ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 215 คลื่นใหญ่
ข่าวการปฏิเสธคำเชิญขององค์รัชทายาทที่เชิญฉู่หลิวเยว่นั้นมันแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในทันที ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นแตกต่างกันไป แต่เมื่อดูท่าทีของฉู่หลิวเยว่เห็นได้ชัดว่านางไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับองค์รัชทายาท
เมื่อก่อนนางไม่มีอะไรเลย นางยังกล้าที่จะรุกรานตระกูลฉู่และองค์รัชทายาท เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงตอนนี้?
ฉู่หลิวเยว่ในวันนี้ไม่ใช่คนขี้แพ้ที่ให้คนอื่นฆ่าอีกต่อไป
…
องค์รัชทายาทกลับไปที่พระราชวัง ยังคงอยู่ในอารมณ์มืดมน ซ่งหยวนคอยอยู่ข้างๆ เขาด้วยท่าทีระมัดระวัง
“ฝ่าบาท สำหรับเรื่องของวันนี้กระหม่อมส่งคนลงไปปิดข่าวนั้นแล้ว คนในเมืองหลวง…”
“ปิดอะไร ปล่อยให้พวกเขาส่งข่าวนั้นต่อ ยิ่งกว้างเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น”
องค์รัชทายาทระงับโทสะในใจของเขา สายตาที่มองซ่งหยวนช่างเย็นชา
ซ่งหยวนรู้สึกสับสน
“องค์ชาย ทรงหมายถึง…”
“เป็นการดีที่สุดที่จะให้บรรดาขุนนางในเมืองหลวงรู้เรื่องนี้” น้ำเสียงขององค์รัชทายาทเย็นชาเล็กน้อย
ซ่งหยวนเป็นคนสนิทของเขา คงจะคาดเดาความคิดของเขาได้ในทันที
“ท่านหมายถึง ในกรณีนี้จะทำให้ผู้อื่นรู้ ว่าท่าน…ยังสนใจแม่นางฉู่หลิวเยว่ ท่านจะได้ไม่ต้องกังวลว่าใครจะมายุ่มย่ามกับนาง” องค์รัชทายาทมิได้พูดออกมา แต่ท่าทางของเขาชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของเขาจะไม่ดีนัก แต่เขาก็ยังเป็นองค์รัชทายาทอยู่ คนเหล่านั้นในเมืองหลวงอย่างน้อยต้องไว้หน้าเขาไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม เมื่อเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปในวันนี้ ทุกคนจะได้รู้ว่าเขาจะต้องการเอาฉู่หลิวเยว่กลับมาให้ได้ ดังนั้นผู้คนที่สนใจก็จะอ่อนข้อให้โดยปริยาย
หลังจากวัยปักปิ่น[1]ของฉู่หลิวเยว่ แม้ว่านางจะเข้าเรียนที่สำนักเทียนลู่ แต่การทำให้ตระกูลฉู่และองค์รัชทายาทขุ่นเคือง จึงทำให้มีคนมาขอแต่งงานไม่มากนัก คนเหล่านั้นถูกปฏิเสธโดยฉู่หนิง
หลังจบงานสมาคมเยาวชน จะต้องมีผู้คนมากมายที่มีความคิดจะเข้าหานาง แต่ตราบใดที่เขาเคลื่อนไหวก่อน คนเหล่านั้นก็คงไม่กล้าแย่งนางกับเขา แม้ว่าฉู่หลิวเยว่ยังคงไม่พอใจกับเขาอยู่ในขณะนี้ แต่หลังจากผ่านไปนานนางจะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน ซึ่งเขาจะอดทนที่จะรอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของเขาก็ดูดีขึ้นมาทันใด ซ่งหยวนถามอย่างระมัดระวัง
“ฝ่าบาท นางผู้นั้น…เกรงว่านางจะไม่มีความสุข” แน่นอนว่านางผู้นั้นคือ ฉู่เซียนหมิ่น
ฉู่เซียนหมิ่นและฉู่หลิวเยว่คงได้ฉีกหน้ากันตั้งนานแล้ว หากองค์ชายวางแผนที่จะแต่งงานกับฉู่หลิวเยว่ ฉู่เซียนหมิ่นคงจะยอมรับไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่หากไม่ถึงเวลานั้นคงไม่มีทางรู้ว่าต้องทำเช่นไร!
องค์รัชทายาทลูบคางของเขาอย่างใช้ความคิดนึกไปถึงฉู่เซียนหมิ่น ความรังเกียจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“นางเป็นใคร? หากนางกล้าก่อความเดือดร้อนก็ใช้กฎพระราชวังขององค์รัชทายาทให้นางซะ!”
หัวใจของซ่งหยวนเต้นแรง เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ขอรับ” หลังจากนั้น องค์รัชทายาทก็อธิบายบางสิ่ง และซ่งหยวนก็ตอบทีละอย่าง แล้วเขาก็ออกมา
เมื่อเดินเข้าไปในลานบ้านพักของตน ในที่สุดซ่งหยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และแอบส่ายหัว คราที่แล้วเขาคิดว่าฉู่เซียนหมิ่นเป็นที่โปรดปราน แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีสิ่งใดทำให้นางจะหลุดพ้นจากการโปรดปรานอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าองค์รัชทายาทไม่สนใจนาง ดูเหมือนว่าในอนาคตไม่จำเป็นต้องเสนออะไรเลย แต่กลับเป็นฉู่หลิวเยว่ ที่องรัชทายาทต้องการ เขาไม่อาจรู้ได้ว่าองค์รัชทายาทคิดอะไรอยู่ องค์รัชทายาทมีแผนจะเอานางคนนั้นกลับมาอีกแล้วหรือ? และดูเหมือนว่ามันยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็น
แต่…เมื่อนึกถึงสิ่งที่ฉู่หลิวเยว่ได้ทำตั้งแต่ครั้งนั้น ซ่งหยวนก็กังวลขึ้นมาเล็กน้อย แม้แต่ตระกูลฉู่ที่เคยให้กำเนิดนางมา นางยังสามารถหันหลังให้อย่างไร้ความปราณี คงไม่ต้องพูดถึงองค์รัชทายาท?
ขณะนี้องค์จักรพรรดิจยาเหวินทรงไม่พอพระทัยกับองค์รัชทายาทมาก ไม่เพียงแต่ริบคืนสิทธิที่ได้มอบให้แก่องค์ชายเท่านั้น แต่ยังทรงกักขังองค์รัชทายาทในพระราชวังเป็นเวลานาน ในที่สุดการลงโทษก็ถูกยกเลิก แต่องค์รัชทายาทก็ต้องการทำเช่นนั้นอีกครั้ง…ไม่อาจคาดคิดเลยว่าองค์จักรพรรดิจยาเหวินจะมีปฏิกิริยาอย่างใด
…
ฉู่หลิวเยว่ไม่แม้แต่จะสนใจองค์รัชทายาทเลย นางเพียงรู้สึกว่าเขาคงป่วยด้วยพฤติกรรมต่างๆ ของเขาในวันนี้ หลังจากกลับมาที่สำนัก นางเพียงแค่ทำความสะอาดและขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อเริ่มฝึก
นางนั่งขัดสมาธิ กลั้นลมหายใจ แล้วดูดซับพลังรอบข้างของสวรรค์และโลกอย่างรวดเร็ว เวลาได้ผ่านไปทีละน้อย พลังที่มาบรรจบกันในร่างกายของฉู่หลิวเยว่นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงจุดตันเถียน หยดน้ำที่ลอยอยู่อย่างนิ่งงันเสมอค่อยๆ เคลื่อนตัวไปเล็กน้อย หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความสุข
ก่อนหน้านี้ นางสังเกตว่าดูเหมือนนางกำลังจะก้าวข้ามผ่านเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง แต่หยดน้ำนี้ลังเลที่จะลากเส้นที่สอง นางตั้งสมาธิรวบรวมพลังในร่างกายของนางให้เป็นหนึ่งเดียว และพุ่งตรงไปที่หยดน้ำ ในที่สุดนางก็เห็นคลื่นตื้นที่ปรากฏขึ้นบนผิวน้ำที่สงบและราบเรียบนั่น!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกประหม่าอย่างมาก ควบคุมพลังเพื่อพุ่งเข้าหามันอีกครั้ง เหนือหยดน้ำนั้นคลื่นค่อยๆ ก่อตัวขึ้น แม้แต่ลวดลายแรกที่สลักไว้ก็ดูเหมือนจะมีความผันผวนเล็กน้อย ฉู่หลิวเยว่รออย่างประหม่า
ถ้านางสามารถก้าวข้ามผ่านไปได้ ความกดดันในการประลองพรุ่งนี้ของนางจะลดลงอย่างมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือนางคิดว่าระดับของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งมันช่างต่ำเกินไป นางจ้องมองไปที่หยดน้ำนั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน คลื่นด้านบนก็เริ่มค่อยๆ ลดลง
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงตรงจุดนั้น หลังจากเฝ้าดูอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง นางก็เห็นว่าด้านบนนิ่งเงียบเช่นเคย เห็นได้ชัดว่าคงมีทางเดียวเท่านั้น นางไม่ได้ก้าวข้ามเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันอย่างมิอาจยอมรับได้!
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลังจากมีชีวิตอยู่มาสองชั่วชีวิตแล้ว นางต้องมาติดอยู่ที่นี่จริงๆ มันช่างยากเหลือเกินที่จะก้าวข้ามไปยังผู้ฝึกยุทธ์ระดับสอง ไม่มีผู้ใดกล่าวเกินจริงที่จะบอกว่านางได้ดูดซับพลังแห่งสวรรค์และโลก ซึ่งนั้นมันก็เพียงพอสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งที่จะฝ่าฟันกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่!
ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ชนะสองการประลองนั้น
แต่ระดับการฝึกนี้ก็ยังไม่พอที่จะทำให้ก้าวข้ามผ่านขึ้นไป!
นางถอนหายใจออกมาแล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง ความเร็วของการฝึกฝนชีพจรตี้จิงนั้นรวดเร็วมาก นางคิดว่านางสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของนางได้อย่างรวดเร็ว และกลับไปยังราชวงศ์เทียนลิ่งเพื่อที่จะได้แก้แค้น แต่เมื่อดูจากความเร็วของการฝึกฝนในตอนนี้แล้ว นางไม่อาจรู้เลยว่าต้องรออีกกี่เดือนกี่ปีที่จะถึงวันนั้น ‘เกิดอะไรขึ้นกับข้าเนี่ย คนอื่นๆ ต่างฝึกฝนกันเร็วมาก แต่ทำไมสำหรับข้ามันช้ายิ่งนัก’ ฉู่หลิวเยว่นางพึมพำกับตัวเอง หยดน้ำในตันเถียนนั้นสงบ และไม่เกิดคลื่นใดๆ เหมือนซึ่งไร้พละกำลัง
[1] วัยปักปิ่น คือ ช่วงวัยของเด็กสาวที่มีอายุสิบห้าปี ซึ่งถือเป็นวัยที่สามารถออกเรือนมีครอบครัวได้แล้ว