ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 147 จลาจล
ฉู่หลิวเยว่อยู่ในอ้อมกอดของเขา รับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจเขา และลมหายใจที่ตกกระทบลงบนหน้าผากของตนยามเขาเอื้อนวาจา
เขาพูดว่าเพราะอันตรายจึงต้องมา
ประโยคนี้เป็นคำพูดที่ดูอ่อนโยน ทว่ากลับเป็นธรรมชาตินัก
คำพูดนี้สำหรับเขา ดูเหมือนว่าเป็นคำพูดที่ควรจะพูดอยู่แล้ว
ทว่าทุกคนบนโลกใบนี้ต่างหวงแหนชีวิต จะมีผู้ใดบ้างที่สามารถทำสิ่งนี้เพื่อผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน?
ถึงขนาดที่ว่าไม่คำนึงถึงอันตราย ไม่ว่าจะเป็นหรือตายงั้นหรือ
มือของฉู่หลิวเยว่จับที่หน้าอกของเขาทันที พลางพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “…หรงซิว เมื่อสักครู่ข้าคิดจริงๆ ว่าข้ากำลังจะตาย”
ความมืดมิดถาโถมเข้ามา ความหวังก็หมดหนทาง
นางเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่ง และมันฝังลึกอยู่ในใจของนาง ยากที่จะลืมเลือน!
เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกเจ็บปวด!
หรงซิวไม่กล้าแตะบาดแผลของนาง จึงทำได้เพียงใช้มือหนึ่งข้างโอบเอวนางอย่างระมัดระวัง ส่วนมืออีกข้างลูบผมนาง พลางพูดเบาๆ “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัว”
ดวงตาของฉู่หลิวเย่ร้อนผ่าวในทันใด รู้สึกเจ็บปวดจนอยากจะร้องไห้
ถ้าหากตอนนั้น มีคนพูดกับนางว่า ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ต้องกลัว…
เปลวเพลิงที่ลุกลามไปทั่วร่างกายอย่างบ้าคลั่ง มันช่างเจ็บปวดเหลือเกิน!
นางหลับตา ขยับเข้ามาใกล้เข้าทันที พลางเอาหน้าผากค่อยๆซบลงบนอกของเขา
การเคลื่อนไหวของหรงซิวหยุดชะงัก
“หรงซิว เหตุใดต้องเป็นข้า?”
เสียงอู้อี้ดังออกมา
คำถามนี้ ฉู่หลิวเย่ไม่ได้ถามเป็นครั้งแรก
ทว่าครั้งนี้ มีบางอย่างแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน
หรงซิวจูบหน้าผากของนาง พลางเอนตัวเข้าไปใกล้หู และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เจ้าคู่ควร”
คนในอ้อมกอดไม่พูดสิ่งใด
หรงซิวจึงพูดอีกครั้งอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้ามีเวลาทั้งชีวิตที่จะพิสูจน์ว่าเจ้าคู่ควร”
ครั้งแรก นางไม่เชื่อ
ครั้งที่สอง นางไม่เชื่อ
ทว่าสักวันหนึ่ง นางจะเชื่อ
ฉู่หลิวสิ่งใดยังคงไม่พูด
หรงซิวรู่จักนิสัยนางดีที่สุด และรู้ว่านางไม่สามารถไว้วางใจเขาได้ทั้งหมด แต่เขาก็มีความอดทนเพียงพอ
“กอดให้แน่น”
ฉู่หลิวเยว่เดาว่าเขากำลังจะทะลุผ่านที่นี่ จึงกอดเอวบางของเขาอย่างเชื่อฟัง
แน่นอน นางรู้ว่าหรงซิวซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ตลอด แต่คู่ต่อสู้คือนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา เกรงว่าจะรับมือได้ยาก
เมื่อนางครุ่นคิด จึงอดถามไม่ได้ : “เจ้ามั่นใจเพียงใด?”
ในขณะที่หรงซิวกำลังจะเอ่ยปากพูด เขากลับรู้สึกว่าแขนที่อยู่รอบเอวของเขานุ่มและอบอุ่นเป็นพิเศษ
ช่วงอายุของหญิงสาวในอ้อมกอด คือช่วงเวลาที่ความงามกำลังผลิบาน
เขายิ้มมุมปาก พลางพูดว่า “มั่นใจแน่นอน แต่ต้องใช้เวลาสักระยะ”
……
ผู้อาวุโสซุนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างบนยอดเขา
หัวใจของเขาเต้นรัว!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาตั้งใจฆ่าฉู่หลิวเย่ด้วยวิธีนี้!
ครั้นเมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ถูกกระแสน้ำวนสีดำกลืนกิน แผ่นหลังของอาวุโสซุนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ไม่ได้!
เขาต้องลงมือ!
แม้ว่าไม่มีโอกาสชนะ เขาก็ไม่สามารถยืนมองดูฉู่หลิวเยว่ตายแบบนี้ได้!
อาวุโสซุนกัดฟัน กลั้นหายใจ แสงสีเงินสว่างวาบที่ปลายนิ้ว ค่ายกลกำลังจะถูกสร้างขึ้น!
ทว่าในตอนนี้ ท้องฟ้ากลับเปลี่ยนไป!
สัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง มีกายสีขาวราวกับหิมะปรากฏขึ้น!
มันดูเหมือนสิงโต แต่ผู้อาวุโสซุนกลับไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่
จากความทรงจำ ดูเหมือนจะไม่มีตัวตนเช่นนั้น…
ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือสัตว์อสูรระดับสูง!
มันพุ่งมาจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว!
ในชั่วพริบตา มันกลับพุ่งไปยังด้านหน้าของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา!
เมื่อนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเห็นผู้มาเยือน ความโกรธแค้นในดวงตาของมันแทบจะล้นทะลักออกมา!
ดูเหมือนว่าเป็นความแค้นที่มีมาช้านาน!
เสวียเสวี่ยจ้องมองไปที่มันด้วยความโกรธเกลียดในใจ
มันเคยมาที่นี่เมื่อหลายปีก่อน และได้ต่อสู้กับเจ้านี้ ในขณะนั้นนาคาปีกทมิฬกลืนเวหายังคงเป็นอสูรระดับหก และถูกถล่มอย่างยับเยิน
คิดไม่ถึงว่าหลายปีต่อมา เจ้านี้จะโจมตีฉู่หลิวเยว่!
ทนไม่ไหวอีกต่อไปจริงๆ!
ฮึ่ม!
เสวียเสวี่ยคำรามออกมาด้วยความโกรธ สั่นสะเทือนไปทั้งป่า!
สัตว์อสูรทั้งหมดรับรู้ได้ถึงความรุนแรง พวกมันอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว
สัตว์อสูรที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ดูเหมือนจะดุร้ายกว่านาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเสียอีก!?
ระดับการกดทับที่กระดูกและเส้นเลือด ทำให้พวกมันคืบคลานอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะขยับ!
เมื่อนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาเห็นเช่นนั้น มันจึงสะบัดหางยาวใส่เสวียเสวี่ยด้วยความเกลียดชัง!
เสวียเสวี่ยกระโดดหลบอย่างรวดเร็ว มันหลบหลีกการโจมตีสองสามครั้ง จากนั้นก็มาอยู่ต่อหน้าต่อตา!
กรงเล็บของมันฟาดยังหัวของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาอย่างดุเดือด!
ฟรึบ!
เลือดพุ่งกระฉูด!
ร่างใหญ่มหึมาของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหาลอยออกไปและกระแทกกับยอดเขาอย่างควบคุมไม่ได้!
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนภูเขาทันที ครึ่งภูเขาถล่มทลาย!
ผู้อาวุโสซุนตะลึงจนอ้าปากค้าง นี่คือ…นี่คือการต่อสู้ระหว่างสัตว์อสูรระดับสูง!?
ฮึ่ม!
เสวียเสวี่ยเข้าใกล้มัน และโจมตีมันอย่างรุนแรงอีกครั้ง!
ฟาดกรงเล็บลงไปฉีกเนื้อที่มีเกล็ดแข็งของมันออกเป็นชิ้นๆ!
นาคาปีกทมิฬกลืนเวหาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด!
พลังของทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด!
ตู้ม!
ภูเขาลูกใหญ่เริ่มถล่ม!
สัตว์อสูรมากมายนับไม่ถ้วนที่เชิงเขา เริ่มหลบหนี!
ทั้งบรรพตวั่นหลิงตกอยู่ในความโกลาหล!
ผู้อาวุโสซุนใช้ความวุ่นวายนี้วิ่งเข้าไปในกลุ่มของสัตว์อสูรเนตรทอง!
ดูเหมือนว่าพวกมันจะถูกกระตุ้นจากบางสิ่งบางอย่าง เมื่อเห็นอาวุโสซุนวิ่งเข้ามาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พวกมันจึงสู้กับเขาอย่างสุดชีวิต!
ผู้อาวุโสซุนพูดในใจ สัตว์อสูรเหล่านี้ดูเหมือนจะสิ้นสติ!
เขาต่อสู้กับสัตว์อสูรตาสีทองเพื่อบุกเข้าไปช่วยคน แต่สัตว์อสูรเหล่านั้น!กลับขวางเขาไว้ ราวกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว
ผู้อาวุโสซุนรีบเงยหน้า กลับเห็นกระแสน้ำวนบนท้องฟ้าเปิดออก
เขาหยุดชะงักด้วยใบหน้าซีดเผือด
……
อีกด้านหนึ่ง ซือถิงและคนอื่นๆ ต่างเห็นภาพนี้เช่นกัน ทุกคนเงียบสนิท
มู่หงอวี๋หันหลังกลับและปิดปากของตน ทว่าไม่สามารถควบคุมไหล่ไม่ให้สั่นสะท้านได้
“พวกเขาอยู่ที่นี่!”
อาจารย์หลายท่านรีบมาด้วยสีหน้ากังวล
“ถอยไป! สัตว์อสูรในบรรพตว่านหลิงกำลังบ้าคลั่ง! พวกเราต้องออกไปให้เร็วที่สุด!”
“ไม่ได้! หลิวเยว่ยังอยู่ที่นั่น! นาง…”
เฉินหู่ร้องออกมาด้วยความโกรธ และรู้สึกสับสนก่อนที่เขาจะพูดจบ
อาจารย์ท่านหนึ่งประคองเขา พลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ พาพวกเขาไป อย่าอยู่ที่นี่!”
ทันใดนั้นซือถิงหันหลังกลับเข้าไปในป่าลึก!