ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 38 ผ่าน!
ทุกคนที่อยู่นอกสนามสอบต่างมองหน้ากัน และใช้เวลาสักพักกว่าจะได้สติแล้วรู้ว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้น
…ตอนที่ไป๋เชินกำลังทดสอบฉู่หลิวเยว่อยู่นั้น เพราะเผลอใช้พลังปราณเกินกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามในการปล่อยทักษะการต่อสู้ออกมา!
นี่แสดงให้เห็นว่า เขาเป็นดั่งที่ฉู่หลิวเยว่กล่าวเอาไว้ นั่นก็คือเขาไม่ได้กดข่มพลังความสามารถของตนให้ต่ำกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตั้งแต่แรก
นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น
ไป๋เชินหน้าแดงก่ำ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอับอาย
ตอนแรกเขาคิดว่ากระบวนท่านี้จะสามารถจัดการกับฉู่หลิวเยว่ได้ทันที แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะควบคุมได้ไม่ดีและทำลายการทดสอบนี้ไปโดยปริยาย
ทำผิดพลาดมหันต์เช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย ช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ!
แต่…
เมื่อครู่เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
ไป๋เชินขมวดคิ้วเป็นปม แล้วจ้องไปที่ฉู่หลิวเยว่ตาเขม็ง
เขาเองเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้า นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในแคว้นเย่าเฉิน ก่อนหน้านี้เขาก็ทดสอบผู้เข้าสอบไม่น้อย แต่เขาไม่เคยทำผิดกติกาเยี่ยงนี้มาก่อน
เขาจำได้แม่นยำ เมื่อครู่นี้เขามั่นใจว่ารู้สึกถึงจิตสังหารอันเย็นยะเยือกและน่าสะพรึงกลัวออกมาจากร่างของฉู่หลิวเยว่ เขาจึงเผลอใช้พลังปราณที่แท้จริงของตนเองโดยไม่รู้ตัว
แต่ฉู่หลิวเยว่ก็เป็นแค่คนไร้พลังคนหนึ่ง จะสามารถสร้างแรงกดดันและพลังข่มขู่ที่รุนแรงเช่นนั้นต่อเขาได้อย่างไร
ไป่เชินคิดอย่างไรก็คิดไม่ตก เขามองฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาสงสัย ราวกับกำลังแผดเผาร่างของนางให้เป็นโพรง
“ผู้อาวุโสไป๋เชิน ท่านเพิ่งบอกว่าหากข้าสามารถผ่านด่านของท่านสามครั้งก็จะถือว่าสอบผ่าน แต่ด่านแรกท่านก็ใช้พลังเกินผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามไปแล้ว…เช่นนี้แล้วจะนับว่ากระไรดี”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ราวกับว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อนางเลยแม้แต่น้อย
คำถามนี้ทำให้สีหน้าของไป๋เชินยิ่งดูย่ำแย่
แม้เขาจะไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉู่หลิวเยว่สามารถบีบให้เขาใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้ ในความแน่นอนนี้สามารถยืนยันบางเรื่องได้แล้ว
จะต้องมีของดีซ่อนอยู่ในตัวของแม่นางผู้นี้แน่นอน
ทั้งนอกและในสนามสอบเขาสู่บรรยากาศเงียบสงบทันที
ผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋เชินจึงเอ่ยด้วยเสียงนิ่งขรึม
“หากเจ้าสามารถผ่านด่านนี้ของข้าอย่างซึ่งๆ หน้าได้ ข้าก็จะนับว่าเจ้าสอบผ่านทันที!”
เมื่อกล่าวจบ เขาก็รีบก้าวไปอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งเข้าโจมตีฉู่หลิวเยว่อีกครั้ง!
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจนแทบไม่มีใครสังเกตเห็น
ไป๋เชินไม่ได้ให้เงื่อนไขนางเพียงแค่ผ่านด่านเขาเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องต่อสู้กันให้เห็นซึ่งๆ หน้าอีกด้วย ซึ่งทุกคนก็พอจะทราบดี
แม้ว่าเขาจะระงับความแข็งแกร่งของเขาไว้ที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สาม แต่ตัวเขาเองก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่ห้า และพลังที่แสดงออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามเป็นอย่างมาก
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามตัวจริงก็อาจไม่สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีด่านนี้ของเขาได้!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าไป่เชินใกล้เข้ามาข้างหน้านางแล้ว
หมัดอันดุดันพุ่งเข้าใส่หน้า
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงกว่ามีพลังรุนแรงกว่าด่านแรกมาก
“จบเห่แล้ว ฉู่หลิวเยว่กะจะไม่ไว้หน้าไป๋เชินเลยสักนิด เหล็กกล้ากำลังจะถูกตีสั่งสอนเองเสียแล้ว!”
“หมัดนี้เกรงว่ากระดูกของฉู่หลิวเยว่คงหักเป็นท่อนๆ”
“ถุ๊ย ต่อให้เป็นแบบนั้นแล้วยังไง นั่นเป็นเพราะคนพิการอย่างฉู่หลิวเยว่หาเหาใส่หัวเองมิใช่หรือ ร่างกายไร้พลังความสามารถ น่าจะเจียมเนื้อเจียมตัวเสียบ้าง อย่ามัวแต่ฝันกลางวันอยู่เลย…”
พวกเขาพากันซุบซิบนินทา ราวกับว่าได้เห็นถึงความพ่ายแพ้ของฉู่หลิวเยว่แล้ว
ท่ามกลางสายตามากมาย พวกเขาเห็นเพียงหญิงสาวร่างเพรียวระหงที่ยืนอยู่ตรงกลางจัตุรัส พวกเขาก็เข้าใจในทันที!
นางมิได้เคลื่อนไหวอะไรมากมาย เพียงแค่ไขว้ขาทั้งสองข้าง แล้วกำหมัดข้างขวาพุ่งไปข้างหน้าท่าเดียว
มีเสียงหายใจเฮือกดังมาจากฝูงชน
…ฉู่หลิวเยว่เลือกต่อสู้แบบตัวต่อตัวจริงๆ แล้วนางก็ปล่อยเพียงหมัดเดียวออกมาเหมือนกัน!
ปัง!
เกิดเสียงปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว
หมัดของทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง
หากเปรียบเทียบกันแล้ว หมัดของฉู่หลิวเยว่มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของไป๋เชินด้วยซ้ำ และเมื่อหมัดทั้งสองกระทบกัน ก็ยิ่งเห็นความผอมบางของฉู่หลิวเยว่ได้ชัดเจนมากกว่าเดิม
บางคนถึงกับอดกลั้นหายใจไม่ได้ มือของฉู่หลิวเยว่นั้น บางทีกระดูกอาจจะแตกร้าวไปหมดแล้วกระมัง
ในเวลาต่อมา พวกเขาก็ได้เห็นว่าร่างของฉู่หลิวเยว่สั่นเทาและมีเลือดไหลมุมปากดั่งคาด
ขณะที่พวกเขาคิดว่าทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว แต่กลับเหลือบไปเห็นสีหน้าของไป๋เชินที่ไม่เพียงแค่ไม่ยินดีเท่านั้น แต่กลับเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
เขาเบิกตาโตมองฉู่หลิวเยว่ราวกับเห็นสัตว์ประหลาด!
“เจ้า! นี่เจ้า!”
เขาอ้าปากพะงาบๆ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
แต่ในก้นบึ้งหัวใจของเขากลับมีคลื่นลูกใหญ่ก่อตัวขึ้น!
…พลังความสามารถของฉู่หลิวเยว่นั้นช่างเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้มาก
หากกล่าวกันตามเหตุผล เมื่อไป๋เชินปล่อยหมัดออกไปแล้วฉู่หลิวเยว่ไม่มีทางรับได้แน่นอน แต่ทว่าตอนนี้นางยังยืนอยู่ที่เดิม โดยไม่ได้ถอยหลังไปแม้แต่ก้าวเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกชัดเจนว่าหมัดของฉู่หลิวเยว่มีพลังเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากจริงๆ!
เขาลอบกัดฟันแล้วออกแรงมากกว่าเดิม
กรอบแกรบ!
จู่ๆ พื้นใต้ฝ่าเท้าของฉู่หลิวเยว่ก็แตกออก แล้วแผ่นกระเบื้องก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความรวดเร็ว
แต่ถึงกระนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็ยังไม่ขยับอยู่ดี
ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้ทั้งร่างของฉู่หลิวเยว่กำลังแบกรับแรงกดดันมหาศาล แรงที่แฝงอยู่ในกำหมัดของไป๋เชินนั้นไม่ใช่แรงที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามทั่วไปสามารถปล่อยออกมาได้
แม้ว่าร่างกายนี้จะได้รับการฟื้นฟูชีพจรแล้ว อีกทั้งช่วงนี้นางฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตายทุกวัน แต่ระดับยุทธ์ระหว่างทั้งสองช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ซึ่งทำให้ไม่สามารถเอาชนะได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
ดูเหมือนอวัยวะภายในของจะถูกบีบรัดให้เป็นมวลอย่างบ้าคลั่งด้วยพลังที่มองไม่เห็น ราวกับว่ามันจะแตกออกในชั่วพริบตา!
แต่สุดท้ายนางมองไปที่ไป่เชิน ดวงตาดำขลับของนางเปล่งประกายสดใส และนางก็พูดกับเขาชัดถ้อยชัดคำ
“ผู้อาวุโสไป๋เชิน คราวนี้ถือว่าข้าสอบผ่านหรือไม่”
ไป๋เชินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ในที่สุดเขาก็ชักหมัดกลับคืนแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม
“ผ่าน!”