ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 365 กักขัง
ตอนที่ 365 กักขัง [รีไรท์]
หรงซิวลืมตาขึ้น ภายใต้ดวงตาคมกริบ ราวกับรับรู้ว่าจะมีเรื่องราวเกิดขึ้น
”เรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่”
”เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน! ลู่หยุนพาคนไปค้นที่บ้านตระกูลฉู่ เแล้วเจอปิ่นปักผมขององค์หญิงสี่หรงเจินหนึ่งชิ้น เลยแน่ใจได้ว่าคุณหนูหลิวเยว่ได้พาตัวขององค์หญิงสี่ไปซ่อนเอาไว้ เป็นเพราะคุณหนูหลิวเยว่ยังไม่ได้กลับมา ฉะนั้นพวกเขาจึงพาใต้เท้าฉู่หนิงไป ตอนนี้…น่าจะถึงวังแล้ว”
อวี๋มั่วรีบรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้น แล้วเหลือบมามองสีหน้าของหลีอ๋อง จากนั้นเอ่ยถามแบบหยั่งเชิงว่า
”หลีอ๋อง ตอนนี้ท่านมีความเห็นเช่นใดขอรับ?”
ริมฝีปากบางๆ สีออกแดงเข้มของหรงซิวยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นโครงหน้ามนที่สวยงาม แฝงด้วยความเกียจคร้านเล็กน้อย
แต่สีหน้าที่แสดงออกมา มีแต่ความเยือกเย็นราวกับลมหนาวช่วงฤดูใบไม้ผลิทำให้รู้สึกหนาวเหน็บ
”พวกเขาช่างเลือกจังหวะเวลาได้ดีจริงๆ”
อวี๋มั่วนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็คิดบางอย่างได้
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่อยู่วังหลวง พวกเขาจะต้องสอบปากคำใต้เท้าฉู่หนิงอย่างแน่นอน
บวกกับ ’หลักฐาน’ ที่พวกเขาเอามาอ้าง จะยิ่งทำให้มีความกล้ามากขึ้น ไม่แน่ว่าใต้เท้าฉู่หนิงจะต้องถูกกลั่นแกล้งไม่น้อยเลย
ป่านนี้หากมู่ชิงเห่อยังอยู่วังหลวง ต่อให้ฉู่หลิวเยว่กลับไป พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรฉู่หลิวเยว่ได้ แต่หากเล่นงานใต้เท้าฉู่หนิง ก็จะทำให้นางทรมานได้เช่นกัน
”ความหมายของท่านคือ พวกเขาจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อแก้แค้น”
หรงซิวเอ่ยเสียงเรียบต่อ
”หรงเจินหายตัวไป ซือเมิ้งเผยตัวออกมา จักรพรรดินีอยู่ในสถานการณ์ตกที่นั่งลำบาก แน่นอนว่าข้าจะไม่พลาดโอกาสนี้ไป”
สำหรับจักรพรรดินีแล้ว ตอนนี้เรื่องที่หาหรงเจินเจอหรือไม่ จะไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญคือต้องหาคนที่เอาตัวหรงเจินไปซ่อนไว้ให้เจอ
ชัดเจนแล้วว่า บัดนี้พวกเขาต้องการจะผลักความผิดทั้งหมดไปที่ฉู่หลิวเยว่
หากเป็นเช่นนี้ ความโกรธบางส่วนของจักรพรรดิจยาเหวินจะเบี่ยงเบนไปที่ตัวฉู่หลิวเยว่
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับมู่ชิงเห่อ จนทำให้จักรพรรดิจยาเหวินไม่กล้าทำอะไรบู่มบ่าม แต่หากเพื่อให้จักรพรรดินีพ้นจากความผิด ก็ยังคงมีประโยชน์บ้าง
อวี๋มั่วรู้สึกกังวลเล็กน้อยถามว่า
”หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่ใช่ต้องเล่นงานคุณหนูหลิวเยว่กับใต้เท้าฉู่ถึงตายหรอกหรือ?”
หรงซิวเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
”เพราะฉะนั้นแล้วจึงได้มีปิ่นปักผมชิ้นนั้นอย่างไรล่ะ”
อวี๋มั่วสูดลมหายใจด้วยความเยือกเย็น
”ท่านหมายความว่า…”
โฮกกก!
จู่ๆ เสียงคำรามด้วยความโกรธที่ทุ้มต่ำก็ลอยเข้ามา
อวี๋มั่วเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเห็นสิงโตร่างใหญ่ปรากฏอยู่ต่อหน้า
เสวี่ยเสวี่ยนี่เอง
ดวงตาสีน้ำเงินที่เยือกเย็นของมัน เหมือนกำลังคุกรุ่นด้วยความรุ่มร้อน
หรงซิวมองมันแวบเดียว เสวี่ยเสวี่ยก็เดินเข้ามา แล้วนอนหมอบลงข้างเท้าเขา
”ในเมื่อจักรพรรดินีอยากจะอาละวาด ก็ให้นางอาละวาดต่อไป แต่ช่วงนี้องค์หญิงสี่น่าจะเหงาน่าดู เดี๋ยวเจ้าเข้าไปเล่นกับนางหน่อย”
เสียงของหรงซิวเยือกเย็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น หางเสียงลากยาว ผสมกับความรู้สึกเกียจคร้าน
แต่เมื่ออวี๋มั่วได้ยินแล้วก็รู้สึกใจสั่น
หลีอ๋องถึงกับจับตัวองค์หญิงสี่ไว้
ไม่สิ ดูจากท่าทาง น่าจะอยู่ในอุ้งมือของเสวี่ยเสวี่ย!
เสวี่ยเสวี่ยเลียเท้าของตนเองอย่างไม่ค่อยยินดี
หรงเจินทั้งเหม็นทั้งสกปรก แถมยังชอบกรีดร้อง ทำให้มันรำคาญมาก
แต่เพราะเป็นคำสั่งของนายท่าน มันจึงไม่กล้าขัดคำสั่ง
โอ้… คิดถึงใครบางคนขึ้นมาแล้วสิ!
พอคิดได้ เสวี่ยเสวี่ยก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองมาที่หรงซิว
หรงซิวเหลือบมองมันแวบหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ
”ไม่ได้”
หัวที่ใหญ่โตของเสวี่ยเสวี่ยส่ายไปมาและแนบใกล้ชิดมาอีก เหมือนกำลังออดอ้อน
หรงซิวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
”ครั้งก่อนนางเล่นกับเจ้านานมากสินะ ดูท่าทางดูเหมือนจะเยอะเกินไปสำหรับเจ้า?”
เสวี่ยเสวี่ยตัวแข็งทื่อ
ถูกจับได้จนได้!
มันก็แค่ให้ฉู่หลิวเยว่เล่นเป็นเพื่อนกับมันบนป่าเขานานไปหน่อยเท่านั้นเอง!
แต่ช่วงนี้มันก็ไม่เห็นหน้านางนานมากแล้วเหมือนกัน
เสวี่ยเสวี่ยลุกขึ้นจากไปอย่างเศร้าใจ
อวี๋มั่วมองมาที่มัน รู้สึกได้ว่าเบื้องหลังร่างที่ใหญ่โตนี้ แฝงไปด้วยความเศร้า
เขากระแอม และดึงสายตากลับ
”หลีอ๋องขอรับ ทางใต้เท้าฉู่หนิง…”
”ช่วงนี้เหตุใดท่านพี่องค์ชายสามจึงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใด?” หรงซิวถามขึ้นมาปุบปับ
อวี๋มั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “ใช่ขอรับ ฝ่าบาทไม่ปล่อยให้องค์ชายสามออกจากวัง ทุกคนคิดว่าคงจะต้องมีการยึดอำนาจทางทหารขององค์ชายสาม คนที่จะไปมาหาสู่ก็มีไม่เยอะเช่นกัน”
หรงซิวหยิบหนังสือที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมา แล้วพลิกอย่างไม่ใส่ใจ
”เป็นแบบนี้ก็ดี แล้วคนของกองทัพซีเป่ยล่ะ ติดต่อเขาได้บ้างหรือไม่”
”ข้าทำตามคำสั่งของท่าน ทุกอย่างราบรื่นดี อีกอย่างองค์ชายสามยังไม่ทราบเรื่องนี้”
อวี๋มั่วพูดแล้วก็มีความรู้สึกไม่เข้าใจบางอย่าง
”หลีอ๋อง ท่านช่วยองค์ชายสามเช่นนี้ หรือว่าไม่ห่วงเรื่องที่…”
หรงจิ่วมีอำนาจการควบคุมทหารอยู่!
หากเรื่องดำเนินแบบนี้ต่อไป ก็จะไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่าหรงจิ่วจะทำเรื่องอะไร!
”คนที่น่าเป็นห่วงคือ จักรพรรดินีกับองค์รัชทายาท”
หรงซิวพลิกหนังสือ ราวกับไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าใดนัก
”บอกข่าวขององค์หญิงสี่ให้ท่านพี่สามรับรู้หน่อย”
”ขอรับ!”
…
ณ วังหลวง
จักรพรรดิจยาเหวินนั่งหัวโต๊ะ จักรพรรดินีนั่งอยู่ข้างๆ ในมือถือปิ่นปักผมที่ลู่หยุนหามาได้ ด้วยสีหน้าโศกเศร้าน้ำตาไหลริน
“…นี่เป็นของที่ติดตัวของเจินเจินจริงๆ เป็นของขวัญที่ข้าซื้อให้ตอนนางอายุสิบสามทั้งยังแกะสลักชื่อเล่นของนางอยู่เลย ไม่ผิดแน่นอน… เจินเจินที่น่าสงสาร… เป็นความผิดของข้าเอง…”
จักรพรรดิจยาเหวินจ้องมองมาที่ใต้เท้าฉู่หนิงด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
”ใต้เท้าฉู่หนิง เจ้ายังมีอะไรจะแก้ตัวอีก”
ฉู่หนิงถกเสื้อขึ้น แล้วคุกเข่าลงกับพื้น!
”ฝ่าบาททรงพระปรีชา ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าปิ่นปักผมนี้มาจากที่ใด! และไม่ทราบด้วยว่าองค์หญิงสี่ตอนนี้อยู่ที่ใด แต่ข้ากล้ารับประกันด้วยศรีษะของข้าเองว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่อย่างแน่นอน!”
จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกสับสน
เขาก็รู้ดีว่าใต้เท้าฉู่หนิงเป็นคนเช่นไร ในเมื่อเขากล้าสาบานแบบนี้ ก็พิสูจน์ได้แล้วว่า เขาแน่ใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่เป็นคนทำ
แต่ว่า… เรื่องปิ่นปักผมจะอธิบายอย่างไร!
”ใต้เท้าฉู่หนิง! ถือว่าข้าขอร้องท่านแล้วกัน! ท่านบอกฝ่าบาทกับข้ามาเถอะว่า บัดนี้เจินเจินอยู่ที่ใดกันแน่!”
ใบหน้าของจักรพรรดินีเศร้าโศกน้ำตาอาบแก้ม แล้วมองมาที่ฉู่หนิง เหมือนเจ็บปวดทรมานเหลือทน
”ขอแค่นางปลอดภัยดี อย่างอื่นข้าไม่เอาเรื่องเลยก็ได้”
ฉู่หนิงสีหน้าตึงเครียด
”ฝ่าบาท จักรพรรดินี เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าจะยอมรับได้อย่างไร”
จักรพรรดินีนึกบางอย่างออกจึงเช็ดน้ำตา แล้วเอ่ยถามแบบหยั่งเชิง
”ถ้าอย่างนั้น…จะเป็นไปได้ไหมว่า เป็นเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ทำแล้ว ท่านไม่รู้เรื่อง?”
ฉู่หนิงมองไปที่นางด้วยสายตาเย็นชา
”จักรพรรดินีจะให้ข้าบอกว่าลูกข้าผิดที่จับตัวองค์หญิงสี่เอาไว้หรือ?”
”ข้า… ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น… เจินเจินหายตัวไปตั้งหลายวันแล้ว ฝ่าบาทกับข้าก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก ข้าก็ไม่อยากจะคิดเช่นนี้ แต่ปิ่นปักผมนี้เป็นหลักฐานที่ไม่สามารถโต้แย้งได้จริงๆ!”
จักรพรรดิจยาเหวินนิ่งเงียบพักใหญ่ ก่อนเอ่ยขึ้นมาว่า
”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้รอให้ฉู่หลิวเยว่กลับมาจากสำนักไท่เหยี่ยนก่อน แล้วค่อยสอบสวนพร้อมกันอีกครั้ง”
จักรพรรดินีเหลือบมองหรงฉีที่นั่งอยู่ข้างๆ
หรงฉีรีบโต้แย้ง
”ท่านพ่อ! ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ถ้าหากฉู่หลิวเยว่เป็นคนทำจริงๆ ใต้เท้าฉู่หนิงจะต้องหาวิธีปกป้องแน่ๆ! สู้เอาตัวเขาไปกักขังไว้ก่อน แล้วเร่งการสืบสวน จะได้ไม่ต้องกลัวว่า หากฉู่หลิวเยว่กลับมาแล้วจะไม่พูดความจริง!”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้ว
จักรพรรดินีรีบตวาด
”หรงฉี! เรื่องราวยังไม่ได้ข้อสรุป จะทำเช่นนี้กับใต้เท้าฉู่หนิงได้อย่างไร?”
หรงฉีพูดอย่างอัดอั้นใจว่า ”ข้าทำไปเพื่อเจินเจินพะย่ะค่ะ…”
จักรพรรดิจยาเหวินครุ่นคิดครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พูดว่า
”องครักษ์ เอาตัวฉู่หนิงไปกักขังไว้!”