ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 84.1
ตอนที่ 84-1 กําแพงล้อมรอบ
เจ้าอาวาสวัดผูจองค์ปัจจุบันอายุแปดสิบกว่าปีแล้วแ ละก่อนที่จะมาบวชเป็นพระท่านเคยเป็นนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถกว้างขวางมาก่อนในสมัยที่เป็นฆราวาส
แต่ชีวิตของเขามีการผกผันหลายครั้งและเต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนาม จนทําให้รู้สึกปลงตก ท้ายที่สุดก็ถูกเหยียดหยามจึงโกนหัวบวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรม
โดยตอนนี้ท่านรับหน้าที่ดูแลวัดนี้ พร้อมกับศึกษาพระพุทธศาสนาด้วยความบริสุทธิ์ใจและกลายเป็นพระอาวุโสที่มีเกียรติและเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลทั่วไป
เมื่อทราบว่าคนของบ้านตระกูลหลี่จะมากราบขอพรที่วัด เจ้าอาวาสผู้ชราพร้อมด้วยพระที่มีหน้าที่ต้อนรับจึงไปยืนรอที่บริเวณประตูวัดเพื่อต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว
เมื่อขบวนรถม้าเดินทางมาถึงแล้ว ฮูหยินใหญ่ก็ก้าวลงมาจากรถม้าโดยมีสาวใช้คอยพยุงร่าง ขณะที่นางเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตูอาราม และเห็นว่าเจ้าอาวาสที่สวมจีวรสีแดงอมน้ําตาลเดินนําหน้าคณะนักบวชที่ยืนอยู่บริเวณหน้าประตูวัด
มันช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจเสียเหลือเกิน และสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างที่มาเยี่ยมชมวัดแห่งนี้ได้โดยไม่ต้องสงสัย
เมื่อเจ้าอาวาสเห็นฮูหยินใหญ่มาก็รีบก้าวไปข้างหน้า พลางพนมมือทั้งสองข้างในท่าทางอธิษฐานพร้อมกับกล่าวว่า
“อามิตตาพุทธ! การปรากฏตัวของฮูหยินบ้านตระกูลหลี่ในวันนี้นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! อาตมาออกมาต้อนรับช้าไปหน่อย หวังว่าฮูหยินจะให้อภัย!”
ฮูหยินใหญ่รีบปั้นหน้าเป็นผู้มีเมตตาทันทีและกล่าวว่า
“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย! ท่านอาจารย์เป็นพระอาวุโส ข้ารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทําให้ท่านต้องลําบากออกมาต้อนรับ ข้าไม่สมควรได้รับเกียรติเช่นนี้”
เจ้าอาวาสกล่าวว่า
“ฮูหยินเดินทางมาที่นี่ด้วยความยากลําบาก โปรดเข้าวัดเพื่อดื่มชาก่อน!”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้าและสั่งว่า
“ไปเชิญคุณหนูทั้งหมดลงมาจากรถมาด้วย”
สาวใช้ผู้นั้นทําตามคําสั่งทันที โดยรีบเดินลงมาจากบันไดและยืนรอที่หน้ารถม้า ขณะที่หลี่จางเล่อใช้ผ้าคลุมหน้าก่อนที่จะออกจากรถม้าด้วยการก้าวเท้าอย่างแผ่วเบา
จากนั้นเรือนร่างเพรียวบางของคุณหนูใหญ่ก็เยื้องย่างเข้ามาใกล้อย่างสุภาพและสง่างาม โดยสิ่งนี้ทําให้ฝูงชนที่อยู่โดยรอบรู้สึกเพียงว่ามีประกายสว่างวาบต่อหน้าต่อตา และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าหญิงสาวผู้นี้คือนางฟ้าจากสวรรค์จุติลงมาเกิดหรืออย่างไร?
แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นว่า คุณหนูผู้นี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร? แต่เมื่อได้เห็นแค่เพียงเครื่องแต่งกายกับรูปร่างที่งามสง่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ฝูงชนถอนหายใจออกมาด้วยความชื่นชม
เดิมที่พวกเขาคิดว่ามีเพียงแต่คุณหนูท่านนี้ผู้เดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่กลับพบว่า ยังมีคุณหนูอีกสามคนอยู่ในรถม้าอีกคันทางด้านหลัง โดยที่ทั้งสามคนต่างก็มีผ้าปกคลุมใบหน้าเช่นเดียวกัน
ขณะนี้ผู้คนต่างก็กําลังเบียดเสียดเพื่อที่จะชื่นชมความสง่างามของพวกนางให้ได้ชัดเจนที่สุดด้วยตาของพวกเขาเอง
โดยที่ผู้คนต่างก็ทราบดีว่าคู่ครองที่เหมาะสมกับพวกนางนั้นควรจะเป็นเชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็บุตรหลานจากตระกูลที่ร่ํารวยและมีอิทธิพลในเมืองหลวง แม้กระนั้นพวกเขาก็ต้องการเห็นให้เป็นบุญตาสักครั้ง
แต่น่าเสียใจที่ใบหน้าของคุณหนูทั้งหมดต่างก็ถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมทุกคน และแม้ว่าจะพอเดาได้ว่าพวกนางล้วนแล้วแต่มีความงดงาม แต่ก็ไม่ทราบว่าหญิงสาวเหล่านี้มีหน้าตาเป็นอย่างไร
ระหว่างทางเข้าไปในวัดช่างเงียบสงบและร่มรื่น โดยเจ้าอาวาสกล่าวว่า
“ทางวัดได้จัดเตรียมพื้นที่เอาไว้รับรองฮูหยินและบรรดาคุณหนูแล้ว ซึ่งที่พักแห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวางและเป็นพื้นที่สงบเงียบ โดยแยกออกจากบริเวณวัดด้วยกําแพงแบบปิด ดังนั้นจึงมิมีผู้ใดสามารถมารบกวนท่านได้”
ฮูหยินใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า
“ข้าซาบซึ้งกับสิ่งที่ท่านนักบวชเมตตาต่อพวกเรา ครั้งนี้นับว่าลําบากท่านแล้ว”
การมาสวดมนต์ขอพรในครั้งนี้พวกนางต้องอยู่ที่วัดเป็นเวลาถึงสามวัน ดังนั้นหลี่เสี่ยวหรันจึงได้ส่งทหารองครักษ์เป็นจํานวนมากมาอารักขาโดยเฉพาะ ซึ่งกระจายกําลังอยู่บริเวณโดยรอบที่พักที่พวกนางพักอาศัยอยู่เพื่อความปลอดภัย
แต่ในความเป็นจริงก็คือมันเป็นกังวลมากเกินไป เพราะทุกครั้งที่มีผู้หญิงในชนชั้นสูงมาสวดมนต์ ทางวัดจะให้พักอาศัยในสถานที่ที่มิดชิดที่สุดอยู่แล้ว ซึ่งโดยปกติแล้วบุคคลภายนอกจะไม่สามารถเข้าไปได้และเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดปัญหาขึ้น
เมื่อเข้ามาถึงที่พักแล้วฮูหยินใหญ่ก็ต้องการใช้ห้องสวดมนต์ส่วนกลางเป็นการส่วนตัวสําหรับการทําสมาธิเพื่ออ่านพระคัมภีร์ ดังนั้นจึงสั่งให้ทุกคนไปที่ห้องของตนเองและพักผ่อน
หลี่จางเล่อมองไปที่หลี่เว่ยหยางและกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า
“น้องสามเราควรไปดูที่พักกันก่อนจะดีหรือไม่?”
หลี่เว่ยหยางรู้สึกชื่นชมคุณหนูใหญ่ผู้นี้มากเสียเหลือเกิน แม้ในช่วงเวลานี้นางก็ยังคงทําตัวเป็นมิตรและจิตใจดี แต่สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่ายุทธวิธีของศัตรูผู้นี้มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน เว่ยหยางจึงพยักหน้าอย่างยิ้มแย้มและกล่าวว่า
“เชิญพี่ใหญ่ก่อน!”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาทั้งสองคนแล้ว หลี่ฉางซีก็รู้สึกได้เพียงแค่ความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านไปถึงกระดูกสันของตนเอง จึงรีบดึงหลี่ฉางเซียวเข้ามาหาและพากันเดินจากไป
ที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของห้องเก็บพระคัมภีร์ โดยหันหน้าไปทางทิศใต้มีกําแพงอิฐสีเทาสูงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน เพื่อเป็นการป้องกันเสียงและสิ่งรบกวนจากภายนอก
ด้านนอกของที่พักมีสวนขนาดใหญ่ ซึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้ที่มีลําต้นสูงใหญ่มากมายหลากหลายสายพันธุ์ อีกทั้งยังมีดอกไม้และใบหญ้าเขียวชอุ่มอยู่ที่บริเวณลานหิน ซึ่งมันทําจากหินหายาก จากนั้นก็มีเส้นทางคดเคี้ยว ที่นําไปสู่จุดที่เงียบสงบทําให้จิตใจรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
ตอนนี้แม่นมหลินกําลังวุ่นวายอยู่กับการสั่งให้สาวใช้ขนย้ายกระเป๋าเดินทางของบรรดาคุณหนูทั้งหมดเข้ามาในที่พัก ซึ่งมองดูแล้วช่างน่าปวดหัวยิ่งนัก
เมื่อเห็นบรรดาคุณหนูทยอยเดินเข้ามา แม่นมหลินก็รีบโค้งคํานับด้วยความอ่อนน้อม
“คุณหนูใหญ่ บ้านพักนี้มีห้องใหญ่อยู่หนึ่งห้อง และยังมีห้องเล็ก ๆ อีกเจ็ดถึงแปดห้อง
ดังนั้นห้องใหญ่นี้คงจะต้องเป็นห้องสําหรับนายหญิง สําหรับคุณหนูใหญ่ก็จะพักอยู่คนเดียว
โดยที่คุณหนูสามก็จะพักอยู่คนเดียวเช่นกัน ส่วนคุณหนูสีกับคุณหนูห้าคงจะต้องพักอยู่ด้วยกัน
และซื่อหยินเหนียงกับจิวหยินเหนียงก็จะพักรวมกันอยู่อีกห้องนึ่ง” และเมื่อกล่าวเช่นนี้แล้วแม่นมหลินก็หันไปมองซื่อหยินเหนียง
ขณะที่ซื่อหยินเหนียงยิ้มพลางกล่าวว่า
“ข้าไม่ใช่คนเรื่องมากอะไร สําหรับข้าแล้วอย่างไรก็ได้ มิมีปัญหา”
นางกล่าวขณะที่ใบหน้าของจิวหยินเหนียงยังคงเรียบเฉยโดยไม่มีการคัดค้านแต่อย่างใด
หลี่เว่ยหยางกวาดสายตามองโดยรอบบริเวณที่พักแห่งนี้ที่มีไว้สําหรับรับรองแขกที่มาวัดเพื่อสวดมนต์ ขณะที่คาดเดาว่าเจ้าอาวาสผู้ชราคงจะส่งคนมาทําความสะอาดทุกวัน ดังนั้นเมื่อมองดูแล้วจึงสะอาดสะอ้านมากเป็นพิเศษ
มีทางลูกรังเล็ก ๆ ในบริเวณลานของที่พักและพื้นผิวปูด้วยหินสี ส่วนที่ด้านหน้าห้องโถงมีต้นสนสีเขียวเข้มที่ลําต้นค่อนข้างสูงที่ตั้งตรงซึ่งมันเต็มไปด้วยความร่มรื่นและมีชีวิตชีวา
เมื่อมองจากบริเวณด้านหน้าประตูของห้องพระประธานจะเห็นโต๊ะที่มีกระถางธูป และหากหันหน้าไปทางประตูกลางจะเห็นโต๊ะพร้อมด้วยกระถางธูป โดยมีการแขวนรูปเจ้าแม่กวนอิมที่สวมชุดขาวไว้ด้วย
อีกทั้งยังมีเชิงเทียนทองเหลืองที่ส่องประกายอร่ามอยู่ด้านข้างแจกันเคลือบรูปม้าหยกขาวถูกจัดวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ และด้านหน้าพรมมีเบาะรองนั่งสีแดงที่เตรียมเอาไว้สําหรับพุทธศาสนิกชนที่มาสวดมนต์ขอพร