ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 595 ข้าไม่เห็นด้วย
ตอนที่ 595 ข้าไม่เห็นด้วย [รีไรท์]
ดวงตาของมู่หงอวี่เปล่งประกาย
ในโลกนี้ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรคนใดที่ไม่ต้องการแข็งแกร่งขึ้น
มู่หงอวี่เองก็ไม่มีข้อยกเว้น
ก่อนหน้านี้นางไม่รู้ว่าร่างซวีหยวนคืออันใด แต่เมื่อตอนที่นางอยู่ในกรง นางก็ได้ยินซ่งเจิงพูดกับผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเป็นเวลานาน จากนั้นนางถึงค่อยๆ เข้าใจว่าตอนนี้นางได้กลายเป็นร่างซวีหยวนที่หายากแล้ว
เมื่อได้ยินฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนั้น นางก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก
“ข้าสามารถอยู่ที่นี่ได้จริงๆ หรือ?”
เมืองหลวงอย่างซีหลิง ในราชวงศ์เทียนลิ่ง…
เป็นสถานที่ที่ก่อนหน้านี้นางยังไม่กล้าฝันถึงมาก่อน…
ฉู่หลิวเยว่ตอบอย่างมั่นใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าจะลักลอบเข้ามา แต่ตอนนี้คุณชายเจี่ยนได้ประมูลเจ้ามาแล้ว นั่นหมายความว่า เจ้าเป็นคนของเขาแล้ว และแน่นอนว่าเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างสมเหตุสมผล”
เจี่ยนเฟิงฉือหมุนข้อมือแล้วพับพัดกระดูกในมือลง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ทำให้คาดเดาสีหน้าของเขาไม่ออก
คนของเขา…
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้วรู้สึก…
มู่หงอวี่พยักหน้าอย่างครุ่นคิด
“นั่นหมายความว่าหลังจากนี้ไป ข้าจะต้องอยู่ที่ข้างกายเขาใช่หรือไม่? ก่อนหน้านั้นคนพวกนั้นยังบอกว่าข้าเป็น…ทาส…”
ประโยคสุดท้าย มู่หงอวี่พูดออกมาอย่างลังเล
นางไม่รู้ว่าตนเองได้มาเป็นทาสได้อย่างใด
ก่อนหน้านี้ที่นางอยู่ที่แคว้นเย่าเฉิน ร้ายดีอย่างใดก็เป็นถึงเจ้าเมือง แต่ใครจะรู้ว่า เมื่อนางมาถึงที่นี่ พริบตาเดียวก็กลายเป็น…
มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้
ฉู่หลิวเยว่จึงบอกเกี่ยวกับกฎหมายข้อนั้นของราชวงศ์เทียนลิ่งให้นางฟัง
“…แม้ว่าเจ้าเข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ถือว่าเป็นการลักลอบเข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็ถูกหออวี่เซี่ยงประมูลอย่างเปิดเผยแล้ว อีกไม่นานเรื่องนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมือง ทุกคนจึงจะคิดว่าเจ้าเป็น…”
ยิ่งฉู่หลิวเยว่พูดมากขึ้น ใบหน้าของมู่หงอวี่ก็ยิ่งมืดครึ้มมากขึ้น
ทันใดนั้นเจี่ยนเฟิงฉือก็พูดขึ้นมาว่า
“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางทำให้เจ้าหลุดพ้นจากสถานะทาส”
ดวงตาของมู่หงอวี่เปล่งประกาย
“จริงหรือ? วิธีใดหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้ตอบคำถามนางทันที
หัวใจของฉู่หลิวเยว่กระตุกวูบ และมองไปที่เขาอย่างสงสัย
ในราชวงศ์เทียนลิ่ง ต่อให้เป็นเจ้านายของทาส ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะเพิกถอนสถานะของทาสตนเอง
อยากเอาสถานะทาสออกไปมีเพียงสองวิธีเท่านั้น
หนึ่ง ทำความดีครั้งใหญ่ และได้รับการอภัยโทษจากองค์จักรพรรดิ
แต่สถานการณ์เช่นนั้นพบเห็นได้น้อยมาก ในระยะพันปีของราชวงศ์เทียนลิ่งมีคนทำเช่นนี้ได้เพียงหยิบมือเท่านั้น
วิธีที่สอง คือ…แต่งงาน
เมื่อนายและทาสแต่งงานกัน สถานะทาสที่อยู่ติดตัวมาก็จะถูกยกเลิกไปโดยทันที
นี่จึงเป็นวิธีที่ทาสส่วนใหญ่เปลี่ยนแปลงสถานะของตนเอง
แต่ความจริงแล้ววิธีนี้มันก็ไม่ได้ทำง่ายขนาดนั้น เพราะทุกคนในเทียนลิ่งต่างรู้ดีมาก ทาสนั้นมีสถานะต่ำต้อยอย่างมาก
หากแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับทาส พวกเขาจะได้รับคำเยาะเย้ยและดูถูกมากมาย เจ้านายทั่วไปจึงไม่เต็มใจรับทาสเหล่านั้น
เว้นเสียแต่ทาสเหล่านั้นจะมีพลังแข็งแกร่ง
ท้ายที่สุดแล้วโลกนี้ก็เป็นโลกที่มีผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่
แต่ว่าเมื่อมาเปรียบเทียบกันแล้ววิธีนี้มันก็ง่ายกว่าวิธีแรกมาก
ตอนนี้มู่หงอวี่ไม่มีทางทำวิธีแรกสำเร็จอย่างแน่นอน
วิธีที่เจี่ยนเฟิงฉือเสนอขึ้น…น่าจะเป็นวิธีที่สอง
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เองก็เหมือนจะสัมผัสอันใดบางอย่างได้ นางจึงหันไปมองเจี่ยนเฟิงฉือด้วยแววตาประหลาดใจทันที
นี่เจี่ยนเฟิงฉือคิดจะทำอันใดกันแน่?
ตอนนี้ เจ้านายของมู่หงอวี่ก็คือเขาไม่ใช่หรือ?
หรือว่าจะตั้งใจจะแต่งงานกับมู่หงอวี่โดยไม่สนใจตำแหน่งนายน้อยของภูเขาเขี้ยวมังกรของตัวเองเลย?
ในใจของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ชอบมู่หงอวี่มาก แต่ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม นางก็รู้จักเจี่ยนเฟิงฉือมานานมากกว่า
ถ้าเจี่ยนเฟิงฉือต้องการทำเช่นนั้นจริงๆ ละก็ ต่อให้พ่อของเขายอมรับ แต่คนทั้งภูเขาเขี้ยวมังกรจะต้องไม่ยอมรับอย่างแน่นอน!
ฮูหยินของนายน้อยจะมีฐานะเช่นนี้ได้อย่างใด?
แม้ว่าตอนแรกแม่ของเจี่ยนเฟิงฉือจะมีฐานะธรรมดา แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นทาส
คนที่อยู่ในห้องต่างก็เงียบลงทันที
มู่หงอวี่มองทางนั้นที มองทางนี้ที ในหัวก็สับสนไปหมด
นี่มัน…เกิดอันใดขึ้นกันหรือ?
เมื่อครู่ยังคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่เลยไม่ใช่หรือ?
นางพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย
“ถ้าเรื่องนี้มันทำให้พวกเจ้าลำบากใจละก็ เช่นนั้นก็ไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวข้าจะคิดหาวิธีเอง! พวกเจ้าช่วยข้ามาเยอะมากแล้ว! ข้าไม่สามารถรบกวนพวกเจ้าได้อีกต่อไป!”
ฉู่หลิวเยว่มองเจี่ยนเฟิงฉืออย่างสื่อความหมาย
คำพูดที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ คงจะไม่ได้พูดไปเรื่อยอย่างนั้นใช่หรือไม่…
เจี่ยนเฟิงฉือโดนมองจนรู้สึกร้อนตัวเล็กน้อย
ความจริงแล้วที่เขาพูดออกไปนั้น ก็รู้สึกตกใจกับตนเองเช่นกัน
แต่เมื่อได้ยินมู่หงอวี่พูดเช่นนั้น ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“หงอวี่ ตอนนี้คงอธิบายอันใดไม่สะดวก แต่ขอเพียงเจ้าตั้งใจฝึกฝนอย่างดี กลับเป็นผู้แข็งแกร่ง ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไปอย่างง่ายดาย”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นอย่างจริงจัง
มู่หงอวี่มองหน้านางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น แววตาแน่วแน่มีพลัง ความไม่สบายใจค่อยๆ ลดลงไป
เหมือนว่าบนร่างกายของฉู่หลิวเยว่จะมีพลังที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
ราวกับว่าขอเพียงมีนางอยู่ เรื่องทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน
มู่หงอวี่พยักหน้าอย่างแรง
“อื้อ! ข้าจะเชื่อฟังเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วถามขึ้นมาว่า
“ตอนนี้เจ้ามีสองทางเลือก หนึ่ง อยู่กับข้าแล้วคารวะฝากตัวเป็นศิษย์กับสำนักชงซูเก๋อ สอง ติดตามคุณชายเจี่ยนไปที่ภูเขาเขี้ยวมังกร ด้วยคุณสมบัติของเจ้าในตอนนี้ เจ้าสามารถเลือกสำนักและนิกายใน
ซีหลิงได้ตามใจชอบ”
มู่หงอวี่พูดขึ้นอย่างไม่ลังเล
“ข้าจะอยู่กับเจ้าที่สำนักชงซูเก๋อ”
เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้น ในที่สุดก็ใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างทนไม่ไหว
“ไม่ทราบว่าพวกเจ้าลืมไปหรือเปล่าว่าคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย? มู่หงอวี่ข้าเป็นคนที่ประมูลเจ้าออกมานะ เจ้าจะควรจะกลับไปที่ภูเขาเขี้ยวมังกรกับข้าสิถึงจะถูก เรื่องอันใดจะต้องมาอยู่กับฉู่หลิวเยว่ที่สำนักชงซูเก๋อนี่ด้วย?”
แววตาของมู่หงอวี่ฉายความสับสนและประหลาดใจ
“แต่ว่า…ก่อนหน้านี้ข้าก็อยู่กับฉู่หลิวเยว่มาโดยตลอดนะ!”
ตอนที่อยู่ในสำนักก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้มีโอกาสเลือก นางก็ต้องเลือกฉู่หลิวเยว่อยู่แล้ว
เรื่องที่จะติดตามเจี่ยนเฟิงฉือนั้น…ไม่ได้อยู่ในหัวสมองของนางด้วยซ้ำ
มุมปากของฉู่หลิวเยว่โค้งขึ้น จากนั้นนางก็พูดขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน
“คุณชายเจี่ยน ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าให้ข้าเอาเงินให้เจ้าไม่ใช่หรือ? ถ้าข้าให้แล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป หงอวี่ก็จะต้องมาติดตามข้า ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดีเอง”
เจี่ยนเฟิงฉือกล่าวโพล่งออกมา
“ข้าไม่เห็นด้วย!”