ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 180 ชน
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อฉู่หลิวเยว่ตื่น หรงซิวก็ได้จากไปแล้ว
พื้นที่ด้านข้างนางยังคงอุ่นเมื่อเอื้อมมือไปสัมผัส ดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งจากไปไม่นาน
ตอนนี้ฟ้าสางแล้ว คงไม่เหมาะหากมีผู้ใดเห็นเขาอยู่ที่นี่
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้น และได้กลิ่นหอมเย็นจางๆ บนตัวของตนเอง
นั่นคือกลิ่นลมหายใจบนร่างกายหรงซิว
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้นางรู้สึกค่อนข้างลำบากใจ แต่ตอนนี้ไม่เห็นเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดมาก
ถวนจือออกจากผ้าห่ม พลางขยี้ตา ดูเหมือนจะยังไม่ตื่น
ฉู่หลิวเยว่ถามขณะทำความสะอาด “ดูเหมือนเจ้าจะง่วงมากนะ ยังพักผ่อนไม่พอหรือ?”
ถวนจือหาวเสียงดัง และแววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
ไม่เพียงแต่พักผ่อนไม่เพียงพอ
มันแทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน!
เดิมทีมันอยากนอนกับฉู่หลิวเยว่ แต่ทุกครั้งที่มันกระโดดขึ้นไปบนเตียง มันจะโดนไล่ลงมา มันทำได้เพียงขดตัวอยู่มุมห้องด้วยความคับข้องใจ จนกระทั่งเขาจากไป มันจึงได้กลับมานอนบนเตียงนุ่มๆ
มันเพิ่งจะนอนหลับไปสักพัก ฉู่หลิวเยว่ก็ตื่น แล้วมันจะไม่ง่วงได้อย่างไร?
“ถ้าเช่นนั้นวันนี่เจ้าพักที่นี่ ตอนเย็นข้าจะกลับมา”
ฉู่หลิวเยว่พูดและกำลังจะออกไป
ถวนจือกลับไม่เต็มใจเมื่อได้ยิน มันรีบกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็ว จากนั้นม้วนหางปุกปุยของมันให้กลมเป็นลูกบอล
ฉู่หลิวเยว่ลูบหัวของมัน และนำมันกลับไปวางบนเตียง
“ที่ที่ข้าจะไปในวันนี้เจ้าเข้าไปไม่ได้ พักผ่อนที่นี่รอข้ากลับมา”
ถวนจือไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงส่ายหางของมันเพื่อตอบตกลง
…
ฉู่หลิวเยว่มาที่หอคอยจิ่วโยวอีกครั้ง
วันนี้หอคอยจิ่วโยวเงียบสงัดซึ่งแตกต่างเมื่อก่อนมาก ในระหว่างทางฉู่หลิวเยว่ไม่พบผู้ใดเลย
อาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนได้รับบาดเจ็บไม่น้อยในบรรพตวั่นหลิง ยามนี้ผู้คนส่วนใหญ่กำลังฟื้นฟูร่างกาย ดังนั้นผู้คนจึงบางตา
เมื่อเข้าใกล้หอคอยจิ่วโยว ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครม
นางเดินตามเสียงไป จึงพบลู่เฟยเยี่ยนและคนอื่น ๆยืนล้อมเป็นวงกลม อยู่ตรงมุมอับที่อยู่ไม่ไกล และดูเหมือนว่ากำลังคุยอะไรบางอยู่กับคนที่อยู่ตรงกลาง
และคนที่อยู่ตรงกลางคือฉู่เซียนหมิ่น
“หมิ่นหมิ่น ข้าจำได้ว่าเวลาฝึกฝนของเจ้าที่หอคอยจิ่วโยวยาวนานมากใช่หรือไม่? ของข้าใช้หมดแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าให้ข้ายืมก่อนสักสามชั่วยามได้หรือไม่?”
ดูเหมือนว่าลู่เฟยเยี่ยนกำลังขอความช่วยเหลือ แต่น้ำเสียงกลับเป็นไปโดยธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังขอร้องในสิ่งที่มั่นใจว่าเป็นของตนเอง
“ยังมีพวกนางอีกหลายคน ตอนนี้ไปทำภารกิจไม่ทันแล้ว! ความต้องการของพวกนางไม่มากนัก คนหนึ่งเจ้าให้หนึ่งชั่วยามก็ได้แล้ว!”
ฉู่เซียนหมิ่นมองดูผู้คนหลายคนที่อยู่ด้านหน้านาง พร้อมทั้งระงับความโกรธในใจ และพูดว่า “ข้าเองก็เหลือไม่มาก พวกเจ้าต้องการจำนวนมากในคราเดียว เกรงว่าข้าจะเอาออกมาไม่ได้…”
“เจ้าไม่เต็มใจ?”
ลู่เฟยเยี่ยนเหลือบมองนาง และพูดอย่างเย้ยหยัน “หมิ่นหมิ่น พวกเราเป็นพี่น้องที่แสนดีต่อกัน เจ้ากลับไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันให้พวกเราหรือ?”
ฉู่เซียนหมิ่นกัดฟันสีเงินแน่น
พี่น้องที่แสนดีอะไรกัน?
คนพวกนี้ไม่ใช่แม้แต่สิ่งของ!
“ใช่แล้ว! หมิ่นหมิ่น ได้ยินว่าตระกูลของแม่เจ้ามีเรื่องมากมาย น่าจะไม่มีเวลามาฝึกฝนที่หอคอยจิ่วโยวใช่ไหม? ให้พวกเรายืมก่อนดีกว่า!” หญิงสาวที่อยู่ข้างๆพูดอย่างจงใจ
คนเหล่านั้นมองหน้ากันแล้วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ผู้ใดจะไม่รู้ว่าฉู่เยี่ยนถูกฉู่หนิงทุบตีจนเกือบตาย ส่วนลู่เหยาก็ทำให้ตระกูลกู้ขุ่นเคือง ตอนนี้พวกนางแม้จะปกป้องตัวเองยังเป็นเรื่องยาก แล้วจะปกป้องฉู่เซียนหมิ่นอย่างไร?
ส่วนจวนองค์รัชทายาท ในเมื่อฉู่เซียนหมิ่นขึ้นชื่อว่าเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท เหตุใดตอนนี้นางจึงไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลแก้ไขปัญหา?
คำพูดเหล่านี้แทงใจดำฉู่เซียนหมิ่น ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไปในทันที
“ข้าบอกว่าไม่มีก็คือไม่มี”
ลู่เฟยเยี่ยนยกมือขึ้นอย่างโกรธเคือง “เจ้า…”
“ช้าก่อน!”
ทันใดนั้นกลับมีเสียงชายหนุ่มดังออกมาด้วยความเร่งรีบ
ฉู่หลิวเยว่วยิ้มและแอบมองอย่างตั้งใจ
คนผู้นั้นคือจี้อวี้หรง
เขาวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยื่นป้ายชื่อของตนออกมา “ข้ายังมีอีกสามชั่วยาม พวกเจ้าเอาไปใช้ก่อนเถอะ! พวกเราต่างเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เหตุใดจึงทำน่าเกลียดถึงเพียงนี้?”
ลู่เฟยเยี่ยนและคนอื่นๆมองเขาด้วยสายตาเยาะเย้ย
“โอ้ จี้อวี้หรง เจ้าจะออกหน้าเพื่อนางหรือ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางปฏิเสธเจ้าตั้งนานแล้ว? เจ้าทะเยอทะยานเกินไปหรือไม่?”
จี้อวี้หรงรู้สึกอับอาย
“ข้า ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้น เราเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นกัน อันที่จริงไม่จำเป็นต้องฉีกหน้ากันเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ อีกอย่างที่นี่ค่อนข้างใกล้กับหอคอยจิ่วโยว หากอาจารย์รู้เรื่องนี้คงไม่ดีเป็นแน่”
คำพูดนี้สามารถหยุดลู่เฟยเยี่ยนและคนอื่นๆได้สำเร็จ
นางหยิบป้ายชื่อของจี้อวี้หรงมา จากนั้นทำเครื่องหมายบนป้ายชื่อของตนเอง
เกิดแสงสว่างวาบจางๆขึ้นมา
นางจึงโยนป้ายชื่อสีจางกลับไป
“วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน!”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ
จี้อวี้หรงมองไปทางฉู่เซียนหมิ่นอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่าพวกนางจะไม่กลับมาอีก
“เจ้าไม่เป็นอะไร…”
เผียะ!
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าปรากฏตัวต่อหน้าข้าในที่สาธารณะเช่นนี้!”
จี้อวี้หรงอับอาย
“เจ้าอย่าโกรธ อย่าโกรธเลย ข้าเพียงแค่เห็นเจ้าถูกพวกนางรังแก ข้าจะไป…”
“ไสหัวไป!”
จี้อวี้หรงพูดไม่ออก และถอยกลับไปด้วยความเจ็บปวดและสับสน
ฉู่เซียนหมิ่นจ้องมองด้วยความเกลียดชัง
ตอนนี้ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะนาง แม้แต่จี้อวี้หรงยังสร้างปัญหาให้นาง!
“ข้าพูดกี่ครั้งแล้วว่าให้แกล้งไม่รู้จักข้าเมื่อมีคนอื่นอยู่รอบๆ! เจ้าฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือ!? เจ้าก็รู้ หากเรื่องวันนี้แพร่กระจายออกไป ข้าจะลำบากขนาดไหน!”
หากองค์รัชทายาทที่กำลังยุ่งเรื่องของตัวเองในตอนนี้รู้เรื่องนี้ นางต้องอับอายเป็นแน่!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง…
จี้อวี้หรงรีบตอบอย่างรวดเร็ว “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะให้ลู่เฟยเยี่ยนและผู้อื่นปิดปากเงียบ เรื่องนี้จะไม่มีผู้ใดรู้…”
“หากรู้แล้ว จะเป็นเช่นใด?”
เสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วมา ทั้งสองตื่นตระหนก พลางหันกลับมามองอย่างรวดเร็ว
ที่นี่ยังมีคนแอบฟังอยู่!?
ฉู่หลิวเยว่แอบมองทั้งสองที่ข้างกำแพงด้วยความสนใจ
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่น่าหลงใหล ฉู่เซียนหมิ่นมีคนทำดีกับเจ้าถึงเพียงนี้ เจ้ากลัยทำเช่นนั้นกับเขามันไม่เกินไปหน่อยหรือ?”