ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 177 ข้ามีคนที่ชอบแล้ว
แท้จริงฉู่หลิวเยว่ไม่ได้สนใจเท่าใดนัก ในขณะที่นางกำลังจะปฏิเสธ จึงถามขึ้นมาหลังจากไตร่ตรองอีกครั้ง “รางวัลเป็นสิ่งใดบ้าง”
ซือหยางยิ้ม
“นั่นมันยอดเยี่ยมมาก! สมาคมเยาวชนนี้จัดโดยสำนักระดับแถวหน้าสามแคว้น นอกจากสำนักเทียนลู่ของพวกเรา ยังมีสำนักหนานเฟิงแห่งแคว้นจักรหวยชาง รวมทั้งสำนักไท่เหยี่ยนแห่งแคว้นชิงหลัว และปีนี้เป็นสำนักเราที่ได้เป็นผู้จัดงาน! ตามกฎระเบียบแล้ว นอกจากรางวัลทั่วไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือปรมาจารย์ที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งในสมาคมเยาวชน สามารถเลือกยืมแผนที่ลึกลับหนึ่งในสามของสำนักได้โดยไม่เสียเงินใดๆ เจ้าคิดดูสิ มันยิ่งใหญ่เพียงใด!”
ทั้งสามสำนักเป็นสำนักระดับแถวหน้าในแต่ละแคว้นจักร แล้วแคว้นจักรใดจะไม่เก็บหนังสือไว้มากมายมหาศาล?
การที่สามารถเข้าไปยืมแผนที่ลึกลับได้หนึ่งเดือนโดยที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เป็นสิ่งล่อใจสำหรับปรมาจารย์ทุกคน!
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิด “รางวัลนี้ใหญ่จริงเชียว…ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยไปบอกอาจารย์ตงฟางว่าข้าจะเข้าร่วมสมาคมเยาวชนครั้งนี้”
“เยี่ยมมาก! แม้ว่าข้างบนจะยังมีศิษย์พี่ อาจจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกเราจะได้ที่หนึ่ง แต่เจ้าในฐานะที่อยู่ระดับสูงสุดในบรรดาปรมาจารย์ของพวกเรา แน่นอนว่าต้องออกมาสนับสนุนเรื่องนี้!”
ในขณะที่ซือหยางกำลังพูด ทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะนึกถึงอะไรบางอย่าง เขาจึงถามด้วยความสงสัย “ใช่แล้ว ในเมื่อเจ้าเข้าร่วมแข่งขันปรมาจารย์แล้ว ถ้าเช่นนั้น…ด้านการยุทธ์เจ้าจะเข้าร่วมหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าที่มีความสุขของเขา
“ข้าไปหรือไม่ไป มีอะไรแตกต่างหรือไม่?”
“มีแน่นอน!”
ซือหยางเสียงสูง
“หากเจ้าไม่ไป ฉู่เซียนหมิ่นจะไม่สร้างปัญหาอีกหรือ? ข้าเห็นว่าช่วงนี้นางฝึกฝนอย่างหนัก นางพยายามอย่างมากที่จะช่วงชิงชัยชนะ!”
ฉู่หลิวเยว่นึกถึงสิ่งที่มู่หงอวี๋เคยพูดไว้ ฉู่เซียนหมิ่นคิดว่านางตายแล้ว และคิดที่จะเป็นอันดับหนึ่งด้านการยุทธ์แทนที่นาง
“หนึ่งคนสามารถเข้าร่วมได้เพียงอย่างเดียว?”
“แน่นอนว่าไม่! หากเจ้าเต็มใจ มิใช่ปัญหาที่จะเข้าร่วมสองหรือสามอย่าง!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอคิดดูก่อน”
“โอ้ย เจ้าจะคิดอันใดอีก? เจ้าคงไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องตระกูลฉู่ใช่หรือไม่? แต่เวลานี้นางแต่งงานกับจวนรัชทายาทแล้ว ถือว่านางคือคนขององค์รัชทายาท!”
ฉู่หลิวเยว่ใจเต้นรัว พร้อมทั้งจ้องเขาเขม็ง
“เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับการแต่งงานของนางกับจวนรัชทายาท?”
“คือ คือ…ข้า…ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย แค่กแค่ก!”
ซือหยางพลั้งปากพูดออกมาโดยไม่คิด เขาจึงหลบสายตาพินิจพิเคราะห์ของฉู่หลิวเยว่ด้วยความรู้สึกผิด
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดกับตัวเอง
ทุกคนต่างรู้ว่านางตัดความสัมพันธ์กับตระกูลฉู่แล้ว และนางก็เพิ่งเปิดเผยจุดอ่อนของลู่เหยาต่อสาธารณะเมื่อไม่นาน ทุกคนต่างเห็นว่านางกับตระกูลฉู่ถูกฉีกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ แล้วเหตุใดจึงต้องสนใจความสัมพันธ์ของพี่น้อง?
ฉู่หลิวเยว่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“ซือหยาง เจ้าไม่ได้อยากถามเกี่ยวกับ ‘ความสัมพันธ์’ ระหว่างข้ากับฉู่เซียนหมิ่น แต่อยากถามเกี่ยวกับทัศนคติที่ข้ามีต่อองค์รัชทายาทในยามนี้ใช่หรือไม่?”
“ข้าถามอะไร ถามอันใดกัน?”
ซือหยางไม่ได้คาดหวัง เขาเพียงแค่ถามออกไปเท่านั้น เมื่อถูกฉู่หลิวเยว่จับได้ เขาจึงปฏิเสธทันควัน
ทว่าเขากลับมีน้ำเสียงสั่นเทา สายตาล่อกแล่ก ผู้ใดมองก็รู้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธ นางเพียงแค่แปลกใจนิดหน่อย
“ข้ากับองค์รัชทายาทไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันตั้งนานแล้ว เหตุใดเจ้าจึงอยากรู้เรื่องนี้?”
ซือหยางไอเพื่อปกปิด
“ข้า…ข้าเพียงแค่ถามไปเช่นนั้นเอง… เมื่อก่อนเจ้ามีใจให้องค์รัชทายาทมิใช่หรือ?”
แม้ประโยคสุดท้ายจะดังอู้อี้ แต่ฉู่หลิวเยว่กลับได้ยินอย่างชัดเจน
ฉับพลันนางก็นึกบางอย่างออก เมื่อมองไปยังซือหยาง
“ข้าจะสนใจหรือไม่สนใจองค์รัชทายาท ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเจ้านี่?”
“แต่พี่ใหญ่ของข้า…”
ซือหยางพูดออกมาเพียงครึ่งเดียว ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบปิดปากของตนเองอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่เริ่มดีขึ้น
“ข้าเคยบอกกับซือถิงแล้วว่าข้ากับเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้น และไม่อยากไปมาหาสู่กับเขามากจนเกินงาม ดูเหมือนว่าเขาจะฟังไม่เข้าใจ”
“ไม่ใช่! มันเป็นคำถามที่ข้าตัดสินใจถามด้วยตนเอง!”
ซือหยางพูดอย่างตกตะลึง
“เดี๋ยวนะ เจ้าบอกว่า เจ้าบอกว่าพวกเจ้าเคยคุยเรื่องนี้กันแล้ว?”
สิ่งสำคัญคือ พี่ใหญ่ของเขาถูกปฏิเสธตั้งนานแล้ว!
มิน่าล่ะ!
มิน่าล่ะเมื่อเขาให้พี่ใหญ่มาหาฉู่หลิวเยว่เมื่อได้ยินว่านางกลับมาแล้ว พี่ใหญ่จึงมีท่าทีเฉยชา
แท้จริงแล้วคือ…
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตา ดูเหมือนว่าซือหยางจะมาที่นี่ด้วยตัวเองจริงๆ
“เรื่องนี้ช่างมันเถิด คราวหน้าอย่าพูดถึงมันอีก”
ฉู่หลิวเยว่เดินจากไปเมื่อพูดจบ
ซือหยางรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางนางไว้ พร้อมทั้งพูดอย่างอึดอัดใจ “เพราะเหตุใดเล่า? พี่ใหญ่ของข้า…จริงใจกับเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่ลองพิจารณาดูบ้าง?”
ซือถิงมีรูปโฉมงดงาม เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ อีกทั้งยังมีพรสวรรค์ ไม่รู้ว่าหญิงสาวในเมืองหลวงอยากเป็นที่โปรดปรานของเขามากมายเท่าไหร่
ทว่าซือถิงกลับไม่เคยสนใจหญิงสาวผู้ใดเลย
ในเวลานี้ เขาได้ตกหลุมรักผู้ใดสักคน แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา?
ซือหยางคิดไม่ออกจริงๆ
“พี่ใหญ่ของข้าไม่เหมาะสมกับเจ้าด้วยเหตุประการใดกัน?”
ฉู่หลิวเยว่ใบหน้านิ่งเฉย
“ปัญหาไม่ใช่เรื่องเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพียงแต่ปัญหามันคือต้องการหรือไม่ต้องการ”
ซือถิงเป็นคนดี แต่นางไม่ได้ชอบเขา นางจึงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“อีกอย่าง ข้ากับเขาได้บรรลุข้อตกลงกันแล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นอดีตไปแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้อง…”
“เป็นอดีตอย่างไร? หากเป็นอดีตไปแล้ว เหตุใดเขาจึงยืนกรานที่จะเสี่ยวตายไปช่วยเจ้าที่บรรพตวั่นหลิงในวันนั้น?”
ในที่สุดซือหยางจึงพูดโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้
บริเวณโดยรอบเงียบสงัดในทันที
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
วันนั้นซือถิงก็ไปช่วยนางหรือ
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้เรื่อง”
ซือหยางเปลี่ยนเรื่องพูด
“วันนั้นเขาไปกับผู้อาวุโสซุน แต่เมื่อไปถึงเชิงเขา กลับเจอมู่หงอวี๋และผู้อื่นเสียก่อน อาวุโสซุนจึงให้เขารออยู่กับคนอื่นๆ ข้ารู้ว่าเขาอาจจะช่วยอันใดกับเจ้าไม่ได้ แต่ แต่…”
ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะเลือกเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าซือถิงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อนาง
ฉู่หลิวเยว่ยากที่จะจัดการ
นางไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณผู้ใด โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้
แต่ซือถิงพยายามที่จะช่วยชีวิตนาง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถพูดอะไร
“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะหาโอกาสขอบคุณเขาด้วยตัวเองในภายหลัง ส่วนเรื่องอื่น ลืมมันไปเถอะ”
ซือหยางใจเต้นรัวด้วยความไม่สบายใจทันทีเมื่อได้ยิน “หากเจ้าไม่ตอบตกลงในตอนนี้ เจ้าจะย่อมเสียใจภายหลังเป็นแน่!”
“ข้าไม่เสียใจ”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร? เรื่องของความรู้สึก…”
ฉู่หลิวเยว่พูดออกมาอย่างหมดความอดทน “เพราะข้ามีคนที่ชอบอยู่แล้ว!”