ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 569 เขาเคยไปที่นั่น ตอนที่ 570 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
ตอนที่ 569 เขาเคยไปที่นั่น / ตอนที่ 570 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง [รีไรท์]
ตอนที่ 569 เขาเคยไปที่นั่น
“เยี่ยนชิง”
“ขอรับองค์ชาย!”
“เจ้าจงไปที่ซีหลิง แล้วมอบสิ่งนี้ให้นาง”
หรงซิวกล่าวและหยิบแหวนเงินเฉียนคุนออกมา
เยี่ยนชิงยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับ พลางถามอย่างลังเล
“…ท่านหมายถึง…ตอนนี้หรือ?”
“ตอนนี้เลย” หรงซิวตอบกลับสั้นๆ ด้วยเสียงเย็นชา
พร้อมกับไอเย็นที่พัดผ่านเข้ามา
เยี่ยนชิงจึงรีบก้มหัวด้วยความเคารพทันที
“รับทราบ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปอย่างว่องไว
ส่วนอวี๋มั่วก็ได้แต่มองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
ปะ ไปกันง่ายๆ เช่นนั้นเลยรึ!?
ตกลงมันเรื่องอันใดกันถึงได้รีบร้อนเพียงนั้น?!
นอกจากนี้ ในเมื่อเยี่ยนชิงไปแล้ว และเขาจะทำเช่นไรเล่า!?
“อวี๋มั่ว”
หรงซิวหันมามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
จนจิตวิญญาณในกายของอวี๋มั่วตึงเครียดขึ้นมา “ขอรับองค์ชาย!”
“เมื่อไหร่เจ้าจะไปจัดการจางโหย่วฟาง จะได้กลับกันเสียที”
อวี๋มั่วแทบลมจับ
“องค์ชาย…”
ตอนนี้เขากำลังจะตายอยู่แล้ว จึงพยายามช่วยเหลือขอโอกาสให้ตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย
“ว่า?”
หรงซิวขานรับเสียงงึมงำทว่าฟังดูน่ากลัว
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยขอรับ!”
อวี๋มั่วรีบพุ่งไปยังสนามรบอันวุ่นวายราวกับกำลังหนีตาย!
แม้ว่ามันจะยาก แต่ก่อนหน้านี้จางโหย่วฟางได้รับบาดเจ็บไปบ้างแล้ว และตอนนี้ก็น่าจะจัดการได้ง่ายกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น ฝั่งเขาเองก็มีทหารมากมายอยู่รอบๆ…
“คนอื่นถอยออกไป ให้ท่านอวี๋ของพวกเจ้าได้แสดงฝีมือ”
หรงซิวสั่งเสียงเด็ดขาด
“ขอรับ!”
ทหารจำนวนมากถูกห้าม และเพราะได้รับการฝึกมาอย่างดี พวกเขาจึงตอบสนองต่อเสียงนี้ทันที พลันถอยหลังกลับทั้งหมด!
พลันจางโหย่วฟางเจ้าของนัยน์ตาแดงที่กำลังง่วนอยู่กับการฆ่า ก็ปรากฏแก่สายตาของอวั๋มั่ว!
หางตาของอวี๋มั่วกระตุกอย่างดุเดือด
เขากำลังรู้สึกเสียใจ!
เขาไม่น่าแอบดูประโยคพวกนั้นเลย!
แต่สรุปแล้วมันเกิดเรื่องเลวร้ายอันใดขึ้นที่ซีหลิงกันนะ!
…
สำนักชงซูเก๋อ
มันเป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แดดแรงและไม่มีเมฆ
กลุ่มของฉู่หลิวเยว่กลับมาที่สวนสมุนไพรเก่าอีกครั้ง
“…พูดตามตรงนะท่านอาจารย์ จนถึงตอนนี้ ท่านก็ยังไม่รู้หรือว่าผู้ใดคือคนที่บุกเข้ามาในชงซูเก๋อวันนั้น?”
ระหว่างทางฉู่หลิวเยว่ก็ได้สอบถามข้อมูลมากมายจากอวี้ฉือซง
แม้ก่อนหน้านี้ลู่เจือเหยาจะเล่าในนางฟังแล้ว แต่วันนั้นเขาเองก็ไม่ได้อยู่ที่ชงซูเก๋อ
สำหรับเรื่องแบบนี้ การถามอวี้ฉือซงน่าจะเป็นอันใดที่สะดวกและแม่นยำกว่า
และหลังจากพูดคุยกันพักหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ค้นพบรายละเอียดมากมายที่ลู่เจือเหยาไม่เคยกล่าวถึง
“คนพวกนั้นเป็นพวกมีอำนาจ พวกเขาทั้งหมดสวมหน้ากากและเสื้อคลุมสีดำ และบุกเข้ามาในเวลากลางคืน ดังนั้นพวกเราจึงมองไม่เห็นอันใดเลย…”
แต่ถึงจะผ่านไปมากกว่าหนึ่งปีแล้ว อวี้ฉือซงก็ยังคงจดจำภาพนั้นได้ดี
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขา และกลายเป็นรอยแผลเป็นที่ลึกที่สุด และเจ็บปวดที่สุดที่ไม่สามารถลบออกได้
“อีกฝ่ายบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว แม้แต่ชีวิตของเหล่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ ก็ยังช่วยเอาไว้ไม่ทัน นับประสาอันใดกับสวนสมุนไพร? หลังจากทุกอย่างจบลง พวกเราก็รีบมาที่นี่ ก่อนจะพบว่าผู้ดูแลสวนเสียชีวิตหมดแล้ว”
ใบหน้าที่ดูสงบของอวี้ฉือซงสั่นไหวเล็กน้อย
“ในตอนนั้น เราเห็นแค่ว่ามีสมุนไพรจำนวนมากได้รับความเสียหาย และคิดจะเข้าไปตรวจสอบ แต่เพราะทุกคนในชงซูเก๋อได้รับบาดเจ็บสาหัส เราจึงไม่ใส่ใจเรื่องสมุนไพรพักใหญ่ แต่ใครจะรู้ว่า…พอวันรุ่งขึ้น สมุนไพรที่เหลือก็เหี่ยวเฉาหมดแล้ว”
“และหนึ่งเดือนต่อมา สวนสมุนไพรแห่งนี้ก็ทำข้าปวดหัวอีกครา ตอนนั้นเราส่งคนไปปลูกสมุนไพรเพิ่ม ถึงได้รู้ว่าที่ดินตรงนั้น ไม่สามารถใช้ปลูกสมุนไพรได้อีกแล้ว แต่กว่าจะรู้ตัว…มันก็สายเกินไป”
ฉู่หลิวเยว่ตั้งใจฟังอย่างระมัดระวัง พลางคิดอันใดเงียบๆ ในใจ
“ทรายรวมศูนย์มีต้นกำเนิดมาจากชายแดนทางใต้ ฉะนั้นผู้ที่นำมันมา จักต้องเป็นผู้ที่เคยไปชายแดนทางใต้เท่านั้น ท่านอาจารย์ ท่านรู้หรือไม่ว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราชวงศ์เทียนลิ่งได้ส่งใครไปชายแดนทางใต้บ้าง?”
อวี้ฉือซงนิ่งคิดพักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา
“เจียงอวี่เฉิงเคยไป”
ตอนที่ 570 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
“เขาเคยไปหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจมาก
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อวี้ฉือซงหรี่ตาลงแล้วนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดว่า
“น่าจะเป็นหลังจากที่เสี่ยวเยว่จากไป…ตอนนั้นมีการกล่าวกันว่าเสี่ยวเยว่มีธาตุไฟเข้าแทรก…เขาได้ยินมาว่าที่ชายแดนทางใต้มีสมุนไพรชนิดหนึ่ง ที่สามารถทำให้คนที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพได้ ดังนั้นเขาจึงพาคนไปหา แต่หลังจากนั้นก็หายตัวไปเลย แม้กระทั่งคนที่พาไปล้วนได้รับบาดเจ็บแทบจะทั้งหมด พอกลับมาได้เจียงอวี่เฉิงก็พักรักษาตัวเป็นเวลานาน แม้แต่พิธีฝังศพของเสี่ยวเยว่ก็ไม่ได้ไป”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างเล็กน้อย
“พิธีฝังศพ?”
เป็นไปได้อย่างใด?
ตอนนั้นนางจุดไฟหลอมตัวเองและทั้งร่างของนางก็ถูกทำลายและสลายไปอย่างสิ้นเชิง แล้วเหตุใดถึงยัง…
“ใช่แล้วล่ะ! เดิมทีตามสถานะของเสี่ยวเยว่ มันควรจะเป็นพิธีฝังศพที่ยิ่งใหญ่ แต่เพราะคำว่าธาตุไฟเข้าแทรกคำนี้ ที่ถือเป็นสิ่งเลวร้าย พวกเขาจึง…จัดเพียงพิธีศพขององค์หญิงธรรมดาๆ เท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกว่าไร้สาระและน่าขันสิ้นดี!
คนเหล่านั้นพยายามทุกวิถีทางที่จะต้อนนางให้จนมุม และสุดท้ายก็ยังไม่ลืมที่จะจัดงานศพให้นาง?
ถูกต้อง!
แน่นอนว่าพวกเขาทำแบบนั้น!
มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะไขข้อสงสัยของพวกเขาได้!
และเขายังไปที่ชายแดนทางใต้โดยไม่คำนึงถึงชีวิตเพื่อช่วยนางด้วย…
การแสดงของเจียงอวี่เฉิงช่างแยบยลจริงๆ!
เห็นได้ชัดว่าการที่เขาไปชายแดนทางใต้นั้น เพราะเขามีแผนการอื่น แต่เขากลับใช้นางเป็นข้ออ้าง!
อย่างใดก็ตาม ในสายตาของทุกคน พวกเขาอาจจะยังคิดว่าเขาหลงรักนางอย่างบ้าคลั่ง!
พลันความเกลียดชังที่ฝังลึกถึงกระดูก ก็หลั่งไหลออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ! จนแทบจะทำให้อกแตกตาย!
กําปั้นที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อกําแน่นจนเกือบบดขยี้กระดูกของตนเอง!
เจียงอวี่เฉิง!
เจ้านี่มันเยี่ยมไปเลย!
เมื่อเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ก้มหน้าและไม่ขยับ ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ อวี้ฉือซงจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“หลิวเยว่ เจ้าเป็นอันใดหรือเปล่า?”
ฉู่หลิวเยว่หลับตาลงก่อนเงยหน้าขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
นางยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“ไม่เป็นไร ข้าแค่คิดว่า… จริงๆ แล้วมันคือชิ้นส่วนสมบัติสวรรค์แบบใดกัน มันมหัศจรรย์มากจนสามารถดึงดูด…องค์ชายใหญ่เจียงให้เดินหน้าโดยไม่คำนึงถึงชีวิต”
พูดจบ นางก็หันไปพูดกับเชียงหว่านโจวต่อ
“เสี่ยวโจว เจ้าเติบโตมาจากชายแดนทางใต้ เจ้าเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้างหรือไม่?”
เชียงหว่านโจวส่ายหัว
“ไม่เคย”
อวี้ฉือซงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“อันที่จริงข้าก็สงสัยในเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่มีหลักฐาน…ตอนนี้ดูเหมือนว่าการที่เขาไปชายแดนทางใต้ อาจไม่ใช่เพื่อเสี่ยวเยว่ แต่เพื่อเรื่องอื่น…ถ้าเขานำทรายรวมศูนย์นั่นกลับมาจริงๆ…”
จู่ๆ อวี้ฉือซงก็นึกอันใดบางอย่างได้ พลางขมวดคิ้วแล้วหยุดพูด
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้า พลันเอ่ย
“ท่านอาจารย์ ข้ามาอยู่ที่ซีหลิงได้ไม่นานนัก แต่ก็ได้ยินข่าวมากมายเกี่ยวกับสำนักชงซูเก๋อ ข้าอยากถามท่านสักหนึ่งคำถาม ตอนนี้มีใครแอบมุ่งเป้าไปที่สำนักชงซูเก๋อใช่หรือไม่?”
ใบหน้าของอวี้ฉือซงดูเหมือนจะแก่ขึ้นหลายปีในชั่วพริบตา
เขาค่อยๆ ถอนหายใจแล้วฝืนยิ้ม
“เจ้าฉลาดมากที่เดาออก ใช่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นเมื่อหนึ่งปีก่อน มีคนจับตามองสำนักชงซูเก๋อของเราจริงๆ”
“เพราะเหตุนี้เองหรือ ท่านจึงต้องไล่ศิษย์หลายคนในสำนักออกไป?”
อวี้ฉือซงพยักหน้าอย่างยากเย็น ใบหน้านั่นมีแต่ร่องรอยความขมขื่น
ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยคิดว่าตัวองจะถูกบังคับให้อยู่ในสถานภาพเช่นนี้
ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงัก แล้วเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“คนๆ นั้น…คือองค์หญิงสาม ซั่งกวนหว่านหรือ?”
อวี้ฉือซงมองฉู่หลิวเยว่แล้วถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้ารู้ได้อย่างใด ไม่ ไม่ใช่นาง…”
อวี้ฉือซงเริ่มปฏิเสธ แต่ปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ของเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า การคาดเดาของฉู่หลิวเยว่นั้นถูกต้อง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
“เหตุใดนางถึงทำเช่นนี้?”
หรือว่าเพราะแค่อวี้ฉือซงเป็นอาจารย์ของตน และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตน?
แต่ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ คนที่ซั่งกวนหว่านต้องรับมือด้วยคงมีมากมาย!
มาทีละคน กลัวว่าซั่งกวนหว่านจะเหนื่อยตาย!
ยิ่งไปกว่านั้นสำนักชงซูเก๋อก็อยู่ที่จุดสูงสุด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับพวกเขา ทั้งยังจำเป็นต้องใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมาก!
จะว่าไป จริงๆ แล้วมันก็มีแต่จะเปลืองแรงเสียเปล่า!
ซั่งกวนหว่านคงเสียสติไปแล้วถึงได้ทำแบบนี้!
อย่างใดก็ตาม อวี้ฉือซงกลับปฏิเสธที่จะตอบคำถามของฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เจ้าไม่ต้องเดาแล้ว อีกอย่าง อย่าเข้าไปพัวพันกับเรื่องพวกนี้เลย!”
“ตอนนี้ข้าเป็นศิษย์ของสำนักชงซูเก๋อ จะไม่เกี่ยวกับข้าได้อย่างใด นางไม่เพียงต้องการทำร้ายท่าน แต่ยังรวมถึงศิษย์สำนักชงซูเก๋อทั้งหมดด้วย!”
“หลิวเยว่ ถือว่าอาจารย์ขอร้องเจ้าล่ะ!”
นัยน์ตาของอวี้ฉือซงแฝงความเจ็บปวดและการต่อสู้ดิ้นรน พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ฉู่หลิวเยว่ชะงักทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็ยอมพยักหน้า
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
อวี้ฉือซงลากเสียงถอนหายใจยาว
เขารู้อยู่แล้วว่าฉู่หลิวเยว่หวังดีกับเขาและสำนักชงซูเก๋อ
แต่เรื่องนี้พัวพันไปถึงคนอื่นและอันตรายมากเกินไป เขาจึงไม่อยากดึงเด็กสองคนนี้เข้าไปพัวพันจริงๆ
ทุกคนจมดิ่งกับความคิดและเงียบไปครู่หนึ่ง
แต่จู่ๆ เชียงหว่านโจวก็พูดว่า
“ผู้ที่เคยใช้ทรายรวมศูนย์จะทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกาย”
ฉู่หลิวเยว่และอวี้ฉือซงต่างหันไปมอง
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
เชียงหว่านโจวยกมือขึ้น
“ถ้าจะใช้ทรายรวมศูนย์ ก็ต้องใช้เลือดสดเป็นตัวกระตุ้น คนที่ทำการกระตุ้นจะทิ้งเส้นสีแดงจางๆ ไว้จากฝ่ามือถึงข้อมือ”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย
“ตราบใดที่หาวิธีที่จะเห็นมือของเจียงอวี่เฉิง เราก็จะรู้ว่าเขาเป็นคนทำหรือไม่?”
“อืม”
ตอนแรกอวี้ฉือซงรู้สึกดีใจ แต่ทันทีหลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า
“วิธีนี้จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ตอนนี้เจียงอวี่เฉิงอยู่ในตำแหน่งสูง มากด้วยอำนาจ อีกทั้งยังถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คุ้มกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเข้าใกล้เขา นอกจากนี้…แม้ว่าเขาจะเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังจริงๆ เขาอาจจะไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง”
ทรายรวมศูนย์นี้ต้องใช้เลือดสดเป็นตัวกระตุ้น และยังสามารถกลืนกินพลังดั้งเดิมในร่างกายมนุษย์ได้อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องแปลกประหลาดจริงๆ
ในเมื่อเจียงอวี่เฉิงสามารถส่งลูกน้องของเขาไปทำได้ แล้วเหตุใดเขาถึงต้องทำด้วยตัวเองล่ะ?
เชียงหว่านโจวตอบกลับ
“ถ้าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขา เขาจะต้องทำมันด้วยตัวเอง”
“ฉู่หลิวเยว่ถามทันที “เหตุใด?”
“เพราะด้วยวิธีนี้ เขาจึงสามารถควบคุมทรายรวมศูนย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และที่สำคัญไปกว่านั้น…พลังส่วนหนึ่งที่ทรายรวมศูนย์กลืนกินเข้าไป จะหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาและปรับปรุงการฝึกฝนของเขา”
รูม่านตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวเล็กน้อย
ที่แท้ทรายรวมศูนย์ก็มีประสิทธิภาพแบบนี้ด้วย…
การกระทำแบบนี้ช่างเลวทรามจริงๆ
แต่ทว่า กลับดูเหมือนเป็นเรื่องที่เจียงอวี่เฉิงตั้งใจจะทำอยู่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่ค่อนข้างรู้จักเขาดี
ในอดีต พรสวรรค์ของเขาไม่ได้ดีเท่านาง แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจของเขาก็สนใจเรื่องนี้มาตลอด
ถึงแม้ว่าจะเทียบกับคนส่วนใหญ่แล้ว เขาก็ถือว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับสูง แต่เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
เขามีความขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝน และเพื่อที่จะเลื่อนขั้นศักยภาพของตัวเอง แทบจะเรียกได้ว่าบ้าคลั่ง
ในเมื่อตอนนี้มีช่องทางดังกล่าว…
แน่นอนว่าเขาต้องลองทำมันอยู่แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างหนักแน่น
“ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม เขาเคยไปชายแดนทางใต้ แน่นอนว่าย่อมมีความเป็นไปได้ ไม่ว่าจริงๆ แล้วเขาจะทำหรือไม่ก็ตาม เราก็จะรู้กันได้ในเร็วๆ นี้!”