ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 77.4
ตอนที่ 77-4 อย่าเป็นอะไรนะ!
ร่างของหลี่เว่ยหยางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและรู้สึกไม่สบายใจมาก ขณะที่ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา
อย่างไรก็ตามหลี่หมินเต๋อเห็นผู้โจมตีล้มลงพร้อมกับเลือดที่ไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้น
“กําลังเสริมมาแล้ว!”
หลังจากคํากล่าวนั้นสิ้นสุดลงหลี่หมินเต๋อก็เห็นบุคคลสวมหน้ากากประมาณสิบคนในชุดสีน้ําเงินพุ่งตัวทะยานมาข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดและจ้วงแทงเข้าไปท่ามกลางมือสังหารเหล่านั้น
ขณะที่ความโล่งใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเด็กชาย อย่างไรก็ตามจังหวะนั้นทั่วเปาหยูร้องอย่างหวาดกลัวว่า
“ไม่! นี่ไม่ใช่กําลังเสริมของข้า!”
เขากล่าวโดยไม่หยุดแกว่งดาบไปมาเพื่อต่อสู้ และใช้ประโยชน์จากความสับสนนี้ทําให้บรรดามือสังหารกระจัดกระจาย
เมื่อเห็นว่ากําลังคนที่เข้ามาใหม่นี้ไม่ใช่ของตนเอง ความคิดของตัวเปาหยูก็เปลี่ยนไป โดยเขาผิวปากหนึ่งครั้งเพื่อเรียกม้าสีขาวให้มาพลางตะโกนว่า
“ไปที่ม้า!”
เขาลดดาบลงและโบกมือให้เธอ และช่วยประคองร่างของหลี่เว่ยหยางขึ้นไปบนหลังม้า และโดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยหลี่หมินเต๋อ
ตอนนี้หลี่เว่ยหยางดึงบังเหียนอย่างแน่นหนาและจ้องไปที่ทั่วเปาหยูอย่างมีความหมายราวกับว่าเป็นการบีบบังคับจนเขาถึงกับสะดุ้ง
จากนั้นตัวเปาหยูก็ขมวดคิ้วและรีบผลักหลี่หมินเต๋อไปข้างหน้าพร้อมกับดันให้เขาขึ้นไปบนหลังม้า:
“เร็วเข้า!”
หลังจากนั้นเขาก็ส่งม้าออกออกไปจากวงล้อมอย่างรวดเร็ว ขณะที่หลี่เหว่ยหยางได้ยินเพียงแค่เสียงลมที่ดังกึกก้องซึ่งพัดผ่านเข้าไปในหูของตนเอง ราวกับว่ามีลูกศรแหลมคมแทงทะลุอากาศไล่ตามพวกนางมา
หญิงสาวกลั้นหายใจและจับมือของหลี่หมินเต๋อแน่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกศรสองดอกพุ่งผ่านเส้นผมของนาง โดยหลี่เว่ยหยางลดเสียงลงทันที
“หมินเต๋อ! หมอบลง!”
หลังจากนั้นนางได้ยกบังเหียนเพื่อเร่งม้าไปข้างหน้าโดยทิ้งมือสังหารทั้งหมดไว้ข้างหลัง
สภาพแวดล้อมของนางเป็นเหมือนกับกําลังบินอยู่ท่ามกลางลมพายุที่รุนแรง โดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว
ม้ายังคงแล่นไปข้างหน้ายิ่งพวกเขาไปไกลเท่าไหร่ทุกอย่างก็หายไปเร็วขึ้น
และเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ไล่ตามมาอีกแล้ว หัวใจของนางก็เริ่มสงบลงอีกครั้ง ขณะที่สายลมยามเย็นพักผ่อนมาทําให้เกิดอาการหนาวสั่นที่คุ้นเคย ราวกับมีดกําลังกรีดผ่านใบหน้าของตนเอง หญิงสาวจึงก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“หมินเต๋อ…”
หลี่เว่ยหยางหยุดหายใจเพียงเพื่อรับลมหนาวและความหนาวเย็นที่ซึมเข้าไปในกระดูกของตนเอง จากนั้นจึงเรียกชื่อของหลี่หมินเต๋อถึงสองครั้ง
แต่เขาไม่ตอบกลับมา ราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรเลย หลี่เว่ยหยางคิดว่าเขาไม่ได้ยินเสียงของตนเองจึงตะโกนเรียกอีกสองสามครั้ง
แต่เขาก็ยังไม่ตอบรับ ทําให้หลี่เว่ยหยางรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมากขณะที่หันกลับไปเพื่อตรวจสอบใบหน้าของเขา
และเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียวมาก ขณะที่ดวงตาของเขาบิดลงพร้อมกับมีเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก ราวกับว่าเขากําลังพยายามอดทนกับบางอย่าง
หลี่เว่ยหยางรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความกังวลใจว่า
“หมินเต๋อเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“พี่สา…”
แม้แต่เสียงของหลี่หมินเต๋อ ก็ยังสั่นสะท้าน ขณะที่กล่าวได้เพียงแค่สองคํา แต่ราวกับว่าเขากําลังใช้พละกําลังทั้งหมดที่มีอยู่
“ข้า…ข้า…”
เสียงนั้นทําให้หลี่เว่ยหยางรู้สึกว่าหัวใจของตนเองเริ่มเต้นผิดจังหวะด้วยความสับสน
เมื่อเห็นหลี่เว่ยหยางและหลี่หมินเต๋อหนีไปแล้ว มือสังหารและบุคคลในชุดเครื่องแบบสีน้ําเงินจึงต้องการไล่ตามพวกเขาไป
อย่างไรก็ตามกําลังเสริมของ ทัวเปาหยูมาถึงแล้ว โดยหัวหน้าหมู่ทหารที่เป็นผู้นําองครักษ์รีบวิ่งเข้ามาหา:
“องค์ชาย!”
ทัวเปาหยูเหวี่ยงแขนออกอย่างอารมณ์เสีย:
“จับพวกมันให้ได้!”
บุคคลในชุดสีน้ําเงินมีความเฉลียวฉลาด พวกเขาผิวปากหนึ่งครั้งและถอยกลับไปอย่างรวดเร็วเหมือนกระแสน้ําที่ลดลงในทันที
มือสังหารที่เหลือตอบสนองไม่ทันเมื่อถูกล้อมโดยองครักษ์ของตัวเปาหยูแล้ว
ตอนนี้หลี่เว่ยหยางที่กําลังอยู่ในป่าดึงบังเหียนกลับมา ซึ่งทําให้ม้าเริ่มชะลอตัวและหยุดลงในที่สุด เพราะหลี่เว่ยหยางต้อง การตรวจสอบอาการของหลี่หมินเพื่ออย่างใกล้ชิดมากขึ้น
หลี่หมินเต๋อที่อยู่ด้านหลังและกอดนางมาตลอดทางโดยไม่กล่าวอะไรเลยและกําลังจะล้มลงกับพื้น
ทําให้หลี่เว่ยหยางตื่นตระหนกและรีบดึงเขากลับมา แต่นางไม่มีแรงเพียงพอทั้งคู่จึงตกจากหลังม้า
ด้วยความตกใจม้าตัวนั้นหลุดออกไปราวกับถูกขับไล่อย่างบ้าคลั่ง หลี่เว่ยหยางจึงปล่อยมันไป และรีบเข้าไปตรวจสอบหลี่หมิ่นเต่อทันทีด้วยความเป็นห่วง
“หมินเต๋อ!”
นางเรียกชื่อเขา ขณะที่ตาของเขายังคงปิดแน่นและไม่ตอบสนองต่อเสียงร้องเรียกของพี่สาวเลย
หลี่เว่ยหยางสัมผัสได้ถึงความชื้นบริเวณด้านหลังของเด็กชาย จึงใช้มือคลําดูเพื่อตรวจสอบ
ภายใต้แสงสว่างของพระจันทร์ หญิงสาวจึงสามารถแยกแยะได้ว่าความเปียกชื้นนั้นมาจากเลือดสด ขณะที่ดวงตาของหลี่เว่ยหยางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ จึงพบว่ามีลูกศรขนาดเล็กยื่นออกมาจากหลังของหลี่หมินเต๋อ
ก่อนหน้านี้เขาต้องถูกลูกศรพุ่งเข้าปัก!
นางจําได้อย่างชัดเจนว่า ตนเองบอกให้เขาหมอบลง แล้วเหตุใดเขาจึงยังหลบไม่พ้น?
ตอนนี้หญิงสาวได้ยินเสียงการเต้นของหัวใจที่เป็นจังหวะ พลางนึกขึ้นมาได้ว่า หากหลี่หมินเต๋อหมอบลงแล้ว หลังของนางจะต้องถูกลูกศรของศัตรูปัก และคนที่ได้รับบาดเจ็บก็ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน!
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในใจ นางก็รู้สึกปวดในหัวใจราวก็ว่ามันกําลังตีบตันและเจ็บจนแทบจะหายใจไม่ออก
“หมินเต๋อ! หมินเต๋อ!”
หลี่เว่ยหยางไม่มีเวลาคิดอีกต่อไป นางกวาดสายตามองไปบริเวณโดยรอบด้วยความตื่นตระหนก แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะไม่ได้สนใจที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อมของตนเองอย่างรอบคอบ
ซึ่งตอนนี้นางไม่เห็นมือสังหารหรือแม้แต่เงาของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
แล้วตอนนี้จะเอาอย่างไรต่อดี?
นางจะใช้นิ้วมือตรวจสอบลมหายใจของเด็กชายดีหรือไม่?
ไม่! ไม่! นางทําไม่ได้!
ไม่ได้อย่างแน่นอน!
นางได้สัญญากับฮูหยินสามเอาไว้แล้วว่าตนเองจะดูแลหลี่หมินเต๋อเป็นอย่างดี แล้วตอนนี้…