ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 188 พวกเขารักกันดี
เมื่อเยี่ยนชิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าบางอย่างมิชอบมาพากล
เหตุใดจึงดูเหมือนว่าคุณหนูหลิวเยว่…กำลังรู้สึกโกรธเลยล่ะ
ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรอีก ฉู่หลิวเยว่ก็ตบเท้าเดินจากไปแล้ว
“คุณหนูหลิวเยว่ ท่าน…”
เยี่ยนชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเดินกลับไปยังเรือนอี๋เฟิง
ทันทีที่เขาเดินเข้าประตูไปก็เห็นเจ้านายกำลังอ่านหนังสือพอดี
“องค์ชาย เมื่อครู่นี้คุณหนูหลิวเยว่ออกมาแล้วยังถามบางอย่างกับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวตอบ “อืม” คำเดียวก่อนจะพลิกหน้าหนังสือ
เมื่อเห็นท่าทางของผู้เป็นนาย เยี่ยนชิงก็อดบ่นในใจไม่ได้
องค์ชายต้องรู้ว่าพวกเขาคุยอะไรกันแน่ๆ เพราะเหตุใดถึงยังนิ่งเฉยเช่นนี้
หรือว่าทั้งสองท่านทะเลาะกัน
“องค์ชาย กระหม่อมได้อธิบายให้คุณหนูหลิวเยว่ฟังแล้ว บอกไปว่าแค่พระองค์พูดคำเดียว พวกนางก็จากไปแล้ว”
เจ้านายของเขาพยายามมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณหนูหลิวเยว่ถึงได้ดูไม่ดีใจสักนิดเลย
ในที่สุดหรงซิวก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วมองหน้าเยี่ยนชิง
“เยี่ยนชิง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ายังไม่ได้แต่งงานใช่หรือไม่”
“กระหม่อมติดตามองค์ชายมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยแต่งงาน องค์ชายก็ทรงทราบดีนี่พ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวนวดคลึงระหว่างคิ้ว
เยี่ยนชิงดีทุกระเบียบนิ้ว แต่เรื่องรักใคร่หนุ่มสาวยังไม่ค่อยเบิกเนตรเท่าไหร่
ทว่า เป็นเช่นนี้ก็ดี ถึงอย่างไรเขาก็เหมาะสมที่จะจัดการเรื่องนี้ที่สุด
เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายตนเอง เยี่ยนชิงก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองทำผิดพลาดไป เขาจึงโค้งคำนับเพื่อขอรับโทษ
“องค์ชาย กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ รอคุณหนูหลิวเยว่กลับมาเมื่อไหร่ กระหม่อมจะรีบไปขอโทษนางเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
หรงซิวอดยกยิ้มมุมปากมิได้
“ไม่ต้องหรอก ข้าต้องการทำให้นางโกรธ”
“หา?”
เยี่ยนชิงเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ ซึ่งเป็นท่าทางเสียกิริยาที่หาดูยากมาก
เจ้านายชอบคุณหนูหลิวเยว่มากมิใช่หรือ
หากว่ากันตามเหตุผล…ยังไม่ทันได้เอาอกเอาใจนางเลยด้วยซ้ำ แล้วยังจะจงใจทำให้นางโกรธอีกหรือ
“องค์ชาย คือว่า…ถ้าหากคุณหนูหลิวเยว่โกรธขึ้นมาจริงๆ…” คนที่น่าสงสารก็คือพระองค์มิใช่หรือ
หรงซิวพลิกหน้ากระดาษหนังสือ และรอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ลึกมากขึ้น
“ให้นางโกรธจริงๆ สิถึงจะดี”
…
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ว่าหรงซิววางกับดักไว้เสียดิบดีแล้วรอนางกระโดดเข้ามา
ถึงแม้ว่าคำพูดของเยี่ยนชิงจะทำให้ฉู่หลิวเยว่ไม่สบายใจ แต่นางก็ปัดเรื่องนี้ทิ้งออกจากสมองอย่างรวดเร็ว
เพราะว่าตอนนี้นางมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ
เมื่อนางมาถึงเจินเป่าเก๋อ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนสีแล้ว และเจินเป่าเก๋อกำลังจะปิดประตูพอดี
เมื่อคนรับใช้ในร้านเห็นฉู่หลิวเยว่มาถึงดวงตาก็เป็นประกายทันที แล้วปรี่เข้ามาต้อนรับ
“คุณหนูหลิวเยว่ ท่านมาแล้วหรือ! รีบเข้ามาข้างในเลยขอรับ!”
นับตั้งแต่ที่เหยียนเก๋อมอบของขวัญมากมายให้แก่ฉู่หลิวเยว่ คนในเจินเป่าเก๋อต่างทราบเป็นว่าต้องต้อนรับแขกท่านนี้เป็นอย่างดี
ประกอบกับคราวก่อนที่ฉู่หลิวเยว่เรียกใช้คนของเจินเป่าเก๋อให้ไปคิดบัญชีกับตระกูลฉู่ เมื่อกลับมาแล้วนางก็ตอบแทนสินน้ำใจให้แก่พวกเขาอย่างงาม ตอนนี้คนในเจินเป่าเก๋อต่างปฏิบัติต่อนางเสมือนแขกผู้มีเกียรติท่านหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่เดินมาข้างในพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“คุณชายรองเหยียนล่ะ วันนี้เขาไม่อยู่หรือ”
“ข้าอยู่นี่!”
เมื่อเหยียนเก๋อได้ยินเสียง เขาก็เดินออกมาจากห้องทันที
แล้วเมื่อได้เห็นฉู่หลิวเยว่ เขาก็ยิ่งตื่นเต้นยินดี
“คุณหนูหลิวเยว่ ลมอะไรหอบท่านมาที่นี่ ได้ยินมาว่าท่านเพิ่งกลับมาจากบรรพตวั่นหลิง ตอนนี้ร่างกายแข็งแรงดีหรือยัง”
ฉู่หลิวเยว่ยกยิ้ม
“แน่นอนว่าข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณคุณชายรองเหยียนที่เป็นห่วง”
“ไม่เป็นไร! ตอนแรกกะว่าจะหาโอกาสไปเยี่ยมท่าน แต่คุณหนูหลิวเยว่กลับมาก็เข้าสำนักทันที พวกเราก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไปรบกวนใช่ไหมล่ะ”
ในใจเหยียนเก๋อคิดว่าท่านนั้นออกหน้าด้วยตัวเองแล้ว เช่นนั้นจึงไม่เป็นอะไรมากแน่นอน
“น้ำใจของคุณชายรองเหยียน ข้าจะจำใส่ใจเจ้าค่ะ ที่ข้ามาในวันนี้ เพราะมีเรื่องหนึ่งอยากรบกวนให้ท่านช่วย”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้แก่เขา
“ในนี้ได้เขียนตัวยาเอาไว้หลายตัว มิทราบว่าเจินเป่าเก๋อจะมีหรือไม่”
บนกระดาษแผ่นนั้น อันที่จริงแล้วเขียนเพียงตัวยาบางชนิดในตำรับยาหนึ่งสูตรเท่านั้น
เหยียนเก๋อรับกระดาษแผ่นนั้นไว้ เมื่อเห็นตัวหนังสือชัดเจนแล้ว เขาก็ตั้งใจอ่านทันที
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา
“คุณหนูหลิวเยว่ ท่านมาทีไร มักจะนำปัญหายากมาให้เราทุกที! รายการสิ่งของที่เขียนในนี้ ไม่ใช่ของที่หากันได้ง่ายๆ!”
“ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่อย่างไรเล่า”
บางทีหอโอสถสวรรค์อาจมีตัวยาเหล่านี้ หากนางไปขอ นางจะต้องถูกพวกอาจารย์จั่วหรงพบสิ่งผิดสังเกตแน่นอน
คราวก่อนนางทำไปโดยเจตนา เพื่อล่องูออกจากถ้ำ แต่คราวนี้กลับไม่เหมือนกัน
นางไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ว่านางสามารถรักษาพิษกู่โลหิตแดงได้
เรื่องที่หมอเทวดาในสำนักเทียนลู่ไม่สามารถแก้ไข หากนางกลับแก้ไขได้ จะยิ่งเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนให้ตนเองมิใช่หรือ
เหยียนเก๋อครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจทันทีว่าฉู่หลิวเยว่หมายถึงอะไร
เขาค่อนข้างแปลกใจที่ครั้งก่อนนางไม่ได้มา แต่ตอนนี้ดูเหมือนเห็นได้ชัดว่ามีแผนการอยู่แล้ว
“ได้! ข้าจะไปดูในคลังให้ แล้วเดี๋ยวจะเตรียมของให้ท่าน เพียงแต่ว่ามียาสองชนิดในใบสั่งนี้ที่พวกเราไม่มีจริงๆ เกรงว่าท่านต้องรอไปอีกสักระยะหนึ่ง”
ถึงแม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าในใจกลับรู้สึกตกตะลึง
ตัวยาที่เขียนในนั้นทั้งหมดล้วนแพงจนหูฉีก เดิมทีนางคิดว่าหากที่นี่สามารถหาให้ได้สักสามสี่อย่างก็ถือว่าดีมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะขาดไปเพียงสองอย่าง
ที่สำคัญ…ยังบอกให้นางรออีกหรือ
นี่ไม่ได้หมายความว่า พวกเขามีวิธีการเอายาพวกนี้มาหรอกหรือ
นางรู้ดีว่าเจินเป่าเก๋อมีเบื้องหลังที่ทรงอำนาจ ไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าธรรมดาๆ ร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูแล้ว…เหนือความคาดหมายของนางไปมากเสียจนมิสามารถคาดเดาได้
“เช่นนั้นก็ขอบคุณชายรองเหยียนมากเจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวขอบคุณ จากนั้นก็ถามอย่างไม่เป็นทางการมากนัก
“จริงสิ มิทราบว่าตอนนี้นายใหญ่ของร้านท่านกลับมาเมืองหลวงหรือยัง”
เหยียนเก๋อชะงักค้าง ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา
“ฮ่าๆๆ เกรงว่าคงทำให้ท่านต้องผิดหวังแล้ว ช่วงนี้…นายใหญ่กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องดูแลฮูหยิน ดังนั้นช่วงนี้จึงไม่มีเวลา”
“ดูแลฮูหยิน?”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากคิดๆ ดูแล้ว การที่ผู้มีอำนาจสูงส่งเช่นนี้จะมีภรรยาก็มิใช่เรื่องแปลก
“คิดไม่ถึงว่านายใหญ่ของพวกท่านจะดูแลเอาใจใส่ภรรยาดีอย่างนี้ พวกเขาคงรักกันดีใช่หรือไม่”
เหยียนเก๋อกระแอมไอ
นั่นเรียกรักกันดีหรือ
เรียกว่าแทบจะเอาตัวไปติดนางอยู่ฝ่ายเดียวมากกว่า
ทว่าความรักนี้…เขาอยากจะบอกว่านายใหญ่ยังจีบฮูหยินไม่ติดเลย ไม่รู้ว่านางมีปฏิกิริยาตอบสนองเขาอย่างไรบ้าง
“อาฮ่าๆ! นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วๆ! ฮูหยินของพวกข้าคือหญิงงามที่สุดในปฐพี นายใหญ่ของพวกข้าทะนุถนอมยิ่งกว่าสมบัติล้ำค่าเชียวนะ!”
เหยียดเก๋อหัวเราะร่วนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของฉู่หลิวเยว่
การพูดต่อหน้าบุคคลท่านนี้ มันช่าง…จริงๆ เลย
นายใหญ่ปิดบังมาโดยตลอดเยี่ยงนี้ ไม่กลัวว่าอนาคตนางจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลยหรือ
ช่างเถิด เขาไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว!
ถึงอย่างไรตอนนี้ยกยอสักประโยคสองประโยคก็ถือว่าทำเต็มที่แล้ว ต่อไปหากถูกไต่สวนขึ้นมา ก็ถือว่ายังมีข้อดีอยู่บ้าง
“ถ้าหากว่าท่านเจอเขาในอนาคต ท่านก็จะรู้เองว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นไม่เกินจริง ฮ่าๆ!”