ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 485 รอบคัดเลือก
ตอนที่ 485 รอบคัดเลือก [รีไรท์]
“คุณชายใหญ่ตระกูลเจียง ลูกชายคนโตของราชครูเจียงลี่จัวหรือ? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เป็นราชบุตรเขย…”
“ชู่ว! นี่เจ้าอยากตายแล้วหรือไง!? ถึงกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้?”
“เหตุใด? มันเหตุใดหรือ? เมื่อสองปีก่อนที่ข้ามาซีหลิง ข้ายังพูดได้เลย…”
“นั่นมันเรื่องเมื่อสองปีที่แล้วแล้ว! วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว! เรื่องราวมันเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว! ตอนแรกผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้น…ก็ทำผิดแบบนี้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ค่อยฉลาด ราชวงศ์เทียนหลิงเองก็ไม่กล่าวถึงเรื่องนี้มากนัก! แล้วอีกอย่างหลังจากที่คนคนนั้นได้จากไปแล้ว องค์หญิงสามก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ยังดีที่มีคุณชายใหญ่ตระกูลเจียงผู้นี้คอยปลอบใจ ในที่สุดนางก็ผ่านพ้นมาได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่พวกเขาทำร่วมกัน อยู่ด้วยกันจึงรักกัน…ก็เป็นเรื่องปกติ”
“หา?…แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม พวกเขาสองคนคบกันคงไม่ค่อยเหมาะสมหรอกมั้ง..แล้วจักรพรรดิ…เขาจัดการเรื่องนี้อย่างใด? ตอนแรกนางกับคุณชายใหญ่ตระกูลเจียงก็กำลังแต่งงานกันแล้ว…”
“ไม่ว่าอย่างใดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะเอามาคุยกันได้ เจ้าอย่าพูดอันใดเด็ดขาด! อีกเดี๋ยวคนผู้นั้นก็จะมาแล้ว”
พวกเขาทั้งหลายจึงรีบหยุดปากลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาปรากฏตัวฉู่หลิวเยว่คุ้นเคยกับคนคนหนึ่ง แต่คนที่เหลือกลับไม่รู้จักเลย
นางรีบถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว นางหลับตาลงและสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง
หลังจากที่นางตายไปแล้ว ก็มีข่าวลือเช่นนี้เหมือนกัน…
หลังจากนั้นมุมปากของนางก็ยกยิ้มขึ้นเป็นรอยยิ้มประชดประชัน
ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงก็เป็นคนที่มีความสามารถมาก สามารถกลับดำเป็นขาว กลับถูกเป็นผิด
เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกนั้นทั้งสองคนล้วนขี้ขลาด และทรยศนาง ผลสุดท้ายนางก็กลายเป็นคนที่พูดถึงไม่ได้
เมื่อหนึ่งปีก่อนเจียงอวี่เฉิงยังคงเป็นอดีตคู่หมั้นของนางอยู่ แต่ตอนนี้กลายเป็นคู่หมั้นของซั่งกวนหว่านเสียแล้ว
อย่างใดก็ตามก็ยังมีคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก แทบจะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เลย
นี่ก็เป็นความพยายามของทั้งสองคนนั้น
“ทุกคนเข้ามายืนตามลำดับของตนเอง”
ผู้อาวุโสชิวซียืนขึ้นกลางอากาศ พร้อมถ่ายเทปราณไปที่เถียนตัน เสียงที่เปล่งออกจึงกระจายไปได้ไกล!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมอง
เดิมทีทุกคนก็ยืนตามตำแหน่งของตนเองเรียบร้อยแล้ว
ผู้อาวุโสชิวซีจึงสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นกระดานหยกสีดำขนาดยักษ์ก็ลอยไปอยู่ฝั่งตะวันตกของสนามด้วยความรวดเร็ว!
จากนั้นกระดานแผ่นนั้นก็ลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ และเปล่งแสงระยิบระยับออกมาเล็กน้อย เกือบทุกคนที่อยู่ในสนามก็สามารถเห็นรายชื่อบนกระดานนั้นได้
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนลุกขึ้นแล้วไปยืนอยู่ด้านข้างกระดานหยกแผ่นนั้นทันที
บนสนามใหญ่แห่งนั้นถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่เล็ก พื้นที่แต่ละส่วนก็มีตัวเลขกำกับอยู่ ลำดับเลขที่ว่านั้นขึ้นเรียงตามลำดับ
ทุกคนต่างเดินไปที่ลำดับหมายเลขของตนเอง ฉู่หลิวเยว่เองก็เดินไปที่ “หมายเลขห้าสิบสาม” จากนั้นก็เงยหน้ามองรอบๆ หนึ่งครั้ง
จัตุรัสเสวียนจีมีพื้นที่กว้างขวางมาก มันถูกแบ่งออกเป็นหนึ่งร้อยส่วน พื้นที่แต่ละส่วนก็ไม่ได้ดูเล็กมากเกินไป อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าสนามที่แคว้นเย่าเฉิน
คนส่วนใหญ่ก็มาถึงตำแหน่งของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เมื่อฉู่หลิวเยว่เหลือบมองไป ก็เห็นว่าจ้าว
อวิ๋นจื่อก็กำลังเดินมาทางนี้
แต่ว่าสีหน้าของนางดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ คิ้วขมวดแน่น แววตาเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง ราวกับว่านางกำลังได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างแรง
ผิดกับท่าทางที่อวดดีเมื่อครู่ ราวกับเป็นคนละคน
เมื่อนางสัมผัสได้ถึงสายตาของฉู่หลิวเยว่ จ้าวอวิ๋นจื่อก็เงยหน้าขึ้นมามอง
ฉู่หลิวเยว่เห็นสายตาร้อนรนของนางได้อย่างชัดเจน
ร้อนรน?
น่าสนุกดีนี่
ฉู่หลิวเยว่กอดอกขึ้น พร้อมเอานิ้วเคาะที่ปลายคางเบาๆ แล้วหัวเราะ
เหมือนว่าในที่สุดจ้าวอวิ๋นจื่อก็รู้ในสิ่งที่นางควรรู้มาตั้งนานแล้ว
“เจ้าหัวเราะอันใด?” จ้าวอวิ๋นจื่อรู้สึกอ่อนไหวอย่างมาก เมื่อเห็นรอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่ นางก็ระเบิดออกมา
ฉู่หลิวเยว่ก็ยังคงยิ้มเหมือนเดิม
“ข้าอยากยิ้ม ก็ต้องยิ้มสิ ถ้าเจ้าอยากจะสั่งข้า รอให้เจ้าชนะข้าก่อนก็ยังไม่สายนะ”
หากเป็นเมื่อก่อนที่จ้าวอวิ๋นจื่อได้ยินประโยคนี้ นางจะคิดว่าฉู่หลิวเยว่รนหาที่ตาย
แต่หลังจากที่นางได้ยินข่าวลือนั้นแล้ว แต่เมื่อหันกลับมามองนางในตอนนี้ นางกลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่คนนี้…จะต้องมีวิธีอันใดสักอย่างแน่นอน
“ข้าจะต้องเป็นฝ่ายชนะแน่นอน”
จ้าวอวิ๋นจื่อกล่าวขึ้นเสียงแข็ง
ฉู่หลิวเยว่เองก็ขี้เกียจจะสนใจนางแล้ว จึงหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปมองทางผู้อาวุโสชิวซี
จ้าวอวิ๋นจื่อก็เดินเข้ามาในสนามประลองแล้ว นางกำหมัดแน่น ลำคอแห้งผาก
ผู้อาวุโสชิวซีก็มองไปรอบๆ รอให้เสียงรอบข้างเงียบลง จากนั้นก็ลูบเคราของตนเองอย่างพอใจ พร้อมกล่าวเสียงเรียบว่า
“งานประลองหมื่นทูรในครั้งนี้ เป้าหมายคือดึงศักยภาพของคนที่เก่ง! ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ได้ พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญพียรที่มีชีพจรตี้จิงในโลกนี้! คนที่อยู่ในสนามนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่โลกต้องการ!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ผู้คนที่อยู่ในสนามก็แสดงสีหน้าภูมิใจขึ้นมา
“แต่…ต่อให้เป็นคนที่วรยุทธ์สูงขนาดไหน ก็ต้องการที่จะเป็นคนที่แข็งแกร่งกันทั้งสิ้น และย่อมต้องการทดลอง ฝึกฝน ทดสอบ! หากไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ ไม่มีความตั้งมั่นที่แน่วแน่ สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอันใดเกิดขึ้น!”
สีหน้าของทุกคนเริ่มจริงจังขึ้นมาแล้ว
“คนในจำนวนนี้ มีคนที่มาจากราชวงศ์เทียนลิ่ง แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ คนที่มาจากด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า! อัจฉริยะจากราชวงศ์เทียนลิ่งทุกคน แม้ว่าเจ้าจะมีทรัพยากร แต่เพื่อความปลอดภัย พวกเจ้าจำเป็นจะต้องระวังอย่างมาก! อีกทั้งอัจฉริยะที่มาจากนอกพรมแดนม่านฟ้า เหนือฟ้ายังมีฟ้า อีกทั้งพวกเจ้าบำเพ็ญเพียรได้ช้าเพราะขาดทรัพยากร ดังนั้นองค์หญิงสามและราชบุตรเขยจึงตัดสินใจจัดงานนี้ขึ้น!”
“เชื่อว่าพวกเจ้าทุกคนต่างก็รู้แล้วว่า วันนี้คือรอบคัดเลือก จำนวนผู้เข้าแข่งขันคือ สามพันแปดร้อยเก้าสิบสองคนคน โดยการแข่งจะแข่งเป็นคู่ ผู้ที่ชนะมีสิทธิเข้ารอบต่อไป”
“ตราบใดที่สามารถเข้ารอบถัดไปอย่างราบรื่น ทุกคนจะได้รับรางวัลอย่างงามแน่นอน! อีกทั้งคนที่ไม่มีสำนัก สามารถเลือกเข้าสำนักที่อยู่ในซีหลิงได้เป็นกรณีพิเศษ!”
เสียงฮือฮาดังขึ้น!
นั่นหมายความว่า หากชนะในสนามนี้ก็สามารถเข้าสำนักที่อยู่ในซีหลิงได้
แบบนี้นี่มันเป็นของรางวัลล่อใจชิ้นใหญ่เชียว