ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 212 โต้เถียง
ซือถูซิงเฉินไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใดมาพูดแทนให้มู่หงอวี๋ และผู้นั้นคือฉู่หลิวเยว่! เมื่อเห็นใบหน้าอันงดงาม ทำให้หวนนึกถึงดาบนั้น นางก็เริ่มรู้สึกอึดอัดอีกครั้ง
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับนางที่จะรู้สึกเป็นมิตรกับฉู่หลิวเยว่!
“แม่นางฉู่ ข้าเพียงแค่พูดไปตามความจริง มิได้ประสงค์ร้ายต่อแม่นางมู่”
ณ ขณะนี้ ฉู่หลิวเยว่ไม่สามารถทนเห็นเพื่อนของนางถูกกลั่นแกล้งได้ นางจึงพูดออกไปเช่นนั้น
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่ท่าทางไม่ได้โกรธหรือรำคาญ นางเพียงแค่คิดว่าคนแบบไหนกันที่นางไม่เคยพบเห็น?
หากมองย้อนกลับไปในตอนที่นางเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์ และถืออำนาจของราชวงศ์เทียนลิ่ง นางได้พบเจอคนที่พูดจาอ่อนหวานแต่กลับไม่จริงใจ ทั้งยังมีคนที่วางแผนร้ายสมรู้ร่วมคิด นางคิดพลางถอนหายใจเบื่อหน่ายกับการพบเจอสิ่งเหล่านั้นนัก
และตอนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความคิดต้องการเอาเปรียบเล็กน้อยของชือถูซิงเฉิน แท้จริงแล้วนางไม่ได้ต้องการที่จะมีปัญหาใดๆ เพิ่มอีก
“องค์หญิงใหญ่ซือถู ข้าไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นผิด เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ทุกท่านสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในสนามประลองนี้การใช้กลอุบายนั้นไม่ผิด แล้วการเรียกใช้สัตว์อสูรนั้นเป็นเรื่องที่ผิดหรือ แม้ว่าอวี๋ฉิงจะถูกหมีแผงคอทองคำกัดจนทิ้งรอยแผลไว้บนร่างกาย แต่นางทำได้เพียงตำหนิตนเองที่พลังด้อยกว่าผู้อื่น หลังจากการประลองหลายคู่ผ่านไป ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่ฝ่ายผู้ชนะถูกขอให้กล่าวขอโทษ”
นางก้มลงมองด้วยรอยยิ้ม
“ผู้ชนะเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร นี่คือความจริงที่ง่ายที่สุด และก็เป็นหลักการที่ยุติธรรมที่สุด ถ้าหงอวี่ต้องกล่าวขอโทษเพียงเพราะสัตว์อสูรของนางแข็งแกร่งเกินไป ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะดำเนินงานสมาคมเยาวชนนี้ต่อ”
น้ำเสียงของนางช่างสงบและราบเรียบ แต่สิ่งที่นางกล่าวมานั้นเป็นเรื่องที่ช่างน่าเชื่อถือ
หลายคนกระซิบและแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“สิ่งที่ฉู่หลิวเยว่พูดมาก็ดูสมเหตุสมผล! เดิมทีมันคือการประลอง และผลของการประลองก็ทราบได้ในทันที เหตุใดจึงต้องกล่าวขอโทษ?”
“ใช่แล้ว! ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของอวี๋ฉิงเมื่อวานนี้จะขาหักจากการประลอง นางไม่ต้องกล่าวขอโทษด้วยหรือ?”
“พวกท่านไม่รู้หรือ ซือถูซิงเฉินและอวี๋ฉิงมีความสัมพันธ์อันดีกันมาก นั่นคือเหตุผลที่นางออกหน้าให้เช่นนี้”
“นี่! ถึงแม้ว่าจะเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นซิงหลัว ก็ไม่สามารถวางอำนาจที่นี่ได้ ที่พูดมากมายขนาดนั้นไม่ใช่ว่าแค่ต้องการที่จะช่วยคนของท่านเองหรือ? จากที่ข้าเห็นซือถูซิงเฉินผู้นี้ก็ไม่ได้เพียบพร้อมอย่างที่ลือกัน ตรงกันข้ามมันค่อนข้างมีทั้งถูกและผิด”
เมื่อได้ยินบทสนทนาเหล่านั้น ซือถูซิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะกำมือของนางแน่น ที่ทั้งโกรธและเสียใจ เฉิงหันเห็นว่าลูกศิษย์ของเขาไม่สามารถลงจากตรงเวทีนั้นได้ และเขาไม่สามารถมองผ่านมันไปได้ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปาก
“ซิงเฉิน ข้าไม่ได้ช่วยพูดให้ผู้ใด แค่อยากจะบอกว่าถึงแม้งานสมาคมเยาวชนนี้จะเป็นการประลอง แต่ต้องมีความเอื้ออาทรต่อกัน ข้าคิดว่าจุดนี้จำเป็นต้องให้ความสนใจยิ่ง ถ้าใครมีความดิดว่าการทำร้ายกันจนถึงตายแต่ให้เหตุผลว่าไม่ทันระวัง แล้วผู้นั้นควรทำอย่างไร?”
เฉิงหันเหลือบมองฉู่หลิวเยว่แล้วสูดหายใจเข้า
“ซิงเฉิน นางเป็นคนมีเมตตาและที่นางพูดไปเช่นนั้นก็เพื่อประโยชน์ของทุกคน นางเป็นหมอเทวดาที่จะเข้าร่วมในวันสุดท้ายของการประลอง และท้ายที่สุดการต่อสู้ในการประลองนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางเลย นางไม่ได้ฉวยโอกาสในการที่นางออกหน้ามาแบบนี้! ไม่เหมือนใครบางคนที่ใช้โอกาสนี้เพื่อแก้ต่างถึงความโหดเหี้ยมอำมหิตของตนเอง!”
ฝูงชนเงียบไปครู่หนึ่ง
นี่…มิใช่ว่าเขากำลังพูดถึงฉู่หลิวเยว่อยู่หรือ
ถึงอย่างไรเสียเหลยหมิงเวยที่เป็นคู่ต่อสู้ของนางเมื่อวานก่อนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ได้ยินมาว่าตอนนี้นางก็ยังคงนอนอยู่บนเตียง!
ฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้เลยที่จะอยากปรบมือให้ เป็นอย่างที่คาดคิดไวว้ว่าขิงแก่ย่อมเผ็ด!
แม้ว่าเฉิงหันจะไม่พูด แต่ทันทีที่เขาเปิดปากพูดก็เหมือนกับสวมหมวก ‘ความโหดเหี้ยมอำมหิต’ ให้กับนาง หลังจากนี้ถ้านางทำใครจนได้รับบาดเจ็บในการประลองอีกก็มิใช่เพียงเพื่อให้สมกับชื่อนางหรือ?
ฉู่หลิวเยว่นางยังไม่ทันได้เอ่ย ซุนจ้งเหยียนก็หัวเราะออกมาดังลั่น
“ฮ่าๆ! พี่เฉิงหันท่านต้องล้อเล่นแน่ๆ งานสมาคมเยาวชนนี้ถูกจัดขึ้นเป็นเวลานานหลายปี ข้าผู้นี้คิดว่าทุกคนย่อมรู้กฎเกณฑ์ดี คิดไม่ถึงว่าวันนี้พี่เฉิงหันจะสร้างกฏขึ้นใหม่หรือ?”
แม้ว่าเขาจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ทุกคนก็สามารถบอกได้ว่าซุนจ้งเหยียนไม่ได้พูดเล่น มีทั้งความไม่พอใจชวนจนกระทั่งการประชดในคำพูดของเขา บรรยากาศบนสนามอึดอัดขึ้นมาในทันที!
ทุกคนต่างเงียบโดยไม่รู้ตัวและสังเกตเหตุการณ์อย่างระมัดระวัง สำนักเทียนลู่กับสำนักไท่เหยี่ยนนี่จะตัดขาดกันออกสู่สาธารณะเลยหรือ?
“ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงเพราะการประลองระหว่างอวี๋ฉิงกับมู่หงอวี่นั้นทำให้คะแนนของทั้งสองสำนักแกว่งไปมา”
เฉิงหันเขาคิดไม่ถึงว่าซุนจ้งเหยียนจะออกมาเพื่อช่วยพูดให้ฉู่หลิวเยว่ด้วยตัวเอง!
ตามนิสัยของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ของตนที่ถูกเอาเปรียบในสนามเวลานี้ เขาก็คงไม่ได้ออกมาพูดเช่นนั้น ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้มีอะไร ถึงทำให้เขาสนใจในตัวนางขนาดนี้?
เดิมทีเฉิงหันต้องการให้ซือถูซิงเฉินก้าวลงมาจากตำแหน่ง เขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากการที่พ่ายแพ้ในการประลองครั้งแรกเมื่อวานนี้
ทว่าในใจชองซุนจ้งเหยียนไม่ได้คิดเช่นนั้น ถ้าการที่ลูกศิษย์ของตนนั้นประลองชนะแต่กลับถูกรังแกจนทำให้รู้สึกอึดอัดใจนี้แบบนี้มีที่ไหน
มู่หงอวี่นางรู้สึกสับสนเมื่อเห็นบรรยากาศที่น่าอึมครึมนี้ นางเพิ่งชนะการประลองไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
แม้แต่อวี๋ฉิงก็อกสั่นขวัญหาย นางไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกเพราะเกรงว่านางอาจจะต้องไปมีส่วนเกี่ยวข้องอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาเบาๆ
“ผู้อาวุโสซุน ถึงแม้ว่าหงอวี่จะเป็นผู้ชนะ แต่จากการประลองเมื่อครู่ต้องใช้พละกำลังอย่างมาก ท่านควรปล่อยให้นางกลับมาเพื่อฟื้นพลังของนางเสียก่อน! ยังคงมีการประลองอื่นรออยู่ นอกจากนี้อวี๋ฉิงนางได้รับบาดเจ็บแต่ตอนนี้ยังไม่ได้รักษาอาการบาดเจ็บนั้นเลย การที่พวกเรามาถกเถียงกันเช่นนี้ก็ไม่ได้ทำให้ชะลอการบาดเจ็บของนางได้ใช่หรือไม่?”
ประโยคที่เรียบง่ายนี้ได้ทำลายบรรยากาศที่ตึงเครียดในทันที
ไม่เพียงแต่เน้นย้ำว่ามู่หงอวี่เป็นผู้ชนะแต่ยังปลอบโยนอวี๋ฉิงที่นางได้รับบาดเจ็บ ณ จุดนี้ผู้อาวุโสซุนสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่จะไม่ดำเนินการสอบสวนเพิ่ม ดูเหมือนว่าเฉิงหันและคนอื่นๆ เกิดอารมณ์โมโหชั่วขณะทำให้ไม่สนแม้แต่ลูกศิษย์ของตัวเอง
เฉิงหันแสดงสีหน้าน่ารังเกลียด
“ยังไม่นำอวี๋ฉิงกลับอีก! ถ้าหากว่าช้าไปกว่านี้แล้วอวี๋ฉิงเสียเลือดมากจะทำอย่างไร?”
“ขอรับ”
คนด้านล่างขานรับ และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยอวี๋ฉิงกลับมา
ซุนจ้งเหยียนหัวเราะออกมา แทนความเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ตรงกันข้าม
“หลิวเยว่นางคงคิดอย่างรอบคอบ สิ่งเหล่านนี้สามารถพูดคุยในภายหลังได้ แต่อาการบาดเจ็บแต่ล่าช้าไปคงไม่ดี พี่เฉิงหันร่างกายของพวกเขานั้นสำคัญกว่า ท่านคิดอย่างไร?”
สีหน้าของเฉิงหันซีดเผือด เหมือนกับว่าเขาไม่มีความเป็นคน!