ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 167 เหนือฟ้ายังมีฟ้า
ม่อเหลียงคิดว่าเขามีอาการประสาทหลอน แต่เมื่อดูจากท่าทางของชุยเหยา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ล้อเล่น
เขาเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพึมพำถามอย่างอดมิได้ “เป็นไปได้อย่างไร…มันเป็นไปได้อย่างไร”
ชุยเหยาไม่ต้องการพูดอีกแม้แต่คำเดียว
เหตุใดเขาจะไม่ตกใจเล่า
เขาเองก็ยังอยากจะถามว่าได้อย่างไรกัน!
เมื่อตอนที่เขายื่นรายการให้อาจารย์จั่วหรง อาจารย์ขมวดคิ้วมุ่นและอ่านดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่ออ่านเสร็จแล้ว คิ้วของเขาก็คลายปมออก จากนั้นดวงตาของเขาก็ฉายแววตื่นเต้น!
หลังจากนั้นเขาวางธุระที่กำลังยุ่งๆ ในมือลงทันที แล้วไปเตรียมยาด้วยตนเอง
ชุยเหยารู้สึกอึดอัดใจเมื่อนึกถึงรอยยิ้มที่ปิดไม่มิดของอาจารย์จั่วหรงตอนที่ท่านออกไปหยิบยา
อาจารย์จั่วหรงเป็นคนที่เข้มงวดมาโดยตลอด แม้กระทั่งรายการยาของนักเรียนหมอเทวดาด้วยกัน บางครั้งเขาก็ไม่อนุญาตให้ผ่าน
แต่นี่ฉู่หลิวเยว่…นั่นนางเขียนรายการยาไปตั้งสามแผ่นไม้เถาวัลย์ดำศักดิ์สิทธิ์เต็มๆ ถึงสามแผ่นเชียวนะ!
นางมีสิทธิ์อะไรกันแน่!
“ขอบใจศิษย์พี่มาก เช่นนั้นข้ารออยู่ตรงนี้ก่อนนะ”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพร้อมกับยิ้มตาหยี
ชุยเหยาละสายตาไปจากนาง ตาไม่เห็นนับว่าสะอาด
ม่อเหลียงอยากจะถามอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าท่าทางของชุยเหยาดูผิดปกติ เขาจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดที่เหลือไปเท่านั้น
บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบแสนอึดอัด
…
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดประตูหอโอสถสวรรค์ก็เปิดอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนร่างท้วมผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเห็นฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“เจ้าคือฉู่หลิวเยว่ใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ศิษย์คารวะอาจารย์จั่วหรงเจ้าค่ะ”
จั่วหรงหัวเราะร่วน ก่อนจะเขย่าถุงสีทองในมือ
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก! สิ่งของที่เจ้าต้องการอยู่ในนี้หมดแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“ถุงเฉียนคุน?”
“เจ้ารู้จักสิ่งนี้ด้วยหรือ”
จั่วหรงคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่มองปราดเดียวฉู่หลิวเยว่ก็รู้จักถุงเฉียนคุนนี่แล้ว แต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว นางเคยเป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นางจะรู้เรื่องนี้
“ถูกต้อง นี่คือถุงเฉียนคุน! สิ่งของที่เจ้าต้องการมีมากเกินไป เพื่อความสะดวก ข้าจึงบรรจุทุกอย่างเอาไว้ในถุงนี้แล้ว! หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้วก็หยิบของข้างในออกมาแล้วค่อยนำถุงเฉียนคุนมาคืนก็แล้วกัน!”
จั่วหรงกล่าวด้วยสีหน้าภูมิใจ ในขณะที่พวกม่อเหลียงสองคนที่อยู่ข้างๆ กำลังตกตะลึงจนตาแทบถลนออกจากเบ้า
…เหตุใดอาจารย์จั่วหรงถึงได้ใจดีกับฉู่หลิวเยว่ขนาดนี้!
ถุงเฉียนคุนนั้นมีราคาแพงมาก และไม่มีราคาตลาด แม้กระทั่งอาจารย์ในสำนักก็ไม่แน่ว่าจะมีในครอบครอง
เพราะว่าอาจารย์จั่วหรงเคยช่วยชีวิตบุคคลชั้นสูงมาก่อน ดังนั้นได้ถุงเฉียนคุนใบนี้มาเป็นสิ่งตอบแทน และตอนนั้นยังทำให้ใครหลายคนต้องนึกอิจฉาเขา!
ปกติพวกเขาอยากจะเชยชมยังยากเลย แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าอาจารย์จั่วหรงจะให้ฉู่หลิวเยว่ยืมไปใช้อย่างง่ายดายเช่นนี้!
ฉู่หลิวเยว่เองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
หากย้อนกลับไปในอดีตชาติ ถุงเฉียนคุนไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับนาง ทว่าในแคว้นเย่าเฉินน่าจะมีของสิ่งนี้ไม่มากนัก
แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อาจารย์จั่วหรงได้เจอนาง การปฏิบัติเช่นนี้ก็ถือว่าเอาใจใส่มากเกินไปแล้ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของนางกว้างขึ้น นางเดินไปข้างหน้าแล้วยื่นมือทั้งสองข้างรับถุงเฉียนคุนมาไว้ ก่อนจะเอ่ยว่า
“ขอบคุณท่านอาจารย์จั่วหรง ศิษย์จะนำมาคืนโดยเร็วที่สุดเจ้าค่ะ”
อ้อยเข้าปากช้างแล้ว เหตุใดจะไม่รับไว้เล่า
“ไม่ต้องรีบก็ได้ แต่ว่าข้ามีคำถามที่อยากถามเจ้าสักหน่อย เจ้าต้องตอบข้ามาตามตรงนะ!”
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นสีหน้าของเขา นางก็พอจะเดาได้ว่าเขาต้องการถามเรื่องอะไร นางจึงพยักหน้าเบาๆ
“อาจารย์ถามได้เลยเจ้าค่ะ ถ้าศิษย์รู้ศิษย์จะตอบเจ้าค่ะ”
จั่วหรงหัวเราะแหะๆ
“ได้ เช่นนั้นเจ้าบอกอาจารย์มาก่อนว่า เจ้าเป็นผู้เขียนรายการยาด้วยตัวเองใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ดวงตาของจั่วหรงเป็นประกายขึ้นมาทันที
“เหตุใดเจ้าถึงได้เขียนใบสั่งยานี้ เจ้าจะปรุงยาให้ผู้ใดหรือ”
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่คิดจะปิดบัง
“เจ้าค่ะ ยานี้เตรียมไว้สำหรับสหายคนหนึ่งจริงๆ”
“สหายคนนั้นของเจ้าคือเลี่ยวจงซูรึ”
จั่วหรงถามอย่างกระตือรือร้น
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ถูกต้องเจ้าค่ะ เป็นเขานั่นเอง”
“นั่นปะไร!”
จั่วหรงตบเข่าฉาด
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ไปดูอาการบาดเจ็บของเลี่ยวจงซูเช่นกัน เขาแอบคาดเดาในใจว่าศิษย์คนนี้ต้องถูกพิษบางชนิดแน่นอน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นพิษชนิดใด
หลังจากที่ได้ปรึกษาหารือกับอาจารย์หลายๆ ท่าน แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไร
แต่เมื่อครู่นี้พอได้เห็นใบสั่งยาที่ฉู่หลิวเยว่เป็นผู้เขียน ในนั้นมีหลายสรรพคุณยาที่ดูเหมือนจะสอดคล้องกับลักษณะอาการที่เป็นอยู่ในตอนนี้ของเลี่ยวจงซู
และนี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาต้องเป็นผู้เตรียมยาด้วยตนเอง
และเขาก็อยากเจอหน้าฉู่หลิวเยว่ เพื่อถามนางให้ชัดเจน!
“เจ้า…เจ้าทราบอาการของเขาได้อย่างไร”
จั่วหรงถามค่อนข้างมิดชิด
แววตาของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ศิษย์เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเจ้าค่ะ”
จั่วหรงสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ดังนั้น…ใบสั่งยานี้…”
“ใบสั่งยานี้ศิษย์รู้โดยบังเอิญเจ้าค่ะ แต่ก็จำได้เลือนราง ตอนนี้ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ศิษย์จึงอยากลองพยายามดูสักครั้งเจ้าค่ะ”
เมื่อฉู่หลิวเยว่พูดเช่นนี้ จั่วหรงก็เผยสีหน้าผิดหวัง
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง ข้ายังแอบคิดว่า…”
เขายังคิดว่าฉู่หลิวเยว่เป็นผู้คิดใบสั่งยานี้ขึ้นมาเองเสียอีก
แต่เมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็รู้สึกว่าความคิดนี้ช่างไร้สาระมาก
อาจารย์ในสำนักมีมากมายขนาดนี้ยังหาวิธีไม่ได้ แต่ฉู่หลิวเยว่เป็นเพียงแค่ศิษย์คนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับออกใบสั่งยานี้ได้หรือ
แม้แต่กระทั่งหัวหน้าสำนักยังทำไม่ได้เลย!
ความตื่นเต้นในหัวใจของเขาค่อยๆ ลดลง แต่เขาก็ยังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ฉู่หลิวเยว่มีวิธีช่วยเลี่ยวจงซู
“เจ้ากลับไปก่อนเถิด ประเดี๋ยวค่ำๆ ข้าและอาจารย์ท่านอื่นจะไปดูด้วยตัวเองอีกที”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“เช่นนั้นศิษย์ขอตัวลาก่อนเจ้าค่ะ”
หลังจากที่นางพูดจบก็หยิบถุงเฉียนคุนแล้วหันหลังเดินจากไป
จั่วหรงหันมามองสองคนนั้นที่อยู่ข้างหลัง
“ต่อไปถ้าหากแม่นางน้อยผู้นี้มาขอเบิกยาอีก ก็ปล่อยให้นางมาเอาก็พอ เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ อย่าให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง รู้หรือไม่”
เมื่อชุยเหยาและม่อเหลียงได้ยินก็เกิดความรู้สึกมึนงง พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกัน ดูเหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะมีพรสวรรค์ด้านหมอเทวดาจริง ที่สำคัญอาจารย์จั่วหรงก็เอ็นดูนางเป็นพิเศษ ตอนนี้พวกเขายังจะกล้าพูดอะไรได้อีกเล่า ดังนั้นจึงทำได้เพียงรับปากอาจารย์พัลวัน
“ขอรับๆๆ ศิษย์จะจำให้ขึ้นใจขอรับ!”
จั่วหรงเห็นว่าทั้งสองมีสีหน้ามิใครเต็มใจนัก เขาก็ได้แต่ลอบส่ายหน้าในใจ แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม
“อย่าคิดว่าถ้าพวกเจ้ามีพรสวรรค์ด้านหมอเทวดาแล้วก็จะเหนือกว่าคนอื่น เพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้า!”
ในที่สุดม่อเหลียงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “อาจารย์จั่วหรง ท่านหมายความว่า…พรสวรรค์ของฉู่หลิวเยว่ดีกว่าพวกเราอย่างั้นหรือ”
จั่วหรงมองทั้งสองด้วยความสงสาร
“นางอ่อนน้อมถ่อมตน พวกเจ้ายังคิดว่านางไม่มีความสามารถ ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก มันน่าขัน รู้หรือไม่”