ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 232 ขอบคุณ
ไม่มีใครคาดคิดว่าในที่สุดเรื่องต่างๆ จะมาถึงจุดนี้
ไม่มีแม้แต่กระดูกเหลืออยู่ เบาะแสก็พังทลายไปหมด ไม่สามารถสืบหาคนที่อยู่การบ่งการเรื่องนี้ได้เลย
“พักเรื่องนี้ไว้ก่อน หลังจากงานสมาคมเยาวชนจบลงพวกเราจะเริ่มตรวจสอบทันที”
ซุนจ้งเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นพวกเขาต่างก็กังวล เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีความคิด และไร้ความปรานี แน่นอน ไม่สนใจถึงชีวิตผู้คนไร้ประโยชน์ก็วางแผนการไว้เป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้สืบสาวถึง
งานสมาคมเยาวชนยังต้องดำเนินการต่อ ฝูอวิ๋นซานมองดูเฉิงหัน เหมือนกับว่าเขามองดูเรื่องตลก ตอนนี้เกรงว่าคนที่ต้องกังวลใจมากที่สุดคือคนจากสำนักไท่เหยี่ยน ความหายนะครั้งใหญ่นี้ซ่อนอยู่ในสำนักของพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่รู้เรื่องเลย หากผู้อาวุโสทั้งหลายๆ ท่านในสำนักคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ขึ้นในตอนนี้ เกรงว่าหัวใจของพวกเขาจะหยุดเต้นเสียก่อน
“ได้! ท้ายที่สุดเหิงจิ่งชั่วเป็นศิษย์ของสำนักไท่เหยี่ยน ข้าคิดว่าเรื่องนี้ควรส่งให้เป็นหน้าที่ของพี่เฉิงหัน ท่านว่าอย่างใดให้พวกเราช่วยหรือไม่?”
สีหน้าของเฉิงหันแสดงออกมาว่าเหมือนจะทนไม่ไหว
“เจ้ากำลังพูดอันใด!”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็หันกลับไปสู่ตำแหน่งเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการจะพูดอันใดอีก แต่ถึงอย่างใดเหมือนเขานั่งอยู่บนพรมที่เต็มไปด้วยเข็ม หากไม่ชัดเจนเขาและคนของสำนักไท่เหยี่ยนทั้งหมดก็จะไม่สามารถล้างมลทินได้
อันดับที่หนึ่งก็ไม่ได้รับ กลับกลายเป็นเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแทน…นี่มันอันใดกัน!
…
ฉู่หลิวเยว่ทิ้งความคิดของนาง มองไปที่เซียวเหวินหลิงและคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้ม
“อย่างใดก็ตาม…ตามกฎ พวกเจ้ายังท้าดวลกับข้าได้?”
ทันทีที่เซียวเหวินหลิงได้รับคำพูดก็สั่นสะท้านอย่างรวดเร็ว
“ไม่ๆ! ไม่ท้าดวล!”
“ข้าก็ไม่ท้าดวล ข้าบาดเจ็บ! ข้าเทียบไม่ได้!”
“นั่น…ข้าคิดว่าอันดับของข้านั้นดีแล้ว” ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วขึ้น
ถ้าไม่ท้าดวลก็ไม่ท้าดวล ทำท่าทางราวกับว่านางเป็นปีศาจตัวใหญ่น่ากลัวอย่างใดอย่างนั้น
อย่างที่ทุกคนรู้ในสายตาของคนไม่กี่คนเหล่านั้น เหมือนว่าตอนนี้นางกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ไม่สิ…ควรจะกล่าวว่าทุกคนในสนามประลองก็คิดเช่นนั้น
ในตอนนี้เหตุการณ์ที่เพียงพอนโลหิตของนางกลืนตะครุบจันทร์ของเหิงจิ่งชั่วยังคงตราตรึงอยู่ในใจของทุกคนอย่างลึกซึ้ง
ในเวลานี้ใครกันที่จะกล้าขึ้นไปท้าดวลฉู่หลิวเยว่ ถ้าถูกเพียงพอนโลหิตนั้นกัดคอชีวิตคงจะหาไม่!
“พวกเจ้าแน่ใจว่าจะไม่ท้าดวลต่อ?”
‘ไม่ ไม่ ไม่!’ หลายคนปฏิเสธพร้อมกัน
ริมฝีปากสีแดงของฉู่หลิวเยว่ยกโค้งที่สวยงาม
“ในกรณีนี้…ผู้อาวุโสซุน การประลองของผู้ฝึกยุทธ์สิ้นสุดแล้วหรือไม่?”
จากนั้นซุนจ้งเหยียนก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“ใช่แล้ว!”
ไม่มีใครท้าดวลต่อ ดังนั้นฉู่หลิวเยว่เป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่หนึ่ง!
อารมณ์ที่เป็นกังวลในตอนแรกของฉู่หลิวเยว่เริ่มจางลง และรอยพับบนใบหน้าของนางกลายเป็นรอยยิ้ม
“ข้าขอประกาศ! งานสมาคมเยาวชนในปีนี้ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่หนึ่งคือฉู่หลิวเยว่จากสำนักเทียนลู่”
…
ทิ้งเรื่องของเหิงจิ่งชั่วไปฉู่หลิวเยว่ชนะได้อันดับที่หนึ่งมา แต่ก็ปล่อยให้ทุกคนในสำนักเทียนลู่อยู่ในงานรื่นเริง พวกเขายังไม่สามารถคว้าอันดับที่หนึ่งนี้ได้ตลอดสามปีเต็ม การมีอยู่ของอัจฉริยะที่ทรงพลังเช่นนี้ทำให้พวกเขาอิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอน
สำนักหนานเฟิงยังดีอยู่ ในทางกลับกันสำนักไท่เหยี่ยนกลับถูกโยนกลับบ้านอย่างน่าเสียดาย จากความมั่นใจเต็มเปี่ยม ใครจะรู้ว่ามันจะจบลงเช่นนี้ เฉิงหันสูดหายใจเข้าลึกๆ โน้มน้าวตัวเองต่อไป ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่หนึ่งนั้นไม่มีอันใดพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีการประลองปรมาจารย์ลึกลับ และหมอเทวดารออยู่ข้างหลัง ปรมาจารย์ลึกลับของสำนักทั้งสามแห่งได้รับการพิจารณาว่าถูกแบ่งออกอย่างเท่าเทียมกัน และไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะจบลงที่ใดในท้ายที่สุด
อย่างใดก็ตาม สำนักไท่เหยี่ยนยังมีซือถูซิงเฉิน
ตราบใดที่สามารถเป็นที่หนึ่งในหมอเทวดาก็พอจะกู้ชื่อเสียงกลับมาได้บ้าง!
“หลิวเยว่ หลังจากที่งานสมาคมเยาวชนสิ้นสุดลง เจ้าสามารถเลือกหนึ่งในสามสำนักได้ เข้าห้องสมุด และยืมได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน เจ้าอยากไปที่ไหน?” ซุนจ้งเหยียนถามอย่างอารมณ์ดี
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มออกมา
“ศิษย์ยังคิดไม่ออก”
ซุนจ้งเหยียนก็ไม่สนใจ
“แล้วลองคิดดูอีกที งานสมาคมเยาวชนจะสิ้นสุดในสองวัน เช่นเดียวกันว่าเจ้าต้องเลือก”
แม่นางผู้นี้สามารถได้ที่หนึ่งซึ่งเกินความคาดหมายของทุกคน เขาไม่คิดว่านี่จะเป็นเรื่องปกติ
ฉู่หลิวเยว่ตอบอย่างเชื่อฟังแล้วกลับไปที่ตำแหน่งของนาง
ซือหยางตะลึงงัน
“เจ้าได้ที่หนึ่งจริงๆ…หลิวเยว่ เจ้ายังจะเข้าร่วมการแข่งขันปรมาจารย์ลึกลับหรือไม่?”
“เหตุใดจะไม่เข้าร่วม?” ฉู่หลิวเยว่ถามกลับ
นางยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่งของปรมาจารย์ลึกลับ
ซือหยางพูดอย่างเคร่งขรึม
“เจ้าชนะเป็นอันดับหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ได้ประลองกับคนมากมาย มันก็ไม่เลวสำหรับเจ้ามิใช่หรือ?”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาอย่างมั่นคง
“เจ้าเองไม่ได้บอกเองว่ารางวัลของงานสมาคมเยาวชนก่อนหน้านี้ผลตอบแทนมันดีมากใช่หรือไม่?”
ซือหยางปิดหน้าของเขาด้วยความสิ้นหวัง
มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด
…
วันที่สามของการประลองสิ้นสุดลง
ฉู่หลิวเยว่ที่ได้อันดับหนึ่งเป็นข่าวแรกที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในเมืองหลวง ในเวลาเดียวกัน หลายคนรู้เรื่องพิษของเหิงจิ่งชั่ว
ในเวลากลางดึก ณ วังขององค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทกำลังนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ฉู่เซียนหมิ่นกำลังรออย่างระมัดระวังอยู่หน้าเตียง แต่ดวงตาของนางผิดปกติเล็กน้อย อันที่จริงนางตั้งใจฟังจั่วหรง และจักรพรรดินีพูดคุยอยู่ข้างนอก
“เป็นความประมาทของกระหม่อมที่ทำให้องค์รัชทายาทถูกวางยาพิษ โชคดีที่โดนยาพิษไม่ไม่มากนัก และท่านทรงมีกำลังภายในที่ดีมากมาโดยตลอดจึงไม่ร้ายแรงมากต่อองค์รัชทายาท ตอนนี้ล้างพิษที่ตกค้างแล้ว องค์รัชทายาทพักสักครู่ก็จะทำให้ดีขึ้น”
นี่คือเสียงของจั่วหรง
แต่ที่นี่คือวังขององค์รัชทายาทต้องปฏิบัติตามคำพูดที่ให้เกียรติ และความต่ำต้อยเป็นธรรมดา
“เกรงใจอาจารย์จั่วหรงนักแต่ถ้าไม่มีเจ้า องค์รัชทายาทคงจะ…”
จักรพรรดินีเสด็จมาทันทีเมื่อได้ยินข่าว แม้ว่าจั่วหรงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่นางก็ยังกลัวอยู่ครู่หนึ่ง
จั่วหรงอุทานว่า
“ที่จริงแล้วคนที่พระองค์ควรจะขอบคุณไม่ใช่กระหม่อม แต่เป็นแม่นางฉู่หลิวเยว่ ถ้านางไม่ค้นพบแต่เนิ่นๆ กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าองค์รัชทายาทถูกวางยาพิษ ถ้าถึงเวลานั้นมีอันตรายต่อชีวิตองค์รัชทายาทแน่ๆ พ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดินีหยุดชะงัก
“คือ…ฉู่หลิวเยว่?”
จักรพรรดินีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“นางเป็นเด็กดี…ไม่ต้องกังวล เมื่อมีโอกาสเข้าวังแห่งนี้จะขอบคุณนางเป็นการส่วนตัว” ฉู่เซียนหมิ่นกำมือของนางโดยไม่รู้ตัว
ฉู่หลิวเยว่!
ฉู่หลิวเยว่อีกแล้ว!
แม้แต่จักรพรรดินีก็พูดอย่างนั้น!
“น้ำ…” เสียงครวญครางอ่อนมาก
ฉู่เซียนหมิ่นรีบมองไปที่เตียง แต่เห็นว่าองค์รัชทายาทได้ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย
“องค์รัชทายาทฟื้นแล้ว! เอาน้ำมาแล้วเร็วเข้า!”
ฉู่เซียนหมิ่นรีบส่งน้ำที่อยู่ข้างๆ มาป้อนอย่างระมัดระวังเพื่อให้องค์รัชทายาท ผู้คนภายนอกได้ยินการเคลื่อนไหวจึงรีบเข้าไปจักรพรรดินีเห็นว่าองค์รัชทายาทฟื้นแล้ว ดวงตาของนางเป็นสีแดงก็รีบตรงเข้าไป
“จิ้นเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว!”
ฉู่เซียนหมิ่นก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นว่าจักรพรรดินีไม่แม้แต่จะมองนาง นางก็อดไม่ได้ที่จะแอบกัดริมฝีปากของนาง
องค์รัชทายาทลืมตาขึ้นถามด้วยความลำบาก
“ใช่…หลิวเยว่เป็นคนช่วยลูกไว้ใช่หรือไม่”