ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 79.3
ตอนที่ 79-3 เจ้าต้องรอด
หลี่เว่ยหยางพยายามทําความเข้าใจวิธีการทํางานของมัน ขณะที่หลี่หมิ่นเต๋อเผยให้เห็นความตื่นเต้นและกล่าวทันทีว่า:
“คนอื่นสามารถสั่งงูตัวนี้ได้หรือเปล่า?”
ชายชุดเทารู้สึกประหลาดใจและสายหัว เขาใช้ความพยายามอย่างมากในการฝึกงูตัวนี้เพื่อใช้เป็นผู้ส่งสารระหว่างเขากับผู้ใต้บังคับบัญชา
ในสถานการณ์ที่เลวร้าย อย่ากล่าวถึงว่าคนอื่นจะแตะต้องมันเลย แม้แต่การเข้าไปใกล้มันก็หมายถึงการถูกกัดจนตายแล้ว
บีหยางเป็นงูที่มีขนาดเล็ก แต่มีพิษร้ายแรงมาก
หลี่เว่ยหยางรู้สึกผิดหวังอย่างกะทันหันเนื่องจากนางสนใจงูตัวนี้มาก
แน่นอนว่าหลี่หมินเต๋อสามารถสังเกตเห็นการแสดงออกที่ละเอียดอ่อนของหลี่เว่ยหยางจึงเปล่งเสียงเบา ๆ ว่า
“มีวิธีอื่นอีกหรือไม่?”
ชายในชุดสีเทาคิดว่าเขาชอบมันจึงมีความสุขมากพลางกล่าวว่า
“หากนายน้อยชอบมัน บ่าวจะมอบให้ท่านสองตัว ซึ่งมันจะเชื่อฟังคําสั่งของท่านเท่านั้นและจะไม่ทําอันตรายท่านอย่างแน่นอน”
หลี่หมิ่นเต๋อพยักหน้า
ต่อจากนั้นชายในชุดสีเทาเผยให้เห็นถึงความลังเลใจ ขณะที่หลี่เว่ยหยางสังเกตเห็นและรู้ว่าเขาต้องการกล่าวอะไรบางอย่าง นางจึงลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า
“ข้าอยู่ในห้องนี้นานเกินไปแล้ว ตอนนี้ข้าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง”
ชายชุดเทาทําหน้าเฉยเมยอย่างเย็นชา และเขาไม่เคยกลัวว่าหลี่เว่ยหยางจะหนีไป เพราะมีคนของเขาประจําการอยู่ด้านนอก
ซึ่งหากไม่ได้รับความยินยอมจากเขา แม้แต่แมลงวันก็ไม่สามารถออกจากที่นี่ได้
หลังจากที่หลี่เว่ยหยางจากไป หลี่หมินเต๋อก็พิงเบาะอย่างอ่อนแรง
เห็นได้ชัดว่าเขาแสร้งทําเป็นนิ่งสงบ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขารู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานไปทั่วทั้งร่างกาย
โดยรู้สึกเหมือนมีไฟลุกไหม้จากบริเวณลําคอไปยังอวัยวะภายในราวกับว่ามันกําลังจะฉีกทั้งร่างของเขาให้ขาดออกจากกัน ซึ่งความเจ็บปวดเช่นนี้เขาไม่เคยสัมผัสมันมาก่อน
ชายในชุดสีเทาก้าวมาข้างหน้าและกระซิบว่า
“นายน้อยไม่ต้องห่วงนาง ด้านนอกมีคนรับใช้ของบ่าวดูแลอยู่ แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่านางรู้ตัวตนของท่านหรือยัง…”
“หากท่านกล้าทําร้ายนางก็ก้าวข้ามศพข้าไปก่อน!”
หลี่หมินเต๋อกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นจากเตียงอย่างกระวนกระวายใจ
แต่หลังจากลุกขึ้นยืนแล้ว เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีใครวางหม้อไฟไว้ที่หน้าอกของตนเองและร้อนรุ่มเหมือนมีไฟมาสุมอก
และรู้สึกหายใจไม่ออกเหมือนมีใครเอาผ้ามาอุดจมูกของตนเองเอาไว้ ขณะที่เขาพยายามต่อสู้อย่างสุดกําลังเพื่อสูดอากาศหายใจและล้มลงทันที!
ชายในชุดสีเทาไม่เคยคาดหวังว่าหลี่หมินเต๋อผู้อ่อนแอจะกล่าวคําที่เยือกเย็นเช่นนี้ ทําให้เขารู้สึกตกใจ เดิมทีเขาคิดว่านายน้อยของตนเองนั้นไร้เดียงสา
แต่เมื่อมองไปที่เขาตอนนี้เขารู้สึกว่าความโหดเหี้ยมและความจริงใจสามารถมองเห็นได้จากเด็กหนุ่มคนนี้ซึ่งค่อนข้างน่าประทับใจ
และหากเขาต้องการปกป้องใครสักคน เขาจะสละชีวิตซึ่งคล้ายกับบิดาของเขามาก!
แม้ว่าชายชุดเทาจะมีความคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่กล้าที่จะทําโดยไม่ได้รับอนุญาตจึงคุกเข่าลงทันที:
“นายน้อยอย่าโกรธบ่าวเลย ต่อไปบ่าวไม่กล้าทําอีกแล้ว!”
หลี่หมินเต๋อต้องการจะกล่าวบางอย่าง แต่ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ และรู้สึกเหมือนเลือดในร่างกายทั้งหมดกําลังพุ่งพล่านไปทุกทิศทางด้วยความสับสน ราวกับว่ามันมันกําลังจะพ่นออกมาทางปาก
และตอนนี้รู้สึกราวกับว่ามีมดนับล้านตัวกําลังกัดทั่วทุกรูขุมขนของร่างกายเขา ซึ่งมันรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ขณะที่มีแสงวาบผ่านดวงตาของเด็กชาย โดยมีอาการวิงเวียนศีรษะเกิดขึ้น และหายใจได้ยากลําบากมากขึ้นเรื่อย ๆ มันเหมือนกับว่าร่างทั้งร่างกําลังจะระเบิดออก
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหวาดกลัวและเอื้อมมือไปคว้าบางอย่าง ขณะที่เรียกชื่อหลี่เว่ยหยางโดยไม่รู้ตัว
ชายชุดเทาสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติจึงรีบวิ่งออกไปเพื่อเรียกผู้คนให้เข้ามาช่วย
หลี่หมินเต๋อรู้สึกว่าเขาไม่สามารถอยู่รอดได้อีกต่อไปแล้ว แต่ในเวลานี้มีมือที่อบอุ่นและอ่อนโยนคู่หนึ่งจับเขาไว้ เด็กชายจึงลืมตาขึ้นอย่างหมดหวังและเห็นใบหน้าของหลี่เว่ยหยาง
ในตอนนี้ความสงบและความอ่อนโยนตามปกติบนใบหน้าของนางไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไปและแทนที่ด้วยความตื่นตระหนกอย่างช้า ๆ
หลี่เว่ยหยางนึกไม่ถึงว่าตนเองจะเห็นสิ่งนี้หลังจากกลับมาหาเขา และรู้สึกกังวลใจมาก
นางไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้นี้กลายเป็นคนที่สําคัญสําหรับนางมาก
เดิมที่หญิงสาวคิดว่าเขาจะกลายเป็นภาระและความรับผิดชอบของตนเอง แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้นางเห็นเขาเป็นในครอบครัวของนางไปแล้ว!
“หมินเต๋อเจ้าต้องอยู่ต่อ! ข้าสัญญากับท่านแม่ของเจ้าแล้ว!เจ้าอย่าทําให้ข้าต้องผิดหวัง! หมินเต๋อ!เจ้าต้องฟังข้า!”
หลี่เว่ยหยางคอยเรียกชื่อและสนทนากับหลี่หมินเต๋อจนกว่าเขาจะได้สติกลับคืนมา
เมื่อเห็นหลี่เว่ยหยางอยู่ตรงหน้า หลี่หมินเต๋อก็กัดริมฝีปากของตนเองและพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นอย่างเต็มที่พลางยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าสบายดี..”
ตอนนี้ริมฝีปากของเขาแห้งมากอีกทั้งยังมีร่องรอยของเลือด
หลี่เว่ยหยางฟื้นคืนสติขึ้นมาและรับถ้วยน้ําชาที่ส่งมาให้นางจากสาวใช้ด้านข้าง นางใช้ผ้านุ่มน้ําและซับริมฝีปากของเขาเบา ๆ
“เจ้าต้องรอด จากนี้ข้าจะสอนวิธีใช้เวทมนตร์…”
หลี่หมินเต๋ออดไม่ได้ที่จะยิ้มและหลับตาลงเล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็ใช้ความเจ็บปวดนี้แลกกับความเห็นใจของนางได้ มันเยี่ยมมาก เพราะนางไม่ได้ทิ้งเขาไปเหมือนที่มารดาของเขาทํา
มารดาเคยสัญญากับเขาก่อนหน้านี้ว่านางจะอยู่เคียงข้างเขา แต่ชีวิตของนางก็ยังถูกพรากไปด้วยความตาย ตอนนี้บนโลกใบนี้เขาเหลือเพียงพี่สาวผู้นี้คนเดียวเท่านั้นที่เขาไว้ใจ