ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 39 ข้าต้องการทั้งหมด
เสียงทุ้มต่ำอันทรงพลังของไป๋เชินดังก้องไปทั่วจัตุรัส
ผู้คนที่ส่งเสียงเอะอะพลันเงียบสงบทันที
ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงเมื่อมองไปที่สนามสอบ และเกือบจะสงสัยว่าตนเองได้หูฝาดไปหรือเปล่า
เมื่อกี้ไป๋เชินพูดว่าอะไรนะ
ฉู่หลิวเยว่…สอบผ่านแล้ว!?
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์ก็กลับมาอึกทึกครึกโครมอีกครั้ง
“เป็นไปได้ยังไง! ฉู่หลิวเยว่สอบผ่านได้ยังไง!”
“จริงด้วย! นางไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่หนึ่งด้วยซ้ำ แล้วจะถือว่านางสอบผ่านได้อย่างไร”
“นี่นางสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้แล้วหรือ ไม่ง่ายไปหน่อยกระมัง!”
“แม้ว่าจะแปลกไปบ้าง แต่…เมื่อครู่นี้ดูเหมือนฉู่หลิวเยว่จะสามารถรับกระบวนท่านั้นของไป๋เชินได้จริงๆ นะ!” มีบางคนพึมพำอย่างมึนงง
ส่วนบางคนต่างพากันเงียบกริบแล้วมองหน้ากันไปมา
ก็ใช่น่ะสิ!
เมื่อครู่นี้ไป๋เชินเคยบอกว่าต้องสู้กันแบบเผชิญหน้าให้ได้ ก็จะถือว่าฉู่หลิวเยว่สอบผ่าน
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้ถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว และนางก็ต้านทานการโจมตีนี้ได้อย่างหนักแน่น
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าไป๋เชิน…จะจงใจ”
บางคนกระซิบถามด้วยความไม่แน่ใจนัก แต่เมื่อพูดจบก็รีบยกมือปิดปากทันที
การสงสัยในตัวไป๋เชิน ซึ่งก็หมายความว่าสงสัยสำนักเทียนลู่ด้วยมิใช่หรือ
ไป๋เชินมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และในที่สุดก็เปิดปากพูด
“ข้ารู้ว่าหลายคนสงสัยว่าข้าอ่อนข้อให้นาง แต่ข้ากล้าใช้ชื่อเสียงของข้ายืนยันว่า กระบวนการสอบเมื่อครู่นี้ ไม่มีปัญหาแน่นอน! สำนักเทียนลู่ยังคงเป็นสำนักอันดับหนึ่ง มีความเที่ยงตรง เปิดกว้างและยุติธรรมมาโดยตลอด! ฉู่หลิวเยว่สอบผ่านผู้ฝึกยุทธ์แล้วคือความจริง!”
เขาไม่เพียงไม่ออมแรงเท่านั้น แต่กลับกัน เขาแอบเพิ่มระดับความยากในการสอบอีกด้วย
หรือต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตัวจริง แต่ก็เกรงว่าจะไม่สามารถสอบผ่านได้อย่างราบรื่น!
แต่ฉู่หลิวเยว่…ทำได้จริงๆ!
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะดูถูกนางมากเพียงใด แต่ในเมื่อนางทำสำเร็จ เขาก็ต้องยอมรับผลนั้นเป็นธรรมดา!
คำพูดยืนยันของไป๋เชินทำให้ทุกคนเงียบปากสนิท!
ในฐานะอาจารย์ของสำนักเทียนลู่ ไป๋เชินเป็นที่รู้จักในเรื่องความเข้มงวดและอารมณ์โมโหร้าย แม้กระทั่งเขายังยอมรับฉู่หลิวเยว่แล้ว แน่นอนว่าคนอื่นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
ไป๋เชินมองฉู่หลิวเยว่ด้วยสีหน้าสับสน
เขาไม่คิดว่าฉู่หลิวเยว่จะสอบผ่านได้จริง!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าได้เป็นนักเรียนของสำนักเทียนลู่แล้ว!
ทุกคนต่างฮือฮา!
เดิมทีคิดว่าวันนี้จะได้เห็นฉู่หลิวเยว่อับอายขายขี้หน้าแล้ว ใครจะไปรู้ว่านางจะสามารถสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้
ผู้ที่สามารถสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ล้วนเป็นอัจฉริยะอันดับต้น ๆ ของแคว้นเย่าเฉิน แต่ฉู่หลิวเยว่เป็นดั่งขอนไม้ แล้วตอนนี้ก็สามารถสอบเข้าได้เหมือนกัน มันช่างแปลกจริงๆ!
ริมฝีปากแดงระเรื่อของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้ม
“ขอบคุณผู้อาวุโสไป๋เชินมากเจ้าค่ะ หรือว่า ตอนนี้ควรเรียกท่านว่าอาจารย์ไป๋เชิน”
ไป๋เชินสบถเสียงเย็นชา
เขาเห็นเต็มตาว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ได้มีท่าทางตื่นตระหนกแม้แต่น้อย สีหน้าสงบนิ่ง เห็นได้ชัดว่านางคาดเดาผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรกแล้ว!
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นางมั่นใจว่าตนเองสามารถสอบผ่านได้อย่างแน่นอน!
ก่อนหน้านี้ไป๋เชินคิดว่านางทูลขอฝ่าบาทเรื่องสอบเข้าสำนักเทียนลู่เป็นแค่เรื่องเหลวไหลไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ดูแล้วก็เห็นว่านางพอมีปัญญาอยู่บ้าง!
“การสอบเข้าสำนักเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่มีอะไรน่าโอ้อวด เจ้าต้องรู้ด้วยว่า ในสำนักมีอัจฉริยะเนืองแน่นไปหมด เฉพาะผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นเท่านั้นถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง!”
ไป๋เชินรู้สึกเสียหน้า ดังนั้นแม้ฉู่หลิวเยว่จะสอบผ่านแล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ไม่สู้ดีนัก
อันที่จริง ในใจของเขายังคงนึกดูถูกฉู่หลิงเยว่
เพราะในระหว่างการทดสอบ เขาไม่รู้สึกว่าร่างกายของฉู่หลิวเยว่จะมีพลังเคลื่อนไหวเลยสักนิด!
ไม่รู้ว่านางใช้วิธีใด ถึงสามารถผ่านด่านนั้นไปได้
แต่ถึงกระนั้นผู้ที่มีชีพจรไม่สมบูรณ์ก็ไม่มีทางกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ตัวจริงได้!
เอาสีข้างเข้าถูไม่แน่ก็อาจบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สามไปได้ แต่ถ้าจะให้ไต่ระดับขึ้นไปอีกนั้นไม่มีทางเด็ดขาด
แม้ฉู่หลิวเยว่…จะสอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้ แต่เกรงว่าเรื่องในอนาคตคงไม่มีทางสำเร็จหรอก!
เมื่อพูดจบ เขาก็สะบัดชายผ้าแล้วหันหลังออกไปทันที
“อาจารย์ไป๋เชิน รอเดี๋ยวเจ้าค่ะ”
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยขึ้น
ไป๋เชินหันหลังกลับมามองนางอย่างช่วยไม่ได้
“ยังมีเรื่องอะไรอีก ในเมื่อเจ้าสอบผ่านแล้ว อีกประเดี๋ยวจะมีคนพาเจ้าเข้าไปในสำนักเทียนลู่เอง”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหน้า
“อาจารย์ไป๋เชิน การสอบยังไม่เสร็จสิ้น”
ไป๋เชินขมวดคิ้ว
“หมายความว่าอย่างไร”
ฉู่หลิวเยว่แย้มยิ้มและชี้ไปที่กล่องไม้สีดำสองกล่องที่อยู่ไม่ไกล
“นั่นยังเหลืออีกสองด่านมิใช่หรือเจ้าค่ะ”
ไป๋เชินมีสีหน้าเย็นเยียบ
“เมื่อกี้เจ้าไม่เข้าใจกฎเหรอ สอบสามด่าน เพียงแค่เจ้าผ่านหนึ่งด่านก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว!”
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่สอบผ่านด่านผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ยังเหลืออีกสองโจทย์ แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องสอบอีก
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“หรือว่า…หนึ่งคนสามารถสอบได้แค่หนึ่งแขนงวิชา”
“เจ้าฟังไม่รู้เรื่อง…”
ไป๋เชินพูดยังไม่ทันจบประโยคก็หยุดชะงัก
เดี๋ยวนะ นี่ฉู่หลิวเยว่หมายความว่า…
“อาจารย์ไป๋เชิน เท่าที่ข้ารู้ ดูเหมือนจะไม่มีข้อจำกัดในกฎการสอบเข้าสำนักใช่หรือไม่”
คราวนี้ไป๋เชินถึงกับพูดไม่ออก
เหตุผลในการเตรียมสอบสามแขนงนี้ เป็นเพราะว่าผู้ฝึกยุทธ์ในแผ่นดินใหญ่เสวียนอู่แบ่งออกเป็นสามประเภท
ต่างคนก็ต่างมีพรสวรรค์ของตัวเองในด้านใดด้านหนึ่ง
แม้ว่าบางคนจะขาดพรสวรรค์ในเส้นทางแห่งผู้ฝึกยุทธ์ แต่พวกเขาก็มีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งในด้านอื่นๆ
และบุคคลดังกล่าวเป็นทั้งปรมาจารย์และเป็นทั้งหมอเทวดา!
แต่ทว่าประการที่สองคือมีน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหมอเทวดา ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในล้านก็ว่าได้
“ดังนั้น เจ้าหมายความว่า…”
ในขณะที่ไปเชินเอ่ยปากพูด เขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด
ฉู่หลิวเยว่ก้าวไปข้างหน้าแล้วเอ่ยเสียงเรียบด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ข้าหมายความว่า อีกสองแขนงวิชาที่เหลือ ข้าก็จะสอบด้วยเช่นกัน”