ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 597 อย่างน้อยเก้าสาย
ตอนที่ 597 อย่างน้อยเก้าสาย [รีไรท์]
“สวนซินหลี่?”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสซย่าอี้ก็เดินเข้ามาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวเยว่ คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้น
“ก่อนหน้านี้เจ้าสำนักบอกว่าจะไปเอาของที่เรือนฉินในสวนซินหลี่ไม่ใช่หรือ…”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“ตอนนั้นคุณชายใหญ่เจียงเป็นคนพาท่านอาจารย์เข้าไป ข้ารออยู่ด้านนอก ข้าจึงไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นที่ด้านใน ตอนที่อาจารย์ออกมาก็ยังดีๆ อยู่เลย แต่หลังออกจากสวนซินหลี่มาได้ไม่นาน เขาก็บอกว่าต้องการอยู่คนเดียว…ดังนั้นข้าจึงไม่ได้กลับมาพร้อมกับท่านอาจารย์”
ผู้อาวุโสซย่าอี้รู้สึกสงสัยอย่างมาก
“หรือว่า…จะเสียใจที่ได้เห็นของเก่าๆ? แต่ท่าทางไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่…”
ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่ชอบไปที่เรือนฉินอย่างมาก ดังนั้นจึงมีร่องรอยของนางอยู่มากมาย ในเมื่อท่านเจ้าสำนักตั้งใจจะเก็บของเหล่านั้นกลับมาแล้ว เขาจะต้องเตรียมใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว
วันนี้ตอนที่ท่านเจ้าสำนักกลับมา เขาก็แค่มีท่าทางร้อนรน ที่ทำให้รู้สึกว่าเขาผิดแปลกไปเท่านั้น
เดิมทีเขาคิดว่าอยากจะเข้าไปถาม แต่ท่านเจ้าสำนักกลับเดินไปที่หลังเขา เขาจึงไม่ได้เดินตามไป
“ช่างเถอะ พวกเราอย่าเพิ่งกังวลเรื่องนี้เลย ช่วงนี้ก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้ดีเถิด การแข่งขันใหญ่ของสำนักต่างๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น พวกเจ้าจะต้องเตรียมตัวกันดีๆ”
ผู้อาวุโสซย่าอี้พูดขึ้น
ส่วนเย่หรานหร่านก็พูดอย่างตกใจว่า
“ทุกปีจะจัดตอนเดือนกุมภาพันธ์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดปีนี้จัดเร็วขึ้นเช่นนี้เล่า?”
ผู้อาวุโสซย่าอี้หัวเราะอย่างขมขื่น
“เวลาในการจัดเป็นการเห็นชอบจากการประชุมของทุกสำนัก”
เย่หรานหร่านจึงเข้าใจได้ในทันที แล้วเงียบเสียงลง
ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็คิดขึ้นได้ว่า
ทุกปีในเมืองซีหลิงจะต้องจัดงานแข่งขันใหญ่ประจำปี เพื่อวัดระดับความสามารถของแต่ละสำนัก และการจัดลำดับ
วันและเวลาในการจัดจะเหมือนกันทุกปี
แต่ทว่าปีนี้กลับจัดขึ้นก่อนตั้งหลายเดือน เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนที่จะไม่เต็มใจอีกต่อไป
คนที่คิดจะมาแทนที่สำนักชงซูเก๋อนั้น เหมือนไม่ได้มีแค่สำนักพันธมิตรเก้าดาราเท่านั้น
ผู้อาวุโสซย่าอี้พูดขึ้นอย่างปลอบใจว่า
“ไม่ว่าจะช้าหรือจะเร็ว งานประลองในครั้งนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว หรานหร่าน เจ้ารีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้กับศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักทราบด้วย บอกให้ทุกคนเตรียมตัวและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อผู้อาวุโสซย่าอี้พูดจบก็เดินจากไป
ฉู่หลิวเยว่และเย่หรานหร่านก็ไม่ได้คุยอันใดกันอีก ดังนั้นจึงแยกย้ายกันกลับ
…
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่เดินมาถึงที่หน้าเรือนของตนเอง นางก็เห็นว่าเชียงหว่านโจวกำลังเดินออกจากห้องของตนเองพอดี
ปราณที่อยู่บนร่างกายของเขาเหมือนว่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่จึงถามขึ้นอย่างตกใจว่า
“เจ้า…ใช้โอสถอีกเม็ดแล้วหรือ?”
เชียงหว่านโจวพยักหน้า
จากนั้นก็อธิบายขึ้นว่า
“ฤทธิ์ของโอสถเม็ดก่อนมันหมดแล้ว สามารถใช้เม็ดต่อไปได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เดินเข้าไป จากนั้นก็จับมือเขาขึ้นมาเพื่อจับชีพจร ในใจก็ยิ่งตกใจมากขึ้น
ปราณเย็นภายในร่างกายของเชียงหว่านโจวหายไปเร็วกว่าที่นางคาดเอาไว้เสียอีก พลังที่เคยโดนแช่แข็งก่อนหน้านี้ ก็กลับคืนมาแล้วส่วนหนึ่ง
นางรู้ว่าหากทำตามขั้นตอนนี้ ฝีมือของเชียงหว่านโจวจะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน แต่นางก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วขนาดนี้
ในความเป็นจริงแล้ว พลังเดิมที่อยู่ภายในร่างกายของเขาเพิ่งจะหลอมละลายไปได้แค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น
แต่ในพลังนั้นกลับมีเยอะมาก…
ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะใช้โอสถนั้นอีก
ถ้าทำตามความเร็วนี้ ภายในเวลาสามเดือน ร่างกายของเขาก็สามารถปรับสภาพได้อย่างเต็มที่แล้ว
ฉู่หลิวเยว่มองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ
ริมฝีปากบางของเชียงหว่านโจวกระตุกเล็กน้อย ใบหน้างามมีความสงสัยปรากฏขึ้นมา
“มีอันใดหรือ?”
“ไม่มีอันใด…ข้าแค่กำลังคิดว่า เลี้ยงเด็กมันต้องใช้เงินเยอะจริงๆ…”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะอย่างหยอกล้อ
เชียงหว่านโจวกลับเม้มริมฝีปาก
“ข้าไม่ใช่เด็ก”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้เถียงกับเขาต่อ
เด็กๆ ก็ชอบบอกว่าตนเองโตแล้วนั่นแหละ
แต่ว่า โชคดีที่ตอนนี้นางมีเงิน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ แค่การปรับสภาพร่างกายของเชียงหว่านโจวเพียงอย่างเดียวก็อาจจะทำให้นางล้มละลายได้
นางลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะโบกมือไล่เขาเข้าห้อง
“ตั้งใจบำเพ็ญเพียรให้ดี เดี๋ยวข้าจะมีของขวัญให้เจ้า”
เชียงหว่านโจวจ้องที่แผ่นหลังของนางอยู่สักพัก จากนั้นก็มีคำถามหนึ่งปรากฏขึ้นมาในใจ…เขาใช้เงินเยอะจริงหรือ?
ถ้านางยังมอบของขวัญให้เขาแล้วละก็ เช่นนั้นเขาก็ควรมอบของตอบแทนให้นางบ้าง…
ไม่รู้ว่าเขาคิดอันใดขึ้นมาได้ แต่ลูกตาของเขาขยับเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับเข้าห้องพักไป
…
หลังจากปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หยิบกระบี่เทพเมฆาสำริดออกมาวางอยู่ตรงหน้า แล้วใช้สายตาสำรวจอย่างละเอียด
เมื่อมองใกล้ๆ ยิ่งสัมผัสได้ถึงปราณของกระบี่อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะวางมันเอาไว้อยู่เฉยๆ แต่ก็ยังสามารถสัมผัสปราณกระบี่ที่แผ่กระจายออกมาได้อย่างเลือนราง
ตัวกระบี่เป็นสีทองแดงทั้งด้าม มีเพียงปลายกระบี่เท่านั้นที่เป็นลายนกยูงสีฟ้า
“ปรสิตทองแดง…”
ฉู่หลิวเยว่บ่นเสียงเบา
ถ้าตามที่องค์ไท่จู่พูดเอาไว้ หลังจากลับคมกระบี่แล้ว มันจะกลายเป็นกระบี่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
สายตาขององค์ไท่จู่ต้องไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน แต่ประเด็นก็คือ…
จะต้องลับกระบี่อย่างใด?
แม้ว่านางจะเป็นนักรบระดับสาม แต่นางก็ไม่เคยทำเรื่องหลอมอาวุธด้วยตนเองเลยสักครั้ง
หลังจากที่นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็เลือกเรียกองค์ปฐมกษัตริย์ออกมาขอคำชี้แนะ
“องค์ไท่จู่ ไม่ทราบว่าจะต้องจัดการกับปรสิตทองแดงนี้อย่างใดหรือเจ้าคะ?”
น้ำเสียงขององค์ปฐมกษัตริย์ดูผ่อนคลายอย่างมาก
“ฮ่าๆ เรื่องนี้ง่ายมาก! ขอเพียงแค่หาศิลาดวงดาวแล้วบดขยี้หัวใจของปรสิตทองแดง จากนั้นก็เรียกทัณฑ์สวรรค์มาหลอมมันเท่านั้นก็ได้แล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ “…ท่านหมายความอย่างใดนะ?”
นางเข้าใจเพียงครึ่งแรก แต่ว่าครึ่งประโยคหลังนั้น นางเข้าใจอันใดผิดไปหรือไม่?
เรียกทัณฑ์สวรรค์…
นั่นมันเป็นเรื่องที่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถทำได้!
ต่อให้ตอนนี้นางไม่ได้อ่อนแอ แต่หากจะให้เรียกทัณฑ์สวรรค์ นั่นเป็นแค่เรื่องคนโง่นอนละเมอแล้ว!
“อะแฮ่ม…ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น…เจ้าก็น่าจะรู้ เปลวไฟธรรมดาไม่มีผลกับปรสิตทองแดงนี้หรอก มีเพียงทัณฑ์สวรรค์เท่านั้นที่จะหลอมมันได้…”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุกขึ้น
“ไม่รู้”
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเห็นปรสิตทองแดงมาก่อน แล้วจะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างใด?
เหมือนว่าในที่สุดองค์ปฐมกษัตริย์ก็คิดอันใดบางอย่างได้แล้ว เขาจึงเปลี่ยนคำพูดว่า
“อ่า…อย่างนี้นี่เอง ความจริงแล้วไม่รู้ก็ไม่เป็นไร…”
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ไร้อารมณ์
“ดังนั้นท่านยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”
“…ไม่มี”
“…”
“อะแฮ่ม ความจริงแล้วข้าสามารถช่วยเจ้าเรียกทัณฑ์สวรรค์มาได้…”
แววตาของฉู่หลิวเยว่เปล่งประกายขึ้นทันที
“จริงหรือ?”
องค์ปฐมกษัตริย์ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างร้อนตัวว่า
“ขอเพียงแค่…ขอเพียงแค่เจ้าสามารถทนรับแรงของทัณฑ์สวรรค์ได้…”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที
“นี่ท่าน…หมายความว่าอันใดหรือ?”
“อืม…คือว่า…แม้ว่าข้าจะสามารถช่วยเจ้าเรียกทัณฑ์สวรรค์มาได้ แต่ว่าหัวใจของปรสิตทองแดงสามารถป้องกันภัยธรรมชาติอย่างทัณฑ์สวรรค์ได้…ถ้าอยากจะหลอมกระบี่เล่มนี้ให้ได้ดีจริงๆ เจ้าจะต้องปล่อยให้พลังของทัณฑ์สวรรค์ไหลเข้าทั่วทั้งกระบี่…และวิธีที่ดีที่สุดคือใช้ร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นสะพาน แบกรับพลังของทัณฑ์สวรรค์นั้น จากนั้นก็แผ่เข้าสู่หัวใจของปรสิต…”
ฉู่หลิวเยว่วางกระบี่ลงทันที แล้วอุทานออกมาเสียงเบา
เสียงขององค์ปฐมกษัตริย์ก็ชะงักทันที
ตอนนั้นเองบรรยากาศทั้งหมดก็อึดอัดขึ้นมา
แววตาของฉู่หลิวเยว่นิ่งค้าง
“นี่ท่านจะหลอมกระบี่หรือว่าจะหลอมข้า?”
“อะแฮ่ม…สาวน้อย จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้…ถ้าเป็นคนอื่นละก็ ไม่มีทางทำได้แน่นอน แต่เจ้าไม่เหมือนกัน ตอนนี้เจ้าเป็นเจ้านายของกระบี่หลงหยวนแล้ว บนกระบี่หลงหยวนมีทัณฑ์สวรรค์แปดสิบเอ็ดสาย ร่างกายของเจ้าจะต้องอดทนต่อทัณฑ์สวรรค์ได้อย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เช่นนั้นข้าต้องรับทัณฑ์สวรรค์ไม่ใช่สายเดียวใช่หรือไม่ กว่าจะสำเร็จ?”
ปฐมกษัตริย์ชะงักไป
ฉู่หลิวเยว่ก็นิ่งค้าง
เสียงขององค์ปฐมกษัตริย์เหมือนจะลอยมาตามสายลม
“…อย่างน้อยเก้าสาย”