ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 216 ท้าดวล
วันที่สามของงานสมาคมเยาวชน
ท้องฟ้าอากาศแจ่มใสและสายลมที่อ่อนโยน ในวันนี้มีผู้คนในลานสนามจยาหนานมากกว่าสองวันก่อนหน้านี้
วันนี้เป็นวันสุดท้ายเป็นวันของรอบชิงชนะเลิศทำให้หลายคนสนใจงานในวันนี้มาก
ผู้ที่สามารถสร้างชื่อให้กับตนเองในงานสมาคมเยาวชน มักจะเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมากกับตระกูลชนชั้นสูงบางตระกูลชอบที่จะเลือกชายหนุ่มหรือหญิงสาวที่ชนะ พวกเขาจะหมายปองให้แต่งงานกัน
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่มาถึงที่นี่ นางก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่คุ้นเคย นางหันหน้าไปมองจึงเห็นฉู่หนิงในฝูงชนได้ในทันที เขานั่งอยู่ในหอผู้ชมที่อยู่ด้านหลังสำนักเทียนลู่ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าธรรมดาเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการดึงดูดความสนใจ
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่มองมา เขาก็โบกมือด้วยความยินดีทันที ฉู่หลิวเยว่นางเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
“พ่อมาหาเจ้า!” ฉู่หนิงมองลูกสาวด้วยความโล่งอก แค่เขาไม่ได้เจอนางมาสองสามวันก็ทำให้เขาก็คิดถึงนางมาก
“วันนี้ได้ข่าวว่าเจ้าเข้ารอบสุดท้าย พ่อจึงมาที่นี่” เขาถามในขณะที่มองหน้านาง
“พวกเขาบอกว่าเจ้าชนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่ถึงสองคน เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้เห็นความกังวลในสายตาของท่านพ่อ นางก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลไปข้าสบายดี และเมื่อท่านมาในวันนี้ดูข้าอยู่ตรงนี้ ลูกสาวของท่านคนนี้จะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ฉู่หนิงภูมิใจแต่ก็แอบเป็นกังวล
“เพียงแค่ทำให้ดีที่สุดก็เพียงพอเยว่เอ๋อร์ ร่างกายของเจ้านั้นสำคัญ รู้หรือไม่นี่เป็นครั้งแรกของเจ้าที่ได้เข้าร่วมในงานสมาคมเยาวชน การที่สามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกนั้นมีพลังมากอยู่แล้ว ในสนามเจ้าต้องระวังตัวด้วย”
หลังจากเหตุการณ์บรรพตวั่นหลิง ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาตอนนี้คือการที่เยว่เอ๋อร์นั้นปลอดภัย ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไรสำคัญ
ฉู่หลิวเยว่นางตีเบาๆ ที่ตรงแขนของเขา “ข้ารู้แล้ว”
ฉู่หนิงพยักหน้ารับกับสิ่งที่นางตอบ อย่างไรก็ตามเขามาอยู่ที่นี่ในวันนี้แล้ว เขาจะไม่ปล่อยให้คนอื่นรังแกเยว่เอ๋อร์อย่างแน่นอน!
ขณะนี้เขาเผอิญเงยหน้าขึ้นจึงได้เห็นองค์รัชทายาทสีหน้าของเขาที่ดูเย็นชาเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“เยว่เอ่อร์ องค์รัชทายาทเข้ามาพูดคุยและมาคุกคามกับเจ้าเมื่อวานใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่นางอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ทุกคนต่างบอกว่าองค์รัชทายาทกำลังเปลี่ยนใจนาง แต่มีเพียงท่านพ่อของนางที่พูดว่ามันเป็นการคุกคาม นี่คือพ่อของนางที่แท้จริง “ข้าไม่ได้สนใจเขาเลย”
“ดีแล้ว…ดีแล้ว”
เกือบชั่วข้ามคืน หลายคนรู้เกี่ยวกับความคิดริเริ่มขององค์รัชทายาทในการแสวงหาสันติภาพกับฉู่หลิวเยว่
หลังจากที่เขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แทนที่เขาจะมีความสุขครึ่งหนึ่ง เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่เป็นเวลาครึ่งวัน องค์รัชทายาทปฏิบัติต่อลูกสาวของเขาตั้งแต่แรกอย่างไรเขาจำได้ดี ตอนนี้ยังมีหน้ามาทำอะไรแบบนี้อีก
“เจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก คงจะดีถ้าองค์รัชทายาทยังยับยั้งชั่งใจตัวเองไว้ได้ ถ้าองค์รัชทายาทกล้าทำเช่นนี้อีก พ่อจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน!”
แม้ว่าเสียงของฉู่หนิงจะเบา แต่การแสดงออกของเขานั้นแสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังมาก
สำหรับคนอย่างองค์รัชทายาท ยิ่งอยู่ห่างยิ่งดี!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้ากับคำพูดนั้น “ที่ท่านพ่อพูดมาข้ารู้สึกสบายใจมาก แล้วท่านก็นั่งตรงนี้ก่อน ข้าจะกลับมาหาเมื่อการประลองจบลง”
ฉู่หนิงเอ่ยขึ้นมาทันที
“ได้…เจ้าไปเลย อย่ารอช้า!”
…
ไม่นานหลังจากที่ฉู่หลิวเยว่เข้าไปนั่งลง การประลองก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
กฎในการประลองสิบคนสุดท้ายนั้นง่ายมาก
สิบคนนี้ คนแรกที่มีอันดับผู้ที่เข้าร่วมในงานสมาคมเยาวชนจะได้จัดอันดับ อยู่แถวหน้าเรียงลำดับจากผลงานที่ดีที่สุดที่ผ่านมา
ผู้ที่เข้าร่วมในงานสมาคมเยาวชนเป็นครั้งแรกจะได้รับการจัดอันดับ อยู่แถวหลังเรียงลำดับยศของตัวเอง
สามอันดับแรกของปีที่แล้วได้จบการศึกษาทั้งหมด และไม่ได้เข้าร่วมงานสมาคมเยาวชนในปีนี้ ดังนั้น อันดับที่หนึ่งของปีนี้คือ
ซือถูจื่อเยว่จากสำนักไท่เหยี่ยนซึ่งได้ที่สี่เมื่อปีที่แล้ว
อันดับที่สองคือ องค์รัชทายาทที่ได้ที่ห้าปีเมื่อที่แล้ว
คนต่อไปนี้คือผู้ที่ได้รับการจัดอันดับที่ดีในงานสมาคมเยาวชนก่อนหน้านี้
น้องปีนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้
คนหนึ่งคือฉู่หลิวเยว่ อีกคนคือเยี่ยเฉินจยาจากสำนักหนานเฟิง
และระดับของเยี่ยเฉินจยา คือผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาม ดังนั้นฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งจึงอยู่ในอันดับที่สิบ
ผู้คนบนเวที นำป้ายไม้ที่ทำเครื่องหมายอันดับของพวกเขาที่รับจากมือของผู้อาวุโสซุนมาถือ
ฉู่หลิวเยว่เหลือบไปมองป้ายไม้ของนาง แน่นอนว่ามี ‘สิบ’ เขียนอยู่บนป้ายไม้ของนาง
สายตาของซุนจ้งเหยียนกวาดมองผู้คนมากมาย
“ตอนนี้พวกเจ้ามีอันดับของตัวเองแล้ว ในรอบชิงชนะเลิศต่อไปนี้พวกเจ้าจะถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม ห้าอันดับแรกและห้าอันดับหลัง ในรอบแรกห้าอันดับหลังสามารถเลือกคู่ประลองจากห้าอันดับแรกมาท้าดวลได้ หากท้าดวลแล้วชนะอันดับจะถูกแลกเปลี่ยนอันดับ! หากท้าดวลแล้วแพ้อันดับจะเป็นตามเดิม ในตอนต้นของรอบที่สอง ทุกคนสามารถท้าดวลผู้ที่มีอันดับสูงกว่าตนเองได้! การประลองจะดำเนินต่อไปจนกว่าทุกคนจะหยุดท้าดวล แล้วยอมรับอันดับของพวกเจ้าเองนั่นการตัดสินรอบชิงชนะเลิศ!”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง กฎข้อนี้เรียบง่ายแต่ก็ช่างโหดร้ายนัก
ถ้าต้องการชนะในอันดับที่หนึ่ง ไม่เพียงแค่ชนะเท่านั้น แต่ต้องสามารถชนะได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือจิตใจ มันเป็นกระบวนการที่ยาวนานและทรมานมาก
“หลิวเยว่ ตอนนี้เจ้าอยู่ในอันดับที่สิบ เจ้าจะได้เลือกก่อน”
ซุนจ้งเหยียนมองไปที่ฉู่หลิวเยว่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน ทุกคนต่างมองและเดากันว่าฉู่หลิวเยว่จะเลือกใครในการท้าดวลครั้งแรก ในบรรดาห้าคนเหล่านี้ องค์รัชทายาทก็เหมือนกับนางมาจากสำนักเทียนลู่ และมันก็สมเหตุสมผลที่นางจะไม่เลือก สี่คนที่เหลือ…มันเป็นเรื่องที่พูดยาก
‘อันดับต่ำสุดของห้าคนนั้นคืออยู่ระหว่างขึ้นระดับสี่ ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้กับคนเหล่านั้น…’
‘ข้าก็คิดเช่นนั้นแม้แต่อันดับที่เก้าเยี่ยเฉินจยาความแข็งแกร่งของนางไม่ควรถูกประเมินต่ำ ฉู่หลิวเยว่ไม่น่าจะมีโอกาสชนะ…’
‘คงไม่ต้องพูดถึงสองสามคนแรก อันดับที่สี่ซีหว่านหว่านนั้นเป็นปรมาจารย์ลึกลับ!’
‘คนเหล่านี้ล้วนมีหวังที่จะได้อันดับหนึ่งในปีนี้ และฉู่หลิวเยว่กำลังเผชิญหน้ากับพวกเขา…อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะแพ้ก็ยังอยู่อันดับที่สิบ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าร่วมในงานสมาคมเยาวชน ความสำเร็จนี้เพียงพอที่จะได้รับการยกย่อง!’
‘นั้นสิ! ดูเหมือนนางจะอายุแค่สิบสี่ปีในปีนี้…อนาคตไร้ขีดจํากัด! ถ้านางรออีกปีหรือสองปี ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับนางที่จะคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในงานสมาคมเยาวชน!’
…
ฝูงชนต่างพูดคุยถึงเรื่องนี้กันมากมาย ดวงตาของฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ข้างหน้านางในที่สุด สายตานั้นจ้องมองไปที่ผู้หนึ่ง
มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย “ฉู่หลิวเยว่จากสำนักเทียนลู่ ขอท้าดวลสำนักไท่เหยี่ยน…ซือถูจื่อเยว่!”
สิ้นเสียงนั้นกลับเงียบเหมือนตาย!
ฉู่หลิวเยว่ นางเลือกซือถูจื่อเยว่ที่เป็นอันดับหนึ่ง นางเสียสติไปแล้วหรือ!