระนาด!
พลันพุ่งตัวไปขยุมคอเสื้อผู้อาวุโสมั่วชัง
“เจ้าว่าเช่นไรนะ!”
ผู้อาวุโสมั่วชังตอบกลับอย่างยากลำบาก
“…ขั้น…ขั้นต้น… แต่โชคดีที่นางหยุดอยู่ที่เล่มนี้แล้ว…ฉะนั้นท่าน…”
ผลัก!
เฉิงหันสะบัดร่างเขาออกทันที!
จนผู้อาวุโสมั่วชังเซไปสองสามก้าว แล้วชนกำแพงอย่างแรง
พละกำลังของเฉิงหันนั้นมหาศาลมาก ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายสามารถทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกของเขาฉีกขาดได้ แต่เขาก็ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจออกไปตรงๆ
เขาลูบไหล่ตัวเองเบาๆ ทว่าพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเฉิงหันก้าวออกไปไกลแล้ว!
“ท่านจ้าวสำนัก!”
เขาตกใจมาก ก่อนจะรีบตามอีกฝ่ายไปอย่างเร็ว
ขณะไล่ตาม เขาก็นึกถึงปฏิกิริยาของเฉิงหันเมื่อครู่นี้
ดูเหมือนว่าจ้าวสำนักจะกังวลเรื่องนี้มาก…
แค่ฉู่หลิวเยว่หาตำราระดับตี้เจอหนึ่งเล่ม ความจริงแล้วเจ้าสำนักไม่ควรจะแสดงออกรุนแรงเช่นนี้…
มั่วชังขมวดคิ้วแน่น พลางรีบสาวเท้าตามไป
…
ด้านในหอสมุด
ฉู่หลิวเยว่กำลังนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือเงียบๆ
ด้านหน้านางมีหนังสือเล่มหนึ่งขยับไปมาอย่างเงียบๆ พร้อมพลิกเปลี่ยนหน้าทีละหน้า
ดวงตาของนางจับจ้องอยู่ที่ลายมือและลวดลายบนกระดาษ พลันเก็บข้อมูลไว้ในสมองอย่างรวดเร็ว
นิภาปลายนิ้ว
แม้จะเป็นเพียงตำราระดับตี้ขั้นต้น แต่ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในหอสมุดแห่งนี้แล้ว
นี่คือตำราศิลปะการต่อสู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้นิ้วมือ
ทักษะการต่อสู้ระดับนี้ โดยธรรมชาติแล้วไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงตั้งใจจดจำมันก่อน แล้วค่อยฝึกฝนอย่างจริงจังทีหลัง
สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไป อาจต้องใช้เวลาหลายร้อยครั้งในการเริ่มทำความเข้าใจ และหลายพันครั้งในการฝึกฝนให้ประสบผลสำเร็จ
แต่ไม่ใช่กับฉู่หลิวเยว่
นางเคยเห็นศิลปะการต่อสู้ที่สูงกว่านี้มามาก ดังนั้น เรื่องนี้จึงแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามอันใดมากมาย
ทว่าเมื่ออ่านไปได้หนึ่งในสามของเล่ม นางก็ตระหนักถึงความผิดปกติบางอย่าง
เหตุใดนิภาปลายนิ้วเล่มนี้ จึงซับซ้อนและคลุมเครือกว่าเล่มที่นางเคยอ่านมาก่อน?