ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 138 ทางออก
ฉู่หลิวเยว่ไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดกันแน่
นางไม่เคยมาที่บรรพตวั่นหลิงมาก่อน และนางไม่เคยล่าสัตว์อสูรตนใดหรือยั่วโมโหพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาชาขี้เถาที่นางพบในตอนแรก หรือหมาป่าชื่อเฟิงในภายหลัง นางรู้สึกชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าสัตว์อสูรเหล่านี้พุ่งเป้าหมายมาหานางจริงๆ!
“หลิวเยว่ เราควรทำอย่างไรดี”
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ มู่หงอวี๋ย่อมไม่สบายใจเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่หมกมุ่นครุ่นคิดครู่หนึ่ง
“อาจารย์ตงฟังเคยกล่าวไว้ว่าสัตว์อสูรในบรรพตวั่นหลิงไม่ค่อยออกจากป่า ถ้าเราออกไปก็อาจจะสลัดพวกมันหลุดได้”
มู่หงอวี๋พยักหน้ารัวๆ
“ใช่ๆ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่เถิด!”
หากมีสัตว์อสูรแค่ตัวสองตัวคงไม่เป็นไรนัก เมื่อมาหนึ่งฝูงพวกนางก็อาจจะรับมือไหว ทว่ายามนี้จำนวนของสัตว์อสูรที่มาที่นี่มีมากมายนับไม่ถ้วน!
ถ้ามาพร้อมกันทั้งหมดจริงๆ มันคือทางตันโดยมิต้องคิด
ต่อให้อาจารย์และผู้อาวุโสรีบมา ก็เกรงว่าพวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน!
ทันใดนั้นกู้หมิงเฟิงก็เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด
“ข้าเกรงว่ามันจะยากสักหน่อยที่จะออกไปยามนี้”
ทุกคนมองลงมาที่ตีนเขาอีกครั้งก็เห็นว่าสัตว์อสูรเนตรทองที่มาจากทิศใต้ได้มาหยุดอยู่ที่เชิงเขาแล้ว
พวกมันยืนกันเป็นระเบียบราวกับกองทัพ แล้วเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน
สายตาที่เย็นชาและอำมหิตนับไม่ถ้วนที่มองขึ้นมาช่างเฉียบคมราวกับใบมีดที่กรีดเนื้อของทุกคน!
นั่นคือเจตนาฆ่าอย่างโจ่งแจ้ง!
“พวกมัน…พวกมันปิดกั้นทางด้านนั้นเอาไว้หมดแล้ว!” เฉินหู่อุทานเสียงเบา
กู้หมิงเฟิงส่ายหน้า
“ไม่ใช่…ทางออกของพวกเราถูกปิดตายเกือบหมดแล้ว”
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่สัตว์อสูรเนตรทองมาถึง สัตว์อสูรที่มาจากทิศทางอื่น ๆ ก็ได้ขวางทางลงจากภูเขาของพวกเขาหมดแล้ว!
ในชั่วพริบตา ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวน บรรยากาศก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้า!
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
พวกเขาต่างรู้ดีว่าตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังเสียแล้ว
การเผชิญหน้ากับความเหลื่อมล้ำด้านพละกำลังนั้น ไม่จำเป็นต้องคิดและก็รู้ผล!
มู่หงอวี๋หน้าซีดเผือด
“หรือว่าวันนี้พวกเราจะต้องตายที่นี่จริงๆ”
นางหันไปมองฉู่หลิวเยว่ตามสัญชาตญาณ แต่กลับเห็นนางกำลังขมวดคิ้วเป็นปม
ทันใดนั้นมู่หงอวี๋ก็หัวเราะเยาะตนเอง
นางสติฟั่นเฟือนไปแล้วจริงๆ สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ฉู่หลิวเยว่มีสามหัวหกแขน เกรงว่าก็คงไม่สามารถทำอันใดได้
คนอื่นๆ ต่างพากันเงียบไม่พูดอะไร บรรยากาศดูเยือกเย็น กดดันและหนักอึ้ง
“กลับไป”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เอ่ยขึ้น
ทุกคนต่างตกตะลึง
“กลับไปที่ใด ตอนนี้พวกเราถูกล้อมไว้หมดแล้ว ไม่มีทางฝ่าออกไปได้…”
“กลับเข้าไปในถ้ำ”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางหันกลับเข้าไปที่ถ้ำ
คนแรกที่ตอบสนองคือกู้หมิงจู
นางถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วตะโกนเสียงดัง
“ข้าไม่กลับ!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแล้วหันมามองนาง
สงสัยเป็นเพราะเห็นฉากด้านล่างภูเขา กู้หมิงจูจึงตกใจมากเกินไป นางจึงมีอาการผวาควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“ฉู่หลิวเยว่ หากเจ้าอยากตายก็อย่าดึงข้าไปตายด้วย! ภูเขาทั้งลูกถูกล้อมไว้ ทางกลับเข้าถ้ำมันคือทางตัน! ข้าจะไม่กลับไปกับเจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่มองนางราวกับกำลังมองคนบ้า
คราวนี้ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจนางอีกต่อไป เพราะนางไม่ได้คิดพากู้หมิงจูไปด้วยให้เป็นภาระตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เรื่องของเจ้า”
เมื่อพูดจบ นางก็หันไปทางมู่หงอวี๋และคนอื่นๆ ก่อนจะเชิดคางแล้วพูดว่า
“รีบหน่อย เวลาไม่เคยรอใคร
เมื่อได้ยินที่ฉู่หลิวเยว่บอก มู่หงอวี๋และทั้งสามก็ทำตามนางเข้าไปทันที
แม้จะไม่รู้ว่าฉู่หลิวเยว่ไปกินยาอะไรผิดสำแดงมา แต่ทว่าสีหน้าและน้ำเสียงของนางกลับนำเอาพลังที่สร้างความรู้สึกสบายใจมาสู่พวกเขาเสมอ
อีกประการหนึ่ง หลังจากที่ผ่านเรื่องราวมาด้วยกันมากมาย พวกเขาถือว่าฉู่หลิวเยว่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของกลุ่มมาเป็นเวลานานแล้ว
ดังนั้นเวลานี้นางชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ พวกเขาทำตามนางอย่างเป็นธรรมชาติ
จากนั้นร่างของพวกเขาก็หายเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว
บนยอดเขาจึงเหลือเพียงกู้หมิงจูคนเดียวเท่านั้น
เมื่อพวกฉู่หลิวเยว่หายลับไปแล้ว นางก็ได้สติกลับคืนมาพร้อมทั้งความรู้สึกเหลือเชื่อ
…ฉู่หลิวเยว่และพวกนั้นปล่อยนางไปง่ายๆ เช่นนี้จริงหรือ
โฮกกก!
เสียงร้องคำรามของสัตว์อสูรที่อยู่ในป่าเขาด้านล่างทำให้กู้หมิงจูสะดุ้งตกใจ
เมื่อนางชำเลืองมองลงไปข้างล่างก็สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าอันรุนแรง นางเขาอ่อนจนแทบทรุดไปกองกับพื้น
ไม่นะ ไม่!
นางจะตายที่นี่ไม่ได้! นางต้องมีชีวิตรอดออกไปให้ได้!
โชคดี นางยังมีไพ่ใบสุดท้ายอีกหนึ่งใบ…
…
พวกฉู่หลิวเยว่กลับเข้ามาในถ้ำอีกครั้ง เฉินหู่ที่เดินตามหลังฉู่หลิวเยว่หันหลังไปมองอย่างอดมิได้ และมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง
“หลิวเยว่ เรายังไม่ได้คิดบัญชีกับนางเลยจะปล่อยนางไปแบบนี้หรือ เสียเปรียบนางเกินไปแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวเสียงเรียบ
“ในเมื่อนางอยากตายเอง เหตุใดจึงต้องไปขวางไว้”
เฉินหู่แววตาเป็นประกาย
“นี่เจ้าหมายความว่า…”
“ข้างนอกถูกล้อมไว้หนาแน่น นางอยากหนีออกไปก็เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ก็แค่ส่งตัวเองไปตายเท่านั้น”
คนมีสมองคิดน้อยอย่างกู้หมิงจู นางมองทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว
แทนที่จะเปลืองแรงจัดการกับนาง มิสู้ให้นางเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเองจะดีกว่า
“ช่างเถอะ ไม่ต้องสนใจนางแล้ว! หลิวเยว่ ตอนนี้คิดก่อนว่าพวกเราจะทำเยี่ยงไรดี การซ่อนตัวอยู่ในถ้ำตลอดเวลาไม่ใช่วิธีการที่ดีเท่าไรนัก!”
มู่หงอวี่อุ้มลูกหมีแผงคอทองคำและยังคงแสดงสีหน้ากังวล
“ใครบอกว่าเราจะนั่งรอความตายที่นี่กันเล่า”
ฉู่หลิวเยว่ย้อนถามเสียงเบา
ที่เหลืออีกสามคนต่างมองหน้าสบตากัน
“หมีแผงคอทองคำมีพลังมหาศาล แต่พวกมันจะจำศีลทุกช่วงฤดูหนาว โดยทั่วไปพวกมันพวกมันจะไม่จำศีลในถ้ำเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนจากสัตว์อสูรประเภทอื่น แต่มันจะเลือกสถานที่ลับอื่นแทน และสถานที่นั้นมักจะเชื่อมต่อกับรังเพื่อให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย”
นางเดินเข้าไปลึกข้างในพร้อมทั้งอธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน
อย่างไรคำพูดเหล่านี้ทำให้พวกมู่หงอวี๋ทั้งสามตอบสนองทันที
“หมายถึง…เราสามารถเดินจากที่นี่ทะลุไปยังสถานที่ที่หมีแผงคอทองคำจำศีลแล้วลอบหนีไปใช่หรือไม่”
ในขณะที่พูด พวกเขาก็ได้เดินมาถึงข้างรังที่ลูกหมีแผงคอทองคำอาศัยอยู่เมื่อก่อนหน้านี้
เฉินหู่รีบวิ่งไปดู แต่สำรวจรอบๆ ก็พบว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ดังนั้นเขาจึงอดผิดหวังไม่ได้
“ตรงนี้ไม่เห็นจะมีสิ่งใดเลย หลิวเยว่ นี่เราคงไม่มีทางทะลุไปสถานที่ที่หมีจำศีลใช่หรือไม่ ถึงอย่างไรเขาลูกนี้ก็เป็นของมัน ถ้ามันออกไปข้างนอกก็คือทางตันเหมือนกันมิใช่หรือ”
“ถ้าหากหาเจอง่ายขนาดนั้น หมีแผงคอทองคำคงไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้หรอก”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางส่งสายตาให้มู่หงอวี๋ปล่อยลูกหมีแผงคอทองคำลงมา
ลูกหมีแผงคอทองคำออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นในทันใด มันยังคงมึนงงครู่หนึ่งและกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็กำลังจะคลานกลับไปหามู่หงอวี๋อีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่ให้มู่หงอวี๋ห่างไปอีกนิด ส่วนนางเขยิบไปข้างหน้าแล้วแตะเบาๆ ที่หน้าอกของมัน เจ้าก้อนกลมจึงกลิ้งหลุนๆ ทันที
ลูกหมีไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ มันลุกขึ้นและเดินหน้าต่อไป
ฉู่หลิวเยว่เข้ามาขวางหน้ามันเอาไว้
ทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ในที่สุดมันก็หยุดลง มันจ้องฉู่หลิวเยว่ด้วยความเจ็บใจ จากนั้นหันหลังเดินจากไป
มันเดินต้วมเตี้ยมไปยังที่แห่งหนึ่ง และในที่สุดก็ล้มลงนอนข้างกำแพงถ้ำ
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เป็นประกาย นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว นั่งลงและมองเข้าไปใกล้ๆ นางเห็นว่าสีของกำแพงถ้ำตรงจุดนี้แตกต่างจากที่อื่นเล็กน้อย
“ตรงนี้นี่แหละ”
นางยกมือข้างหนึ่งออกแรงดันเข้าไป!
ครืดๆ…
ฉันพลันนั้นเหนือกำแพงถ้ำเขาก็มีปากโพรงหนึ่งปรากฏขึ้น!