ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 236 รีบวิ่ง
ลำแสงนับไม่ถ้วนกระจัดกระจาย หรงซิวรีบผละถอยออก
แต่เคียวสีเลือดก็ตามมาอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ยืนอยู่หลังก้อนหิน นางถูกพายุลมพัดปลิวจนแทบยืนไม่ไหว
หรงซิวได้รับบาดเจ็บมาก่อนการโจมตีครั้งนี้ทำให้เขาเสียเปรียบมากขึ้นไปอีก
“องค์ชาย หยุดตรงนั้นเสียเถิด เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก”
ชายชุดดำกล่าวน้ำเสียงที่เย็นชาขึ้น เคียวสีเลือดก็เปลี่ยนเป็นเศษซากหลายชิ้นพุ่งใส่หน้าไปยังหรงซิวอีกครั้งในชั่วพริบตาหรงซิวก็ถูกล้อมรอบ ขณะเดียวกันหรงซิวก็ยกข้อมือขึ้น น้ำทะเลปั่นป่วนก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ม่านน้ำขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นต่อหน้าเขา
“หึ” เคียวสีเลือดพุ่งเข้าไปในม่านน้ำ แต่ดูเหมือนว่าจะติดอยู่ในหล่ม ความเร็วของมันลดลง
“ทะเลของพรมแดนม่านฟ้า เหตุใดเจ้าสามารถควบคุมมันได้”
หรงซิวยิ้มบางๆ
“แม้ข้าจะควบคุมมันได้ไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับเจ้า” หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็ดีดนิ้ว ทันใดนั้น เปลวไฟสีเงินก็ปรากฏขึ้นบนปลายนิ้วของเขา ด้วยเสียงอันเยือกเย็นนี้ เปลวเพลิงสีเงินก็โบกสะบัดไปบนม่านน้ำ
บูม!
ราวกับประกายไฟที่ตกลงมาในกระทะน้ำมัน ไฟที่โหมกระหน่ำลุกขึ้นในทันที เหนือม่านน้ำ เปลวไฟสีเงินที่เจิดจ้าและรุนแรงลุกโชนในทันที
ชายชุดดำรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงผละถอย อย่างใดก็ตามในเวลานี้ม่านน้ำถูกปิดอีกครั้งข้างหลังเขา เปลวสีเงินลุกลามขึ้นแผดเผาไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดชายชุดดำเริ่มตื่นตระหนก เขาคิดว่าเขตแดนของหรงซิวถูกระงับแต่กลับคาดการผิด ดังนั้นหรงซิวต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขานึกไม่เลยว่าหรงซิวจะมีสามารถถึงเพียงนี้
“ความแข็งแกร่งขององค์ชายไม่ควรมองข้าม น่าเสียดายคราวนี้ข้าก็เตรียมตัวที่จะสู้กับองค์ชาย”
ทันทีที่เอ่ยจบพลังของรอบข้างก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว มีแสงปรากฏบนตัวของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ในไม่ช้าฉู่หลิวเยว่สังเกตว่าดูเหมือนว่าจะมีคลื่นในท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลจากโลก
ชายชุดดำผู้นั้น…เพิ่มพลังของเขาจนจุดสูงสุดของลำดับที่หก
เมื่อรู้สึกถึงลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ที่เกือบถึงระดับเจ็ดปรากฏโดยรอบ พรมแดนม่านฟ้าแปรปรวน
“นอกพรมแดนม่านฟ้าระดับสูงสุดสามารถไปถึงจุดสูงสุดระดับหกได้ องค์ชายมีพลังเกินกว่าจะถูกกดขี่จากเขตแดนนี้ เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้อย่างใด”
ชายชุดดำหัวเราะอย่างประหลาด ทันใดนั้นโซ่สีขาวก็หลุดออกจากเสื้อคลุมของเขา
โซ่ดูเหมือนทำจากกระดูกสีขาวที่แกะสลัก และร้อยเข้าด้วยกัน โปร่งใส และเย็นยะเยือก หากมองใกล้ๆ จะเห็นคราบเลือดที่แห้งอยู่เต็มไปหมดมันช่างน่ากลัว
โซ่พุ่งตรงไปเจาะม่านน้ำอย่างรวดเร็ว!
แต่กลับถูกสกัดกั้นอีกครั้งเมื่อเปลวไฟสีเงินเข้ามาใกล้ คราบเลือดสีแดงเข้มบนกระดูกก็ดิ้นพล่าน
เปลวไฟสีเงินเคลือบลงบนโซ่ หากฟังให้ดีจะได้ยินเพียงเสียงแตกเป็นชุดราวกับผีกำลังร้องไห้
เหนือม่านน้ำเป็นรูถูกกลืนไปทีละน้อย
“หึ!”
เปลวไฟชั้นสุดท้ายถูกทำลาย และโซ่ก็พุ่งเข้าหาหรงซิวอย่างรวดเร็ว
หรงซิวลืมตาขึ้นทันทีลึกเข้าไปในตาของเขา ตอนนี้มันเป็นไปด้วยโทสะ
ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และจับโซ่ไว้แน่น ชายชุดดำมองขึ้นไปบนฟ้าหัวเราะในทันใด
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่านี่ยังคงอยู่พรมแดนม่านฟ้างั้นหรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าร่างทองคําของนอกพรมแดนม่านฟ้ามันไม่สามารถถูกเรียกได้ หึ วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก
“โซ่พราย…ระเบิด”
ปัง ปัง ปัง!
กระดูกบนโซ่ก็แตกออกทีละชิ้น หรงซิวสะบัดข้อมือของเขาแล้วโซ่ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังอันทรงพลังแผ่ขยายไปยังชายชุดดำอย่างรวดเร็ว ที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสองคน
ทั้งสองคนถูกพลังโจมตี และลอยออกไปพร้อมกันคนละทิศทาง เสวี่ยเสวี่ยเปล่งเสียงคำรามต่ำ และบินออกไปอย่างรวดเร็ว
มันต้องการไปรับหรงซิว แต่พลังที่เกี่ยวข้องนั้นรุนแรงเกินไปเขาได้รับบาดเจ็บด้วย ดังนั้นมันจึงล้มลงพร้อมกับหรงซิว
กรงเล็บของเสวี่ยเสวี่ยแตะลงบนก้นทะเลแล้วกระแทกไปกับแนวปะการังจนในที่สุดมันก็หยุด
แม้ว่าหรงซิวจะมีเสวี่ยเสวี่ยต้านแรงปะทะ แต่เขาก็ยังกระแทกแนวปะการัง
ส่วนชายชุดดำแม้ว่าเขาจะได้รับผลกระทบด้วย แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บเท่ากับหรงซิวทำให้รูปร่างของเขาเสถียรขึ้นอย่างรวดเร็ว
ครานี้ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของจะเป็นของใครสามารถมองเห็นได้ตั้งแต่ชัดแล้ว
มือของหรงซิววางอยู่บนแนวปะการังที่ขรุขระกำลังจะหันหลังกลับเมื่อจู่ๆ เขาก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นได้ และเงยหน้าขึ้นมอง
หลังจากที่เห็นแนวปะการังในเงามืดก็มีดวงตาคู่หนึ่งที่ชัดเจน
ใบหน้านั้นเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยเกินไป
เยว่เอ๋อร์!…นางมาได้อย่างใด
ก่อนที่หรงซิวจะมีเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนาง เขารู้สึกว่ามีลมเย็นพัดมาจากข้างหลังเขา
เขาเอ่ยกระซิบอย่างรวดเร็วและหนักแน่น
“หลบ!”
อย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่ไม่ได้หลบ แต่กลับมีไฟลุกโชนในดวงตา
เมื่อนางมองไปที่หรงซิวในตอนนี้ นางก็เห็นคราบเลือดบนเขา และร่างกายของหรงซิวได้อย่างชัดเจน
นับตั้งแต่ที่พวกเขาพบกันหรงซิวที่นางเห็นนั้นแข็งแกร่ง และสงบอยู่เสมอแม้ว่าจะต่อสู้กับนาคาปีกทมิฬกลืนเวหา
เสื้อผ้าของเขาเรียบร้อยเหมือนใหม่เสมอ เขาไม่เคยดูอึดอัดใจขนาดนี้มาก่อน ด้วยเหตุผลบางอย่าง โทสะที่ไม่รู้มีมากจากไหนก็ผุดขึ้นในใจนางทันที
ใบดาบคมสีเลือดพุ่งขึ้นไปในอากาศ มันก็กำลังจะพุ่งตรงมาหาหรงซิว
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน นางกระโดดออกมาจากด้านหลังแนวปะการัง นางพุ่งตรงไปดึงหรงซิวหลบมาทันที
ขณะเดียวกันเคียวสีเลือดมาถึงแล้ว มันใกล้แค่เอื้อมฉู่หลิวเยว่สบตากับหรงซิวก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกน่าสะพรึงกลัว และความกดดัน นางจับมือของหรงซิวไว้แน่น
“เยว่เอ๋อร์!”
หรงซิวเดาได้ทันทีว่าฉู่หลิวเยว่กำลังจะทำอันใด หัวใจของเขาก็ถูกอันใดบางอย่างบีบรัด พลังของนางในตอนนี้จะต้านทานการโจมตีนี้ได้อย่างใด…ไม่มีทาง!
“อู้หู…”
ทันใดนั้นถวนจื่อก็บินตรงไปที่เคียวเลือด ร่างเล็กๆ ของมันถูกพลิกกลับในพริบตา
ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ์สูงสุดระดับหกนั้นช่างน่ากลัวเสียจริงไม่ใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่าย
ในอีกด้านหนึ่งเสวี่ยเสวี่ยพยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้น แต่ด้วยบาดแผลอีกหลายจุดบนร่างกายของมันจึงไม่สามารถลุกขึ้นได้เลย
ฉู่หลิวเยว่ก็ผลักหรงซิวออกไป หัวใจของหรงซิวนั้นว่างเปล่า
ในวินาทีต่อมา หรงซิวก็ดึงฉู่หลิวเยว่เข้าไปในอ้อมแขนของเขาแน่น
ฉู่หลิวเยว่กระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาทันที ทำให้ปลายจมูกของนางก็เจ็บ
แต่ในเวลานี้ฉู่หลิวเยว่ไม่สนใจเรื่องนี้ และประโยคแรกที่โพล่งออกมาคือ…
“อันตราย รีบวิ่ง!”