ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 181 ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ฉู่เซียนหมิ่นมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าอยู่ที่นี่มาตลอดอย่างนั้นหรือ เจ้าได้ยินอะไรบ้าง”
ฉู่หลิวเยว่ลูบคางของตนเอง
“อืม ข้าก็ไม่เห็นจะได้ยินอะไรเลย ก็แค่ดูละครฉากหนึ่งเท่านั้น คนเขามีน้ำใจช่วยเหลือเจ้า นอกจากเจ้าจะไม่สำนึกแล้ว ยังตบหน้าเขากลับไปอีก จิ๊ๆ ไม่ค่อยสมควรเท่าไหร่กระมัง”
นางต้องได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างแน่นอน!
แววตาของฉู่เซียนหมิ่นพลันเปลี่ยนไป
นางระมัดระวังตัวอยู่เสมอและไม่เคยติดต่อกับจี้อวี้หรงต่อหน้าผู้อื่น ทว่านางกลับคิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะรู้เห็นทั้งหมด
ตอนนี้ ทำได้เพียงยืนกรานไม่ยอมรับแล้วล่ะ
นางเปลี่ยนความคิด ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา
“มีผู้ที่ชื่นชอบข้ามากมาย ต้องให้ข้าตอบรับความรักจากทุกคนเลยหรือไร อีกอย่าง ข้าก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เขาเข้ามาช่วยเองต่างหาก!”
เมื่อนางพูดจบ นางก็ถลึงตามองจี้อวี้หรง
“ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ข้าอภิเษกกับรัชทายาทแล้ว นับจากนี้ไปเจ้าอย่ามาวุ่นวายกับข้าอีก มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!”
จี้อวี้หรงทราบดีว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกฉู่หลิวเยว่แพร่งพรายออกไป ทั้งตัวเขาเองและฉู่เซียนหมิ่นคงอยู่ยากแน่ ดังนั้นเขาจึงรีบตอบอย่างให้ความร่วมมือ
“…ได้…ข้า…ข้ารู้แล้ว…เป็นเพราะข้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ต่อไปข้าจะไม่กระทำการเช่นนี้อีกแล้ว”
จากนั้นฉู่เซียนหมิ่นก็เตรียมหันหลังเดินจากไป
“ช้าก่อน”
ฉู่หลิวเยว่ก้าวออกไปขวางหน้าฉู่เซียนหมิ่นเอาไว้
“เจ้าคิดที่จะทำการอันใดอีก!”
“ข้าคิดที่จะทำอะไร เจ้าเองก็รู้ดีมิใช่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่มองนางอย่างเยือกเย็น ซึ่งมาพร้อมกับความกดดันที่มิอาจพรรณนาได้
“เอาใบสั่งยาถอนพิษมาให้ข้า”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดจนแน่น
นางยืนกรานกล่าวว่า
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร”
“อ๋อ”
สายตาของฉู่หลิวเยว่มองสลับไปมาระหว่างจี้อวี้หรงและฉู่เซียนหมิ่น มองจนทั้งสองรู้สึกอึดอัดใจ
“เจ้าไม่ยอมรับแน่นอนใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น…พวกเราไปหาผู้อาวุโสซุนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมดีหรือไม่ ดูสิว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าช่วงนี้ตระกูลฉู่กำลังวุ่นวาย น่าจะไม่มีใครยอมช่วยเจ้าหรอกกระมัง คดีทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักเช่นนี้ โทษคงไม่เบาเลยทีเดียวเชียวล่ะ…”
“ข้าหาได้ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักไม่! ข้ามิได้เป็นคนวางยาพิษนั่น เจ้าอย่ามาใส่ร้ายป้ายสีข้านะ!” ฉู่เซียนหมิ่นแผดเสียงอันหวีดแหลมดังลั่น
ฉู่หลิวเยว่พูดช้าๆ ชัดๆ
“ข้ายังมิเคยเอ่ยปากพูดคำว่า วางยาพิษ เลยนะ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไร”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ!
จี้อวี้หรงหน้าถอดสี และเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“วันนี้ดูเหมือนว่าข้าจะเพิ่งพบเจ้าเป็นครั้งแรกหลังจากกลับมายังสำนัก แล้วก็พูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้น เจ้าก็หลุดปากเรื่องวางยาพิษเสียเอง ถ้าหากเจ้าต้องการหลักฐาน นี่ก็คือหลักฐานที่ดีที่สุดมิใช่หรือ ตอนนี้เจ้ายังอยากพูดคำว่าข้าใส่ร้ายเจ้าอีกหรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พูดชัดถ้อยชัดคำ และทุกคำก็คมดั่งมีดที่กำลังเชือดเฉือนหัวใจของฉู่เซียนหมิ่นอย่างเจ็บปวด
ราวกับโลหิตทั้งร่างกำลังจะหยุดไหล แล้วนางก็ปวดเศียรเวียนเกล้าจนหัวสมองแทบระเบิด!
“เปล่า เปล่า! ข้าไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!”
ฉู่เซียนหมิ่นเริ่มติดอ่างพูดจาไม่รู้เรื่อง
“เจ้าจะยอมรับตอนนี้แล้วเอาใบสั่งยาถอนพิษให้ข้าเองแต่โดยดี หรือจะให้ข้าเข้าไปค้นที่พักของเจ้าเอง แล้วเอาหลักฐานที่เป็นจดหมายส่งให้กับผู้อาวุโสซน จากนั้นก็ขับไล่เจ้าออกจากสำนัก”
ฉู่เซียนหมิ่นเงยหน้าพรึ่บ แล้วมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความตกตะลึง
เหตุใดนางถึงได้รู้แม้กระทั่งเรื่องนี้!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง ฉู่หลิวเยว่ก็เย้ยหยันทันที
เนื่องจากมู่หงอวี๋พบว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่ชอบมาพากลระหว่างฉู่เซียนหมิ่นและจี้อวี้หรง ดังนั้นพวกนางจึงเริ่มมองหาหลักฐาน
เมื่อวาน หลังจากที่จี้อวี้หรงบอกว่าจะออกไปทำธุระ นางจึงรีบสะกดรอยตามไป ระหว่างวันทุกอย่างก็เป็นปกติ ทว่าตกดึก เขาก็เผยธาตุแท้ แล้วไปที่พักฉู่เซียนหมิ่น
เขาไม่แม้แต่จะเข้าประตู แค่เดินวนเวียนอยู่แถวนอกกำแพง หลังจากนั้นสักพักเขาก็เดินออกไป
นางรีบตามไปในความมืดยามราตรี แล้วก็เจอหลักฐานจริงดั่งคาด
คิดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะลอบส่งจดหมายลอดผ่านช่องกำแพง
หัวใจของฉู่เซียนหมิ่นกระสับกระส่าย แล้วจู่ๆ นางก็หันไปทางจี้อวี้หรง
“เจ้าทรยศข้าหรือ!”
จี้อวี้หรงรีบโต้แย้ง
“ข้า ข้าเปล่านะ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…”
เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ
นับตั้งแต่ที่เขารู้สึกว่าฉู่หลิวเยว่ค้นพบอะไรบางอย่าง เขาก็ระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษ ช่วงเวลาสองวันนี้เขาจึงระมัดระวังตัวจนไม่รู้จะระวังอย่างไรได้อีก
แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้เสียแล้ว!
ทว่าเขากลับไม่รู้เลย ถึงแม้ว่าตอนนี้ระดับยุทธ์ของฉู่หลิวเยว่จะยังไม่สูง แต่วิธีการเก็บซ่อนลมปราณนางกลับทำได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นจึงง่ายต่อการสะกดรอยตามเขาเพื่อหาหลักฐาน
เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดว่าต้องหาหลักฐานเพิ่มอีกสักหน่อยเพื่อให้ฉู่เซียนหมิ่นยอมจำนนต่อหลักฐาน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้คาหนังคาเขาเยี่ยงนี้
ความเร็วมิสู้ความบังเอิญ
ดังนั้นจึงพูดได้เพียงแค่ว่าจี้อวี้หรงยอมทำทุกสิ่งเพื่อคนที่ตนเองรัก และสูญเสียตัวตน จนทำให้เรื่องราวมันถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้
“ยาถอนพิษ”
ฉู่หลิวเยว่พูดซ้ำอีกครั้งอย่างหมดน้ำทน
ฉู่เซียนหมิ่นกำหมัดทั้งสองแน่น ในที่สุดนางก็ปิดเปลือกตายอมรับชะตากรรม
“ข้าไม่มียาถอนพิษ! อยากจะฆ่าข้าก็ตามใจเจ้าเลย!”
“ไม่มีจริงหรือ”
แววตาของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ เย็นยะเยือก
“ไม่มีก็คือไม่มี! เจ้าจะถามอีกกี่ร้อยกี่พันครั้งก็คือไม่มี! อย่างไรเสียตอนนี้เจ้าก็รู้เรื่องหมดแล้ว ถ้าหากเจ้าต้องการฟ้องอาจารย์เรื่องข้า ก็เชิญเจ้าตามสบายเลย! แต่ข้าไม่มียาถอนพิษนี้!”
ฉู่เซียนหมิ่นรู้ดีแก่ใจว่านางมาถึงทางตันแล้ว ทันใดนั้นความรู้สึกที่กดทับจนอึดอัดก็ระเบิดออกมา แล้วนางก็กรีดร้องออกมาราวกับคนสิ้นสติก็มิปาน
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
สภาพเช่นนี้ของนาง สงสัยนางคงไม่มีจริงๆ…
“เจ้าไปเอากู่โลหิตแดงนั่นเอามาจากที่ใด”
“กู่โลหิตแดงอะไร อะไรคือกู่โลหิตแดง” ฉู่เซียนหมิ่นอึ้งไปชั่วขณะ
ฉู่เซียนหมิ่นจ้องทุกท่าทางของนางครู่หนึ่ง
“ถ้าหากว่าเจ้าไม่รู้จริงๆ แล้วทำไมถึงได้วางยาพิษกับเลี่ยวจงซูเช่นนี้”
ฉู่เซียนหมิ่นกล่าวด้วยความเกลียดแค้น
“เพราะว่าเขาเป็นพวกเดียวกันกับเข้าอย่างไรเล่า! เช่นนั้นมันก็สมควรตาย! คนรอบตัวเจ้า รวมถึงเจ้าสมควรตาย!”
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่พลิกข้อมือ ก็ปรากฏแสงสีเงินส่องประกาย!
มีดสั้นที่คมกริบและเย็นเฉียบสัมผัสที่คอของฉู่เซียนหมิ่นในทันที!
“อย่าฆ่านางนะ!”
เมื่อจี้อวี้หรงเห็นเช่นนั้นก็ตกใจแล้วปรี่เข้ามาทันที
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขาด้วยแววตาเยือกเย็น จี้อวี้หรงรู้สึกถึงไอสังหารอันเย็นเฉียบที่พุ่งเข้ามา ดังนั้นเขาจึงหยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ฉู่เซียนหมิ่นเองก็คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะลงมือรวดเร็วขนาดนี้ นางเองยังไม่ทันได้สติด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอีกฝ่ายเสียแล้ว
คราวนี้เหงื่อเย็นชื้นของนางไหลรินลงมา
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ช่างเป็นตัวละครที่แสนโหดเหี้ยม! นางเป็นคนที่กล้าลงมือจริงๆ!
“ข้าจะถามเจ้าอีกเป็นครั้งสุดท้าย เอายาถอนพิษมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ฉู่เซียนหมิ่นหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และสั่นเทาไปทั้งสรรพางค์กาย
“ข้าบอกแล้วว่าไม่มี”
“แล้วเจ้าไปเอาพิษชนิดนั้นมาจากที่ไหน”
“คือ…คือว่า…” ดูเหมือนฉู่เซียนหมิ่นกำลังเกรงกลัวอะไรบางอย่าง นางถึงไม่ยอมปริปากเสียที
ฉู่หลิวเยว่ออกแรงที่มืออีกนิด และคมมีดก็กรีดเข้าที่ลำคอของฉู่เซียนหมิ่นอย่างรวดเร็ว!
“มีคนนำมาให้ข้า ข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนผู้นั้นคือใคร!”
ในที่สุดฉู่เซียนหมิ่นก็สารภาพออกมา
แต่ทว่าคำตอบนี้ กลับทำให้ฉู่หลิวเยว่แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง
นางจี้ถามอีกครั้ง
“เจ้าไม่รู้จริงหรือ”
“ข้าไม่รู้จริงๆ! คนผู้นั้นมักจะสวมหน้ากากตลอดเวลา ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขามีรูปร่างหน้าตาเช่นไร แม้แต่เสียงของเขา…เขาจงใจดัดเสียงให้เปลี่ยนไป! เขาออกมาปรากฏตัวแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วถามข้าว่าต้องการแก้แค้นเจ้าหรือไม่ ข้าบอกว่าข้าต้องการ เขาก็มอบยาพิษมาให้ข้าหนึ่งห่อ…ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รู้อะไรเลยทั้งนั้น!”
ฉู่เซียนหมิ่นพูดตะกุกตะกัก และมีสีหน้าซีดเผือด
“ถ้าหากว่าเจ้าไม่เชื่อ ข้าก็จนปัญญาแล้ว เจ้าจะฆ่าข้าเลยก็ได้!”
ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ หรี่ตา
ตกลงผู้ที่ต้องการสังหารนาง คือผู้ใดกันแน่