ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 189 โกรธ
ฉู่หลิวเยว่เริ่มสงสัยเกี่ยวกับนายใหญ่ผู้นี้และภรรยาของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
อันที่จริง นางเคยได้ยินข่าวลือโดยบังเอิญมาก่อนว่า นายใหญ่ของเจินเป่าเก๋อได้ยกเลิกการประมูลที่จะจัดขึ้นเป็นพิเศษเพื่อเลือกของขวัญให้ฮูหยินของเขา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้มีอำนาจหลายคนในเมืองหลวงต่างรู้สึกขุ่นเคือง
การกระทำดังกล่าวทำให้ฉู่หลิวเยว่แอบประหลาดใจ
จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าสำหรับมหาเศรษฐีเหล่านี้ เรื่องเงินหาใช่เรื่องสำคัญที่สุดไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ…หน้าตา!
แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประการแรกเพราะเจินเป่าเก๋อมีฐานะเหนือผู้ใด พวกเขาจึงไม่กล้าก่อความวุ่นวาย ประการที่สอง เจินเป่าเก๋อได้มอบสิ่งชดเชยมากพอ ซึ่งถือได้ว่าเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขา
ด้วยวิธีนี้ พายุนี้จึงผ่านไปอย่างสงบสุข
นายใหญ่ของเจินเป่าเก๋อนั้นร่ำรวยและมั่งคั่งจริงๆ ทั้งยังแสดงความจริงใจกับภรรยามากอีกด้วย
“เจ้าค่ะ หวังว่าคราวหน้าคงจะมีโอกาส”
เมื่อฉู่หลิวเยว่กล่าวเสร็จสิ้น นางก็พูดคุยกับเหยียนเก๋อเกี่ยวกับยาต่างๆ พร้อมกับบอกรายละเอียดบางประการกับเขา
ในไม่ช้าคนรับใช้ก็นำยามาส่งให้
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่กล่องน้อยใหญ่ต่างๆ ด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย
ถ้าหากนางถือกล่องพวกนี้เข้าสำนักไปอย่างเปิดเผย จะต้องเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยแน่นอน
ถ้าหากอาจารย์จั่วหรงรู้เข้า จะต้องมาตามสืบอย่างแน่นอน
เมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะอธิบายให้ชัดเจนยากยิ่งขึ้น
ถ้าหากนางพูดไปแล้ว จะต้องถูกสงสัยอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเกิดว่านางไม่บอก แล้วไม่ไปหอโอสถสวรรค์ของสำนัก แล้วกลับไปที่เจินเป่าเก๋อแทน ก็จะยิ่งดูมีพิรุธมากขึ้นไปอีก
เหยียนเก๋อเหลือบมองนางอย่างระมัดระวังและถามสองแง่สองง่าม
“คุณหนูหลิวเยว่ ถ้าหากท่านถือของพวกนี้กลับไปเองลำพัง เกรงว่าจะเป็นเรื่องยุ่งยากใช่หรือไม่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าทันควัน
ต่อไปภายหลังนางจะต้องใช้ยาอีกจำนวนมาก ดังนั้นนางจึงทำการเอิกเกริกแบบนี้ทุกครั้งไม่ได้หรอก
“คุณชายรองเหยียน มิทราบว่าที่นี่พอจะมีอะไรที่สามารถเอาของพวกนี้ไปได้สะดวกหรือไม่”
“ท่านหมายถึง…ถุงเฉียนคุนหรือ”
“แม้กระทั่งของสิ่งนี้ เจินเป่าเก๋อก็มีด้วยหรือเจ้าคะ”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง
นางก็แค่ลองถามไปเท่านั้น คิดไม่ถึงว่ามันจะมีจริงๆ!
“ฮ่าๆ ถึงแม้เราเจินเป่าเก๋อจะไม่เอ่ยถึง แต่ถุงเฉียนคุนนี้ไม่เคยขาดแน่นอน! มิฉะนั้นของมากมายขนาดนี้ก็คงพกพาไม่สะดวก ใช่หรือไม่”
เหยียนเก๋อหัวเราะลั่นเสียงใส
“เหล่าหลิว ไปหยิบถุงเฉียนคุนมาให้คุณหนูหลิวเยว่ใบหนึ่ง!”
คนรับใช้ที่อยู่แถวนั้นรีบตอบรับ ก่อนจะไปเอาของออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูหลิวเยว่ นี่ขอรับ…”
เหยียนเก๋อนำถุงเฉียนคุนในมือยื่นให้หลิวเยว่
“ท่านเพียงแค่ถ่ายเทพลังลงไปเล็กน้อย ถุงเฉียนคุนนี้ก็จะเป็นของท่านโดยสมบูรณ์!”
ฉู่หลิวเยว่รับถุงเฉียนคุนมาแล้วพิศมองอย่างละเอียด
ถุงเฉียนคุนใบนี้มีขนาดไม่เกินครึ่งฝ่ามือ มีลักษณะเป็นถุงผ้าสีเหลืองทองอร่ามและยังปักลวดลายเมฆมงคลสีเงินอันละเอียดอ่อน
ซึ่งดูแล้วมีความหรูหราประณีตมาก
ถุงเฉียนคุนก็ถูกจัดลำดับเช่นกัน ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ พื้นที่ในถุงเฉียนคุนก็จะใหญ่ขึ้นเท่านั้น
นางลองถ่ายเทพลังปราณเข้าไป
นางได้ยินเพยงแค่เสียงดังแว่วๆ ในใจ นางรู้สึกทันทีว่ามีความเชื่อมโยงที่ละเอียดอ่อนระหว่างนางกับถุงเฉียนคุน
นางควบคุมพลังจิตวิญญาณของตนเพื่อตรวจสอบ และก็ต้องตกใจเพราะพบว่าพื้นที่ในถุงเฉียนคุนใบนี้มีขนาดเท่ากับห้องห้องหนึ่งจริงๆ!
ซึ่งมีขนาดกว้างขวางกว่าถุงฉียนคุนของอาจารย์จั่วหรงหลายเท่า!
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองไปที่เหยียนเก๋อ ก่อนจะเอ่ยว่า
“คุณชายรองเหยียน ของสิ่งนี้แพงเกินไป ข้ารับไว้มิได้หรอกเจ้าค่ะ”
“เอาน่า ในเมื่อมอบของสิ่งนี้ให้ท่านแล้ว จะเอาคืนกลับมาได้อย่างไร อีกอย่าง ในอนาคตท่านเกรงว่าต้องมาบ่อยๆ หากถุงเฉียนคุนนี้ใบใหญ่หน่อย ท่านกับข้าก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นมิใช่หรือ”
ฉู่หลิวเยว่ลังเลครู่หนึ่ง
สิ่งที่เหยียนเก๋อกล่าวมาก็มิใช่ว่าจะไร้เหตุผล
ต่อไปยังมีสถานที่ที่นางต้องใช้ถุงเฉียนคุนนี้อีกมากมายจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น…ท่านคิดราคาเถิดเจ้าค่ะ”
ฉู่หลิวเยว่ชี้ไปที่ยาที่วางกองไว้ข้างๆ
“เอาของพวกนี้คิดรวมไปด้วย เดี๋ยวข้าจะคิดบัญชีให้ท่าน”
ตอนนี้ ฉู่หลิวเยว่นึกโชคดีในใจที่ก่อนหน้านี้นางไปหาเรื่องที่ตระกูลฉู่ แล้วแย่งชิงเงินที่เป็นส่วนของท่านพ่อและของนางเองกลับมาได้
มิฉะนั้น เกรงว่าวันนี้คงไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้ได้สักชิ้นแน่นอน
เหยียนเก๋อกระแอมไอ
ฮูหยินของนายท่านมาเอาของที่นี่ ต้องเก็บเงินเสียที่ไหนกันเล่า
ถึงแม้ว่านางจะยินดีจ่าย ทว่าเขาก็ไม่กล้ารับไว้หรอก!
ทว่า ทางด้านนายท่านยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนสักที่ แน่นอนว่าเขาต้องไหลไปตามน้ำเสียก่อน
“อ่า…อันนี้หรือ ข้าดูก่อนนะ ท่านถือเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ของเจินเป่าเก๋อแล้ว แน่นอนว่าต้องลดราคาให้ท่านเป็นพิเศษ ยาพวกนี้ ประกอบกับถุงเฉียนคุน…ท่านจ่ายมาสามแสนตำลึงก็พอแล้ว!”
ฉู่หลิวเยว่ชั่งน้ำหนักสิ่งของในมือ
“คุณชายรองเหยียน นี่ท่านทำการค้าขายจริงๆ หรือไม่ เท่าที่ข้ารู้ ถุงเฉียนคุนใบเดียวก็ปาไปหกแสนตำลึงแล้วมิใช่หรือ ประกอบกับยาพวกนี้…ท่านคิดเงินเพียงแค่สามแสนตำลึง ดังนั้น ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลยเจ้าค่ะ”
เหยียนเก๋อกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที
“เอาอย่างนี้ ข้าจ่ายท่านหนึ่งล้านตำลึงไปก่อน รอยาอีกสองชนิดที่เหลือตามมา ข้าค่อยจ่ายให้ท่านอีกห้าแสนตำลึง ดีหรือไม่”
เหยียนเก๋อเบิกตาโต
“มัน…มันจะดีหรือ”
“มีอะไรไม่ดีเล่าเจ้าคะ เงินแลกสิ่งของ นั่นเป็นเงินที่ข้าควรให้ท่าน ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน! มิฉะนั้นครั้งต่อไปข้าจะไม่มาซื้อของที่ร้านท่านอีก”
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่ยืนกรานเช่นนี้ เหยียนเก๋อจึงทำได้เพียงตอบตกลง
“เอางั้น…ก็ได้! เอาอย่างที่ท่านว่า!”
คราวนี้ฉู่หลิวเยว่จึงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วนำยาใส่ลงไปในถุงเฉียนคุน จากนั้นนางจึงขอตัวลา
…
หลังจากกลับมาที่สำนัก ฉู่หลิวเยว่ก็ตรงดิ่งกลับไปยังเรือนพักของนาง
หลังจากจัดการนำทุกอย่างในถุงเฉียนคุนออกมาจนเกลี้ยง ในที่สุดนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยาต้มที่เตรียมไว้สำหรับเลี่ยวจงซูครั้งสุดท้ายสามารถช่วยระงับความเป็นพิษได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่หลังจากเจ็ดวัน หากไม่มียาถอนพิษ ความเป็นพิษจะแตกตัวออกมาทันที
เมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าจะทำให้เลี่ยวจงซูถึงแก่ชีวิตเป็นแน่!
ดังนั้น นางจึงต้องปรุงยาถอนพิษกู่สีโลหิตในอีกเจ็ดวันที่เหลือ!
ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉู่หลิวเยว่ในตอนนี้เลย
ยากลั่นจากหมอเทวดาที่แท้จริงนั้น ต้องอาศัยพลังดั้งเดิมภายในร่างกายของตัวเอง
ยิ่งพลังดั้งเดิมมีมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของยาที่กลั่นออกมาก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีชีพจรตี้จิง หากต้องการปรุงหรือกลั่นยาให้สำเร็จเพียงครั้งเดียว ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
มีโอกาสมากที่พลังในร่างกายของนางจะหมดก่อนผ่านไปครึ่งทาง
เพราะฉะนั้น นางจำเป็นต้องคิดหาวิธี
ฉู่หลิวเยว่เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองไปข้างนอกโดยไม่รู้ตัว
เวลานี้สีของท้องฟ้าได้เข้าสู่ยามราตรีแล้ว และทุกอย่างก็จมอยู่ใต้ความมืดมิด และไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
และหรงซิวก็ไม่ได้อยู่บริเวณลานบ้าน
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงได้เกิดความรู้สึกสับสนเล็กน้อยในใจ
ด้วยตำแหน่งสถานะของหรงซิว มีสตรีผู้สูงศักดิ์มากมายในเมืองหลวงที่ต้องการครอบครองเขา
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยรูปโฉมงดงามหล่อเหลาเช่นนี้
แม้ว่าในสายตาทุกคนเขาจะเป็นคนขี้โรค ทว่าหญิงสาวที่อยากแต่งงานเข้าจวนหลีอ๋องก็ยังคงมีมากมายไม่ขาดสายอยู่ดี
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่อันที่จริงเขาเป็นคนแข็งแกร่ง เป็นบุคคลร้อยเล่ห์เพทุบาย
บางทีนาง…
ขณะที่นางกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทันใดนั้นเสียงผิวปากอันไพเราะก็ดังมาจากลานอี้เฟิง
ฉู่หลิวเยว่นิ่งค้าง
นั่นคือเสียงหรงซิวเป่าใบท้อหรือ
ทันใดนั้นความผิดหวังเส้นบางๆ ในใจของนางพลันหายไป จากนั้นนางเม้มริมฝีปากแนบสนิทด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม