ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 37 สอบ!
ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วและนางยิ้มมุมปากเล็กน้อยเผยให้เห็นรอยยิ้มยียวน
สำนักเทียนลู่เป็นสำนักอันดับหนึ่งของแคว้นเย่าเฉิน ดังนั้นจึงเป็นที่เคารพ แม้แต่ในเมืองหลวง ก็ยังคงครอบครองพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่
ประตูใหญ่ที่สร้างด้วยไพฑูรย์นั้นเรียบง่ายสง่างามและด้านหน้าประตูมีแผ่นป้ายหินประกายสีดำ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนดาบยาวที่ตกลงมาจากฟากฟ้าและแทงลงดินทันที!
บนนั้นมีอักขระสีทองสี่ตัวจารึกไว้ว่า “สำนักเทียนลู่”
แค่นี้ก็ถือเป็นสิ่งล้ำค่าอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงสิ่งของในสำนัก
ด้านหน้าประตูมีจัตุรัสกว้างที่ทำด้วยหยกขาว
นั่นคือที่ตั้งของสำนักเทียนลู่และเป็นสถานที่ที่พวกเขารับสมัครนักเรียนตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ได้มาเข้าร่วมสอบ แต่จัตุรัสนี้กลับว่างเปล่า
มีเพียงชายวัยกลางคนคนเดียวเท่านั้นที่อยู่ด้านหน้าพร้อมกับโต๊ะตัวเล็กอีกหนึ่งตัว
มีกล่องไม้สีดำสามกล่องวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหมายถึงการสอบในสามสาขา
ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้โอกาสสอบอย่างเป็นทางการที่จัตุรัสนี้กับฉู่หลิวเยว่ตั้งแต่แรก
ฉู่หลิวเยว่โค้งคำนับและถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“ขออภัยผู้อาวุโส ข้าขอละลาบละล้วงถาม ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร”
เดิมทีชายคนนั้นก็ไม่พอใจฉู่หลิวเยว่มากอยู่แล้ว คนไร้ความสามารถคนหนึ่งดื้อด้านจะสอบเข้าสำนักเทียนลู่ของพวกเขา ฝันกลางวันอยู่หรือไร
ฝ่าบาทเอ่ยปากขอร้อง พวกเขามิอาจปฏิเสธได้ แต่ใครจะไปรู้ว่านี่เป็นเพียงเรื่องเสียแรงเปล่าเท่านั้น
ความจริงวันนี้เขามีบางสิ่งสำคัญที่ต้องทำ แต่เขากลับถูกส่งไปคุมสอบฉู่หลิวเยว่กะทันหัน เขาหงุดหงิด แน่นอนว่าต้องมีการชักสีหน้าใส่ฉู่หลิวเยว่กันบ้าง แม้แต่สิ่งที่เขาต้องเตรียมในการสอบเขายังเตรียมมาแค่ลวกๆ เท่านั้น
ยิ่งเห็นท่าทางอ่อนน้อมของฉู่หลิวเยว่ เขากลับยิ่งยิ้มเย็นชาในใจ
หากไม่มีความสามารถ อย่างอื่นก็เปล่าประโยชน์! ต่อให้เลียแข้งเลียขาเขาอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
“ไป๋เชิน!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มให้เขา แล้วชี้นิ้วไปที่จัตุรัสกว้างที่อยู่ไม่ไกล
“ผู้อาวุโส หลิวเยว่ได้ยินมาว่า การทดสอบของสำนักเทียนลู่ล้วนต้องสอบที่จัตุรัสนี้ แต่วันนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เปิดง..ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านสะดวกหรือไม่”
ไป๋เชินทำเป็นเหมือนได้ยินเรื่องตลก แล้วมองนางด้วยสายตาประชดประชัน
“เจ้าน่าจะรู้ว่าผู้สอบคนอื่นๆ ที่สอบที่จัตุรัสแห่งนี้ได้ เพราะตอนที่พวกเขาสอบจะมีการต่อสู้ที่หลากหลาย! แล้วก่อให้เกิดความผันผวน จากนั้นทุกคนจะสงบลงด้วยการก่อตัวรูปขบวนเชิงยุทธวิธีบนจัตุรัส! แล้วเจ้า…จะทำเป็นหรือ”
เมื่อคนแถวนั้นได้ยินก็พากันหัวเราะเยาะ
“นั่นสิ นางจะทำเป็นหรือเปล่า ฮ่าๆๆ!”
“สำนักเทียนลู่เป็นถึงสำนักอันดับหนึ่ง ส่วนเจ้าที่แม้กระทั่งชีพจรยังพิการ จะสามารถสอบเข้าได้หรือ นี่มันน่าอับอายขายขี้หน้าชะมัด!”
“ไม่เห็นหรือว่าไม่มีใครสนใจนางเลย ที่ให้โอกาสนางก็เพราะเห็นแก่หน้าฝ่าบาทเท่านั้น…ต่อไป เมืองหลวงก็คงมีตัวตลกเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ฮ่าๆ!”
ฉู่หลิวเยว่ทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินวาจาเหยียดหยามเหล่านี้ และสีหน้าของนางก็ไม่ได้เปลี่ยนไปแต่อย่างใด
นางมองไปที่ไป๋เชิน แล้วถามต่ออย่างไม่ลดละ
“ถ้าอย่างนั้น…ต้องทำอย่างไรท่านถึงจะเปิดสนามสอบนี่ได้”
ไป๋เชินกวาดสายตามองสำรวจนาง แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของพลังใดๆ ในร่างกายนางเลยแม้แต่น้อย เขาจึงอดสบถออกมาไม่ได้
“แค่เจ้าสามารถเปิดกล่องดำหนึ่งในสามกล่องนี้ ก็ย่อมได้!”
กล่องไม้สีดำนี้ทำจากไม้จันทน์สีดำพิเศษและมีน้ำหนักมาก และตามความแตกต่างของการสอบทั้งสาม กล่องไม้สีดำก็มีข้อห้ามต่างกัน
ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเปิดออกได้
หากผู้สมัครอยากได้ข้อสอบก็ต้องเปิดกล่องไม้สีดำเอง!
และนี่ก็คือด่านทดสอบด่านแรก!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าไม่พูดสิ่งใดอีก
นางก้าวไปข้างหน้าแล้วหมายมั่นยื่นมือไปที่กล่องดำด้านซ้ายสุด
สีหน้าทุกคนดูขำขันราวกับกำลังรอดูเรื่องตลกอยู่
นิ้วเรียวขาวนวลจับบนกล่องดำ
ไป๋เชินเบะปาก และในขณะที่เขาไม่ทันได้คาดคิด…
แกร๊กๆ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
กล่องไม้สีดำถูกเปิดออกอย่างง่ายดายโดยฉู่หลิวเยว่!
ดูเหมือนอากาศจะหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง!
ไป๋เชินมีสีหน้าตะลึงค้าง!
เป็นไปได้อย่างไร
ฉู่หลิวเยว่สามารถเปิดกล่องดำได้แล้วหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นที่วางอยู่ในนั้นขึ้นมา
“บรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม ถือว่ามีคุณสมบัติผ่าน!”
เงื่อนไขกติกาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามนั้นดูเหมือนจะง่าย แต่นักเรียนที่คัดเลือกโดยสำนักเทียนลู่ทั้งหมดนั้นอายุต่ำกว่ายี่สิบ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอัจฉริยะจะสามารถบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามดังกล่าวได้!
ไป๋เชินไม่ทันได้คิดว่าเมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่เปิดกล่องดำได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นโจทย์ของนางแล้วเขาก็หัวเราะออกมาทันที
“โจทย์ของผู้ฝึกยุทธ์!”
เขามองฉู่หลิวเยว่ด้วยหางตา
“หากเจ้าสามารถบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามได้ก็ถือว่าเจ้าสอบผ่าน แต่…ข้าจำได้ว่าเจ้าชีพจรพิการ คงเป็นไม่ได้แม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์หรอกกระมัง”
ทุกคนต่างหัวเราะเยาะออกมาอย่างเปิดเผย
สำหรับคนอื่นอาจมีความหวัง แต่ฉู่หลิวเยว่เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีทางเป็นไปได้!
มีบางคนโห่ร้องออกมา
“รีบไสหัวไปซะ! ขายขี้หน้าเปล่าๆ!”
“ฮ่าๆๆๆ!”
ไป๋เชินส่ายหน้า แล้วเตรียมตัวเก็บของ
“ช้าก่อน” จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยขึ้น “ผู้อาวุโสไป๋เชิน หากข้ามีความสามารถบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามได้ ข้าก็จะถือว่ามีคุณสมบัติผ่านแล้วใช่หรือไม่”
“อะไรนะ”
ไป๋เชินสงสัยว่าตนเองฟังผิดไปหรือเปล่า
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามอีกครั้ง
“หากข้าชนะได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม ท่านจะตัดสินว่าข้าเป็นผู้ชนะหรือไม่”
ไป๋เชินลังเลไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบ
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว!…แต่เจ้า…จะทำได้หรือเปล่า”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ขอลองสักครั้ง”
ไป๋เชินสะบัดชายแขนเสื้อยาวของเขา
“ได้! ข้าจะกดแรงให้เหลือเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้สามครั้งก็ถือว่าเจ้าสอบผ่าน!”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็โบกแขนเสื้อและก็มีเสียงดังอื้ออึงมาจากจัตุรัส!
ทันใดนั้น เขาก็ปล่อยพลังปราณออกมาและร่างของเขาก็กระโดดขึ้นราวกับนกอินทรีที่บินขึ้นท้องนภาแล้วบินไปไกลหลายสิบหลาในทันที จากนั้นจึงทิ้งตัวลงกลางจัตุรัสอย่างแม่นยำและเงียบเชียบ!
ฉู่หลิวเยว่เดินไปทีละก้าวจนมายืนนิ่งอยู่ข้างหน้าไป๋เชิน
“ท่านผู้อาวุโส โปรดชี้แนะ!”
ไป๋เชินไม่รอช้า เขาไม่พูดไม่จา จากนั้นเปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกำหมัดพุ่งเข้าโจมตีฉู่หลิวเยว่ทันที
วูบ!
เขามีความรวดเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าฉู่หลิวเยว่แล้ว
ลมหมัดอันแข็งแกร่งโหยหวน พลังอันน่าสยดสยองได้พัดผ่านอากาศ!
หมัดของเขาอยู่ห่างจากฉู่หลิวเยว่ไม่เกินหนึ่งช่วงแขนในชั่วพริบตา!
ในการระงับพลังความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะการต่อสู้มากมาย เพียงแค่ใช้พละกำลังจากร่างกายก็สามารถบดขยี้ฉู่หลิวเยว่ได้แล้ว!
ปล่อยหมัดลูกเดียว ทุกอย่างก็จะจบสิ้น!
ในดวงตาของฉู่หลิวเยว่สะท้อนภาพสะท้อนของหมัดแกร่งกล้าที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
นางยืนหลังตรงอยู่ตรงนั้น สำหรับคนอื่นอาจมองนางเหมือนคนที่ตกใจจนโง่ไปแล้ว
แม้กระทั่งไป๋เชินยังมองนางเช่นนั้น
แต่ทว่า เมื่อเขาคิดว่าการโจมตีครั้งนี้จะโดนนางเต็มๆ แต่ทันใดนั้นเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาก็หายตัวไป!
ไม่รู้ว่าร่างของฉู่หลิวเยว่เคลื่อนไหวได้อย่างไร แต่นางก็หลีกเลี่ยงหมัดนี้ได้อย่างรวดเร็วและปราดเปรียวยิ่งนัก!
ไป๋เชินตกตะลึงทันทีเมื่อตรงหน้าของเขาว่างเปล่า
วินาทีต่อมา ความหนาวเย็นก็ได้มาปรากฏขึ้นที่ข้างหลังของเขาทันที!
จิตสังหารอันเย็นยะเยือกได้ปกคลุมเขาเอาไว้!
“เฮือก!”
เขาใช้เผลอพลังดั้งเดิมโดยไม่รู้ตัว แล้วหันมาโจมตีกลับไป!
“พลังสายฟ้า!”
ตู้มๆๆ!
ทันใดนั้นลูกไฟสีน้ำเงินจาง ๆ ก็ระเบิดขึ้น!
แน่นอนว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น!
ไป๋เชินตกใจ จากนั้นก็มองไปที่ด้านข้างของเขาทันทีและเขาเห็นว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้รับความบาดเจ็บเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น!
ฉู่หลิวเยว่มองเขาแล้วหัวเราะ
“ผู้อาวุโสไป๋เชิน ดูเหมือนว่าท่าน…ไม่ได้ใช้เพียงแค่พลังของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามใช่หรือไม่”
หัวใจไป๋เชินจมดิ่ง หลงกลเข้าแล้ว!