ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 213 หูสกปรก
หลังจากที่อวี๋ฉิงถูกนำตัวไปรักษา มู่หงอวี่ก็ก้าวลงจากเวทีการประลองอย่างมีความสุข นางเดินเข้าไปใกล้ฉู่หลิวเยว่ก่อนจะขยิบตาให้นาง
เป็นจริงอย่างที่คาดไว้ว่าฉู่หลิวเยว่นางไว้ใจ ไม่เพียงแต่นางพูดเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่นางยังทําให้คนในสำนักไท่เหยี่ยนทั้งหมดต้องยอมจำนนต่อนาง!
ฉู่หลิวเยว่บีบหูของหมีแผงคอทองคำตัวน้อย
“เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอแล้วไว้ค่อยมาเล่นทีหลัง”
“ข้ารู้แล้ว!” มู่หงอวี่พยักหน้าแล้วตอบกลับพลางกลอกตาและถอนหายใจอย่างตั้งใจ
“เจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้อีก! มิฉะนั้นนายของเจ้าและข้าก็จะถูกกล่าวหาว่าโหดร้ายรู้หรือไม่?”
คนรอบข้างเอ่ยขึ้นทันที “ใช่แล้ว! หงอวี่ เจ้าจะได้ประลองอีกครั้งในภายหลัง แต่เจ้าต้องจริงจังกับเรื่องเล็กน้อยนี้!”
“นี่ ข้าอิจฉาเจ้ามากที่ล่าได้หมีแผงคอทองคำตัวน้อย แต่ตอนนี้…ฮ่าๆ เจ้าชนะในการประลองแต่กลับถูกผู้คนตำหนิ ตอนนี้ข้าไม่อิจฉาเจ้าแล้ว!”
มู่หงอวี่แสดงสีหน้าทะเล้น “ข้าอิจฉาเจ้านัก! เจ้ามีความสามารถในการหาสัตว์อสูรระดับสี่”
ฝูงชนต่างหัวเราะกัน
ใบหน้าของเฉิงหันซีดเผือด เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงแล้วนั่งลง จากนั้นซือถูซิงเฉินก็ตระหนักว่าเหมือนนางจะนำปัญหาไม่น้อยมาสู่ท่านอาจารย์
นางอดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปาก เสียงกระซิบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ข้าขอโทษท่านอาจารย์ ข้า…ข้าหุนหันพลันแล่นเกินไป”
เฉิงหันสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถามพลางขมวดคิ้ว
“ซิงเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ดูสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอด เจ้าฉลาดมาตลอดแต่ทำไมกลับทำเรื่องโง่เง่าเช่นนี้ได้ ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอวี๋ฉิง แต่ในตอนนี้นางแพ้ก็คือแพ้! เหตุใดเจ้าถึงโต้แย้งให้นางมากมายเช่นนี้?”
“ข้า…ข้า” ซือถูซิงเฉินนางหลับตาลงด้วยความรู้สึกผิดอย่างไม่รู้ว่าจะพูดเช่นใดอยู่ครู่หนึ่ง อันที่จริง นางเพียงแค่ไม่ชอบสำนักเทียนลู่ ไม่…นางไม่ชอบมู่หงอวี่
หัวใจของซือถูซิงเฉินเหมือนจะถูกบีบครั้นด้วยอะไรบางอย่างที่มันค่อนข้างอึดอัด นางรู้ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้พูดแทนอวี๋ฉิง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา นางเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามู่หงอวี่และฉู่หลิวเยว่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่ามู่หงอวี่เป็นที่สนใจ นางจึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
หน้าตาที่หยิ่งยโสคล้ายกับฉู่หลิวเยว่!
มู่หงอวี่คงภูมิใจในตัวเองและฉู่หลิวเยว่ก็คงมีความสุขเช่นกัน?
แต่ความคิดที่ถูกซ่อนเก็บไว้ภายในใจเช่นนี้ไม่สามารถพูดได้
เมื่อเห็นว่าซือถูซิงเฉินใช้เวลาเนิ่นนานก็ไม่สามารถหาเหตุผลได้ นางรู้สึกผิดอย่างมาก และเฉิงหันก็ทนไม่ไหวที่จะต่อว่านางต่อ
“ช่างมันเถิด เจ้าใจเย็นๆ ก่อน…เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องมาที่นี่อีกสองวันข้างหน้า”
“ท่านอาจารย์!”
ซือถูซิงเฉินเอ่ยเรียกเฉินหันขึ้นทันที
“ข้าอยากอยู่ที่นี่!”
“สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเข้าร่วมการประลองของหมอเทวดาในวันสุดท้าย เรื่องก่อนหน้านี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าเลย มันเสียเวลาเปล่า…นี่เจ้าเป็นอะไรไป”
“ข้า…ข้าแค่อยากจะดูว่าพวกมันแข็งแกร่งแค่ไหน ท่านอาจารย์ ท่านมักจะบอกข้าว่าการรู้จักตัวเอง และรู้จักศัตรูสามารถชนะการต่อสู้นับร้อยครั้งได้มิใช่หรือ? แม้ว่าข้าจะฝึกหมอเทวดาแต่คู่ต่อสู้ของข้าในอนาคตอาจไม่ใช่แค่หมอเทวดาเท่านั้น”
เฉิงหันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“เอาล่ะ แต่เจ้าต้องรับปากว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีก อาจารย์ยังคงรอให้เจ้าเป็นหนึ่งในหมอเทวดา!”
ซือถูซิงเฉินนางถอนหายใจด้วยความโล่งอก และเมื่อนางได้ยินประโยคสุดท้ายนั้น นางก็รู้สึกดีขึ้น “เจ้าค่ะ”
…
ทางด้านสำนักเทียนลู่ยังคงคึกคักเหมือนเดิม
หัวข้อสนทนาที่ทุกคนต่างถกเถียงค่อยๆ เปลี่ยนจากมู่หงอวี่เป็นฉู่หลิวเยว่
“พวกเจ้าไม่คิดหรือว่า เมื่อครู่นี้ฉู่หลิวเยว่นางสง่างามเป็นพิเศษ? ซือถูซิงเฉินถึงกับพูดไม่ออก ขนาดที่ทำให้เจ้าสำนักออกมาเผชิญหน้าด้วยตนเอง!”
“ที่นางพูดมาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าคนของเราชนะการประลองนี้แล้วเหตุใดต้องกล่าวขอโทษ? ข้าว่าฉู่หลิวเยว่นางมีน้ำใจพอ”
“อันที่จริงข้าคิดว่าการกล้าที่จะโต้แย้งในตอนแรกมันเป็นเพียงความกล้าหาญมากกว่าคนอื่น แต่แล้วคำพูดเหล่านั้นมีเหตุมีผลจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อาวุโสซุนจะก้าวลงมาแล้วยังทำให้อีกฝ่ายอับอาย! เจ้าต้องมีสมองมากเชียวล่ะ!”
“ฮ่าๆ ฟังดูไม่ดีเลยที่จะถอยกลับหลังจากขัดใจองค์รัชทายาทและครอบครัวของชู แม้จะชนะอย่างคลุมเครือ…ฉู่หลิวเยว่นี่เป็นคนที่ยุ่งด้วยยากจริงๆ”
…
หลายๆ คนที่นั่งอยู่รอบตัวของหรงจิ้นต่างเหงื่อออกทั่วตัว คนเหล่านี้จะพูดมากเกินไปทั้งที่เห็นว่าองค์รัชทายาทนั่งอยู่ที่นี่
“มัวทำอะไรอยู่ เงียบๆ หน่อย!”
ทุกคนต่างเงียบ “โอ้ เกือบลืมไปเลย องค์รัชทายาทยังอยู่ที่นี่!”
ประโยคร้อนร้นดังขึ้น คนเหล่านั้นที่พูดก็ได้แต่มองหน้ากันไปมา
จบเห่!
องค์รัชทายาทได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วหรือไม่? ระหว่างเขากับฉู่หลิวเยว่ก็เป็นเช่นเดียวกับน้ำและไฟที่มีการพูดเช่นนั้นมันเหมือนกับการทำให้องค์รัชทายาทไม่พอใจหรอกหรือ?
หนึ่งในนั้นจำต้องกัดฟันแล้วยิ้มประจบสอพลอ
“นั่น…พวกเรามาคุยกันแบบสบายๆ กันดีกว่า…อย่าสนใจพวกนั้นเลย เราจะไม่พูดถึงมันอีก หยุดพูด!” อีกหลายๆ คนก็เข้าร่วมอย่างรวดเร็ว “ใช่แล้วๆ พวกเราเพียงแค่คุยกันเล่น!”
“อันที่จริงแล้ว ฉู่หลิวเยว่นางไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น…”
“ใช่ๆ จะมาเทียบกับพี่น้องหลายๆ คนได้ที่ไหน ท่านคิดเสียว่าสิ่งที่พวกเราพูดคือการผายลม! พวกเรา…”
“ทั้งหมดที่พวกเจ้าพูดมันคือความจริง เหตุใดพวกเจ้าถึงจะพูดไม่ได้?” องค์รัชทายาทที่เงียบมาตลอดนั้นก็เอ่ยขึ้น
คนที่อยู่รอบข้างราวกับถูกฟ้าผ่า พวกเขาคิดว่าได้ยินไม่ผิดองค์รัชทายาทตรัสว่าอย่างไร?
เขาหมายถึงอะไร? แม้แต่ผู้ติดตามไม่กี่คนที่ตามองค์รัชทายาทมาตลอดก็ยังสับสน ภายในความเงียบที่น่าอึดอัด สุดท้ายองค์รัชทายาทก็หันหน้ามาและมองย้อนกลับไป
สายตายของเขากวาดมองผู้คนอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องมองที่ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ที่กำลังหลับตาและพักผ่อนอยู่ คนอื่นต่างพูดถึงนางอย่างกระตือรือร้น แต่นางกลับยังคงนิ่งเฉยและสงบจิตสงบใจ
เหตุใดเขาถึงไม่เคยรู้มาก่อน?
เขาลดเสียงลง
“เจ้านี่ยอดเยี่ยมจริงๆ” สิ้นเสียงนั้นทุกคนก็เงียบไป!
องค์รัชทายาทหมายความว่าอย่างไร? นี่เขากำลังชมฉู่หลิวเยว่จริงๆ หรือเป็นไปได้หรือไม่ว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตก เขาถึงได้พูดเช่นนั้น!
ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดเอ่ยชมขององค์รัชทายาทถึงกับไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังปรับลมหายใจของนางอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และลืมตาขึ้นมาทันใด
“ซือหยาง ที่เมืองหลวงนี่มีสถานที่ไหนล้างหูได้บ้าง?”
“หืม เจ้าถามอะไรแบบนี้” ซือหยางถามนางกลับ
ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ที่ไร้อารมณ์นั้น
“หูของข้ามันเพิ่งจะสกปรกน่ะ ข้าอยากล้างหูสักหน่อย”