ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 154 แทนที่
“เจ้า!”
เมื่อมู่หงอวี๋ได้ยินประโยคนี้ ไฟแห่งโทสะในใจของนางก็ลุกโชน นางยกมือขึ้นสะบัดใส่ใบหน้าของฉู่เซียนหมิ่น!
ฉู่เซียนหมิ่นไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอ นางจับข้อมือของมู่หงอวี๋แล้วผลักออกไปอย่างแรง!
มู่หงอวี๋ล้มลงกับพื้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ และบาดแผลบนร่างกายของนางก็เหวอะหวะอีกครั้ง ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาตามเนื้อผ้า
นางได้รับบาดเจ็บสาหัส และตอนนี้เป็นเวลาที่อ่อนแอที่สุด ดังนั้นนางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เซียนหมิ่น
ฉู่เซียนหมิ่นก้าวข้ามธรณีประตูแล้วมองนางด้วยสายตาเย้ยหยัน
“โกรธหรือ เจ้าโกรธเรื่องอะไร สิ่งที่ข้าพูดไม่เป็นความจริงหรือ ข้าได้ยินมาว่าฉู่หลิวเยว่ตายด้วยน้ำมือของนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา และภูเขาทั้งลูกก็พังทลายลงมา! ป่านนี้คงจะไม่เหลือแม้แต่ซากกระมัง”
มู่หงอวี๋รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน และมีเงาดำมืดวูบไหวอยู่ตรงหน้า
“เจ้า…เจ้าไปให้พ้นหน้าข้า!”
แต่ฉู่เซียนหมิ่นกลับหัวเราะเบาๆ
“ข้ามาเยี่ยมเจ้าด้วยความหวังดีแท้ๆ แต่เจ้ากลับปฏิเสธเยี่ยงนี้ แถมยังไล่ข้าไปอีก ช่างไม่รู้จักน้ำใจคนเอาเสียเลย แต่เจ้าวางใจเถิด ฉู่หลิวเยว่ทำร้ายข้าถึงขนาดที่ข้าจะไม่ยอมปล่อยนางไปง่ายๆ เยี่ยงนี้ ทว่าช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่านางตายกับมือและไม่ได้เห็นนางตายไปต่อหน้าต่อตา ในเมื่อเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับนาง ต่อไปข้าก็จะมาคิดบัญชีกับเจ้าก็แล้วกัน ข้าจะค่อยๆ แก้แค้น ไปเรื่อยๆ”
เมื่อนางพูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
ทันใดนั้นลูกหมีแผงคอทองคำก็ไล่ตามนางไปแล้วกัดน่องของฉู่เซียนหมิ่นอย่างแรง!
“โอ๊ยยย”
ฉู่เซียนหมิ่นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด นางก้มลงมองอย่างรวดเร็ว แล้วก็เห็นว่าเป็นมีตัวนั้น นางทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยว “ไสหัวไป!”
เจ้าหมีน้อยถูกเหวี่ยงกระเด็นไปไกลก่อนจะหล่นลงพื้น
ร่างของมันได้รับความกระทบกระเทือน และเนื้อชิ้นหนึ่งก็ถูกพ่นออกมาจากปากที่เต็มไปด้วยเลือด!
…มันกัดเนื้อน่องของฉู่เซียนหมิ่นจนหลุดออกมา!
ฉู่เซียนหมิ่นหน้าซีดด้วยความเจ็บปวด เมื่อมองดูบาดแผลเลือดที่น่องแล้ว หัวใจของนางก็สั่นสะท้าน
กว่านางฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บได้นั้นไม่ง่ายเลย แต่นางก็ดันมาถูกสัตว์เดรัจฉานตัวนี้ทำร้ายอีกแล้ว!
บาดแผลลึกขนาดนี้คงทิ้งรอยแผลเป็นไว้แน่นอน!
“เจ้ารนหาที่ตาย!”
ทันใดนั้นนางก็ชักกระบี่ยาวออกมาจากบั้นเอวของนางแล้วฟันไปทางลูกหมีแผงคอทองคำ
เจ้าลูกหมีแหงนหน้ามองนางแล้วมันก็ขนลุกขนชันไปทั้งตัว! แววตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
เมื่อกระบี่ยาวกำลังจะฟันลงมา คิดไม่ถึงว่ามันจะกระโจนเข้าใส่ฉู่เซียนหมิ่น
กระบี่ยาวของฉู่เซียนหมิ่นฟันไปที่ด้านหลังเจ้าลูกหมีอย่างหวุดหวิด!
เดิมทีลูกหมีแผงคอทองคำถือกำเนิดขึ้นเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ ด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพที่มี และสามารถหลบซ่อนตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นกระบี่เล่มนี้จึงตัดแผงคอของมันออกบางส่วน! โดยไร้ซึ่งบาดแผลเปื้อนเลือด!
ปึก!
ลูกหมีแผงคอทองคำกระแทกเข้าที่ท้องของฉู่เซียนหมิ่นอย่างแรงจนทำให้นางล้มลงกับพื้น!
ศีรษะช่วงท้ายทอยของฉู่เซียนหมิ่นกระแทกพื้นอย่างแรง จนทำให้เกิดเสียงอื้ออึงดังในสมองของนาง
นางถูกทำให้โมโหถึงขีดสุด นางจึงถีบเจ้าลูกหมีจนกระเด็นออกไป จากนั้นพยายามลุกขึ้นมาเพื่อยกกระบี่ขึ้นแล้วแทงไปที่ช่องท้องของเจ้าลูกหมีแผงคอทองคำ!
“ฉงฉง!”
มู่หงอวี๋ร้องอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปทันที!
ปลายกระบี่ของฉู่เซียนหมิ่นมาถึงกลางหลังของมู่หงอวี๋แล้ว!
เค้ง!
หินก้อนหนึ่งพุ่งจากด้านข้างและกระแทกกระบี่ด้วยความแม่นยำ ทำให้ปลายกระบี่ของฉู่เซียนหมิ่นเบนเข็มผ่านมู่หงอวี๋ไปอย่างหวุดหวิด!
ฉู่เซียนหมิ่นหันกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด “ผู้ใดกล้า…”
ในขณะที่คำพูดกำลังจะออกจากปาก แต่กลับเหมือนมีอะไรมารัดคอเอาไว้ให้หยุดพูด
คนที่มาคืออาจารย์เหวินเยี่ยน!
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและช่วยพยุงมู่หงอวี๋ให้ลุกขึ้น เมื่อแน่ใจว่าไม่เป็นไรแล้ว เขาจึงมองไปที่ฉู่เซียนหมิ่นอีกครั้งด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ฉู่เซียนหมิ่น นี่เจ้ากำลังทำอะไรฮะ!”
ตอนแรกเขาตั้งใจมาดูว่ามู่หงอวี๋อาการดีขึ้นหรือยัง แต่เขากลับไม่คาดคิดว่าเมื่อเดินมาถึงทางนี้จากระยะไกล เขาก็เห็นว่าฉู่เซียนหมิ่นยืนอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับถือกระบี่เอาไว้ในมืออีกด้วย!
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ก็สามารถเห็นฉู่เซียนหมิ่นกำลังจะลงมือทำร้ายมู่หงอวี๋ได้อย่างชัดเจน!
“ที่นี่คือสถานศึกษา! เจ้าสิ้นสติไปแล้ว ถึงขนาดกล้าลงมือกับเพื่อนร่วมชั้นของตนเอง!”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเมื่อครู่นี้นางไม่ได้ปิดประตู นางก็แค่กลัวว่าอาจารย์เหวินเยี่ยนจะเห็นทุกอย่างชัดเจน!
นางรีบแก้ตัวทันที
“อาจารย์เหวินเยี่ยน ท่านฟังข้าก่อน เรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิดนะเจ้าคะ ข้าตั้งใจมาเยี่ยมมู่หงอวี๋ เมื่อครู่นี้สัตว์อสูรของนางมาทำร้ายข้าก่อน ข้าก็เลยสู้กลับเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองเท่านั้นเจ้าค่ะ!”
แต่เหวินเยี่ยนกลับไม่เชื่อคำอธิบายนี้แม้แต่คำเดียว
“เจ้าไม่ต้องมาที่นี่บ่อยๆ ความสัมพันธ์ของเจ้ากับมู่หงอวี๋มาถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ฉู่เซียนหมิ่นลอบขบเม้มริมฝีปาก
“อาจารย์เหวินเยี่ยน ข้าพูดจริงๆ นะเจ้าคะ ถ้าหากไม่เชื่อ ท่านก็ดูนี่สิเจ้าค่ะ นี่คือรอยแผลที่มันทิ้งไว้บนตัวของข้า!”
ฉู่เซียนหมิ่นพูดพลางชี้ไปที่น่องขาของตนเอง
เหวินเยี่ยนขมวดคิ้วและมองดู จากนั้นเขาจึงเห็นว่ามีชิ้นเนื้อหลุดออกจากตรงนั้นจริงๆ
เขาหันกลับไปมองทางมู่หงอวี๋และเจ้าลูกหมีแผงคอทองคำตัวนั้น
เจ้าลูกหมียังคงมีท่าทางหวาดระแวง แล้วจ้องฉู่เซียนหมิ่นตาเขม็ง
เหวินเยี่ยนส่ายหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือความผิดหวัง
“สัตว์อสูรนั้นอ่อนไหวที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกของมัน มันป้องกันตัวกับเจ้าเยี่ยงนี้ แสดงว่ามันสัมผัสได้ถึงความเป็นศัตรูของเจ้า มู่หงอวี๋เป็นเจ้าของของมัน ที่มันทำกับเจ้าเช่นนี้ ยังจะให้ข้าถามต่ออีกหรือไม่ว่าเพราะเหตุใด”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกประหม่าขึ้นมา
“อาจารย์เหวินเยี่ยน…”
“เอาล่ะ เจ้าเองก็บาดเจ็บอยู่เหมือนกัน ถือว่าเสมอกันและข้าจะไม่เอาความอะไรอีก เจ้ารีบกลับไปทำแผลซะ! แล้วต่อจากนี้ไปอย่าให้เกิดเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งที่สองอีก”
เหวินเยี่ยนพูดตัดบทนางด้วยสีหน้าเหลืออด
“…เจ้าค่ะ”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียงกันอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกัดฟันระงับอารมณ์ ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินกะเผลกๆ ออกไปทันที
เหวินเยี่ยนเฝ้าดแผ่นหลังของนางเดินจากไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา
ฉู่เซียนหมิ่นเคยเป็นเด็กที่ฉลาดเฉลียวพร้อมกับขยันขันแข็ง เหตุใดตอนนี้นางถึงได้กลายมาเป็นเช่นนี้ได้
มู่หงอวี๋อุ้มลูกหมีเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับตบตูดมันเบาๆ และในที่สุดมันก็ฟื้นจากสภาพเมื่อครู่นี้ ก่อนจะนอนตัวอ่อนในอ้อมกอดของมู่หงอวี๋
เมื่อเหวินเยี่ยนหันกลับมาดูก็เห็นว่าดวงตาของนางแดงก่ำและตกอยู่ในภวังค์ และเขาก็ไม่รู้ว่าจะปลอบนางอย่างไรไปชั่วขณะ
ดังนั้นเขาจึงล้วงเอาจดหมายในแขนเสื้อยื่นให้กับนาง
“หงอวี๋ นี่คือจดหมายจากผิงเจียงอ๋อง ท่านพ่อของเจ้า”
…
ฉู่เซียนหมิ่นกลับไปยังที่พำนักของตน นางจัดการทำแผลของตัวเอง เมื่อยิ่งคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ นางก็ยิ่งโมโห
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ยังมีชีวิตอยู่ก็ทำให้นางอับอายพ่ายแพ้ ไม่เพียงแต่ทำให้นางต้องเสียโฉมเท่านั้น แต่ยังบีบให้นางต้องแต่งงานเข้าจวนองค์ชายรัชทายาทในฐานะนางสนม จนถึงตอนนี้นางก็ยังโงหัวไม่ขึ้น
และถึงแม้ว่าตอนนี้นางจะตายไปแล้ว แต่วิญญาณของนางก็ยังตามหลอกหลอนอยู่!
นางอกจะแตกตายอยู่แล้ว!
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ลุกขึ้นและเดินไปที่สวนเถาหลี่
…
ภายในสวนเถาหลี่ ในขณะที่หลิงจู๋กำลังจัดการกับค่าชดเชยสำหรับนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บ เขาก็ได้ยินคนมาแจ้งว่าฉู่เซียนหมื่นมาหาถึงที่นี่
เขาวางของในมือลง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังกลางลาน เมื่อเขามองไปก็เห็นว่าฉู่เซียนหมิ่นมายืนรออยู่ตรงนั้นพอดี
“เซียนหมิ่น เจ้ามาได้อย่างไร”
ในอดีต หลิงจู๋เคยชื่นชมความสามารถในตัวฉู่เซียนหมิ่น ถึงแม้ว่าหลังจากที่นางกลับมาแล้ว เขาก็แอบรู้สึกเหมือนนางจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็หาได้สนใจไม่
ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างหลังจากผ่านเหตุการณ์เฉกเช่นก่อนหน้านี้
ฉู่เซียนหมิ่นมองไปทางข้างในด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“อาจารย์หลิงจู๋เจ้าคะ ผู้อาวุโสซุนอยู่หรือไม่ ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะแจ้งให้ท่านทราบ”
หลิงจู๋ส่ายหน้า
“ผู้อาวุโสซุนกำลังยุ่งอยู่ เกรงว่าคงไม่มีเวลาพบเจ้า หากเจ้ามีเรื่องอันใดพูดกับข้าก็ได้เช่นกัน ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกผู้อาวุโสซุนให้เอง”
ฉู่เซียนหมิ่นลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากว่า
“…อาจารย์หลิงจู๋เจ้าคะ ดูเหมือนราชทูตแห่งราชวงศ์เทียนลิ่งใกล้จะมาถึงแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หลิงจู๋ชะงัก และสีหน้าก็พลันเคร่งขรึม
“อืม เหตุใดจู่ๆ เจ้าจึงถามถึงเรื่องนี้เล่า”
ฉู่เซียนหมิ่นนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่านางยังมีความลังเลอยู่บ้าง
“…พี่สาวของข้าเกิดเรื่องไม่คาดฝัน แล้วมันก็กะทันหันจริงๆ แต่ในเมื่อได้ตกลงกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หากกลับคำดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ไม่ทราบว่า…ผู้อาวุโสซุนวางแผนที่จะเปลี่ยนคนไปแทนหรือไม่เจ้าคะ”