ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 84.4
ตอนที่ 84-4 พบกันโดยบังเอิญ
เมื่อนึกถึงบ้านตระกูลหลี่ขึ้นมาทันใดนั้นใบหน้าอันงดงามประหนึ่งดอกไม้แรกแย้มที่เปล่งประกายราวกับไข่มุกก็ผุดขึ้นมาในมโนนึกของนักบวชหนุ่มขณะที่เดินผ่านประตูอารามทําให้เขาถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
โอว…ผู้หญิงเป็นอันตราย…เป็นมาร….!
หัวเป่าเจิ้นไม่ทราบถึงความคิดของนักบวชหนุ่มขณะที่เหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและเดินตามทางที่นําไปโดยนักบวชหนุ่มผู้นี้
ในเวลานี้หลี่เว่ยหยางและหัวเป่าหยุได้เดินออกไปจากบริเวณสวนแล้วและกําลังมุ่งหน้าไปยังวิหารเหลาฮันถังที่ประตูอีกด้านหนึ่งของวิหารหลังนี้
โดยด้านในวิหารเหลาฮันถังนั้นได้แขวนโคลงคู่เอาไว้ด้วยบรรทัดแรกที่เขียนเอาไว้ว่า
“ห้าร้อยอรหันต์ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เป็นมงคล?”
ส่วนบรรทัดที่สองนั้นเขียนว่า
“ทั้งสามโลกธาตุนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นภาพลวงตาหรือเป็นความจริง”
เมื่อมองผ่านเข้าไปจะพบพระอรหันต์ห้าร้อยองค์ถูกจัดวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย ซึ่งแต่ละองค์มีท่าทางการแสดงออกที่แตกต่างกัน ขณะที่หลเว่ยหยางจ้องมองไปยังรูปปั้นพระอรหันต์เหล่านี้อย่างลืมตัวราวกับว่าเธอรู้สึกสนใจมาก
“เซียนจู ทองคํา เงินและอัญมณีที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้นั้นท่านคงใช้จ่ายไปมากแล้วสินะ”อยู่ดี ๆทั่วเป่าหยูกกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
หลี่เว่ยหยางไม่คิดว่าเขาจะกล่าวถึงเรื่องนี้จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาพร้อมกับมีร่องรอยของความประหลาดใจในดวงตาสีดําสนิทของหญิงสาว
ทั่วเป่าหยยิ้มและกล่าวอีกว่า
“เจ้ากําลังต่อสู้กับคนในครอบครัวของตนเอง สิ่งซึ่งสําคัญที่สุดคือเครือข่ายและการติดต่อ ในขณะที่ผู้ติดต่อเหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาเงินเพื่อให้ภารกิจสามารถผ่านพ้นไปได้ เพื่อที่เจ้าจะได้สามารถมีรากฐานที่มั่นคงในบ้านตระกูลหลี่ได้อย่างรวดเร็วดังนั้นข้าคิดว่าเจ้าคงจะใช้ทรัพย์สินไปแล้วมิใช่น้อย”
หลีเว่ยหยางเลิกคิวพลางหัวเราะเยาะก่อนที่จะกล่าวว่า
“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง สิ่งที่ฝ่าบาททรงพระราชทานให้ข้าเป็นของบรรณาการมากมายที่ไม่สามารถขายได้ส่วนทองคําที่มีประโยชน์เหล่านั้นก็ถูกใช้ไปมากมายแล้วเช่นกัน”
“เงินทองเหล่านั้นเป็นสิ่งที่สามารถหมดไปได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง” หัวเป่าหยูกล่าวเบา ๆ อีกว่า
“เจ้าสามารถส่งคนที่เชื่อถือได้ไปที่เมืองเฉียวเพื่อรับสินค้าโดยเฉพาะผ้าไหมชั้นดีจากทางตอนใต้เพราะช่วงนี้ผู้คนนิยมซื้อผ้าไหมจํานวนมาก และนี่เป็นธุรกิจที่สามารถทํากําไรได้”
สิ่งที่ทั่วเป่าหยูแนะนําคือโอกาสทางธุรกิจที่มีความสําคัญมาก เพราะรายได้จากการค้าผ้าไหมนั้นมีมูลค่ามากกว่าทองคําหลายล้านเหรียญ
แต่มันยากสําหรับหลี่เว่ยหยางที่จะทําได้ เพราะคนรอบตัวนางที่สามารถไว้วางใจได้นั้นมีไม่มากนัก
ราวกับว่าหัวเป่าหมูสามารถล่วงรู้ความคิดของนางขณะที่เขายิ้มและกล่าวว่า
“หากเจ้าไว้ใจข้า..ข้าจะช่วยซื้อให้”
หลี่เว่ยหยางรู้สึกสงสัยมากจึงรีบเอ่ยถามว่า
“เหตุใดท่านจึงต้องการช่วยข้า?”
หัวเป่าหยยิ้มก่อนที่จะโต้ตอบกลับไปว่า
“มิต้องคิดมาก ข้าเพียงต้องการขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือในครั้งที่แล้ว”
แต่ความช่วยเหลือของนางในครั้งที่แล้วนเขาได้ตอบแทนแล้ว เมื่อหลี่เว่ยหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในขณะที่นางกําลังอําปากเพื่อปฏิเสธ ผู้ใดจะทราบว่าทั่วเป่าหยูจะกล่าวว่า
“ด้านหน้าเป็นห้องโถงใหญ่ เราเข้าไปดูกันเถิด”
รูปลักษณ์ของบริเวณห้องโถงใหญ่มีความพิเศษ โดยมีขั้นบันไดหยกขาว และที่คานเป็นกระเบื้องเคลือบสีอีกทั้งยังมีการแกะสลักที่ต้นเสาและทาด้วยสีทองกับสีเขียวหยก ซึ่งมันดูขัดแย้งกันแต่กลับกลายเป็นบรรยากาศ ที่น่าเลื่อมใสได้อย่างไม่น่าเชื่อ
และเมื่อเดินผ่านสองข้างทางจะเห็นว่ามีโคลงหลายคู่ แต่ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนหากไม่ได้เข้าไปเพ่งดูใกล้ ๆ และมีเพียงคู่ที่อยู่ตรงทางเข้าหลักเท่านั้นที่น่าสนใจซึ่งเป็นคู่ที่อยู่ใกล้กับบริเวณประตูโดยบรรทัดแรกเขียนว่า
“อย่าทําชั่ว จงทําแต่ความดี เพราะสุดท้ายแล้วจะมีผลกรรมทั้งความดีและความชั่วในที่สุด”
ทันใดนั้นด้วยความบังเอิญทั่วเป่าหยูกับหลี่เว่ยหยางก็ได้เผชิญหน้ากับหัวเป่าเจิ้น ทําให้ในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกประหลาดใจ…
ในความเป็นจริงก่อนที่หลี่เว่ยหยางจะเห็นหัวเป่าเจิ้นนั้น เขาได้สังเกตเห็นนางแล้ว นอกจากนั้นเขายังได้เห็นอีกว่าหลี่เว่ยหยางกําลังกระซิบกระซาบกับหัวเป่าหยู ซึ่งมันดูเหมือนว่าพวกเขากําลังสนใจซึ่งกันและกัน
และยังแอบเห็นอีกว่าในบางครั้งรอยยิ้มของนางนั้นเบ่งบานจนเผยให้เห็นฟันสีขาวพร้อมกับน้ําเสียงที่ช่างอ่อนหวานและไพเราะน่าฟังมาก
แต่เมื่อได้เผชิญหน้ากับเขาการแสดงออกของนางกลับเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ซึ่งในสายตาของผู้อื่นทั่วเป่าเจิ้นอาจจะดูเหมือนเป็นคนใจกว้าง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนใจคอคับแคบโดยเฉพาะเมื่อเห็ นรูปลักษณ์ที่ดู “รักใคร่” กันของสองคนนี้
รอยยิ้มที่แย้มออกมาขณะที่คิดว่ามีเพียงตนเองเท่านั้นที่สามารถเชิดหยิ่งให้กับหลี่เว่ยหยางได้แต่ตอนนี้มันกลับเป็นอีกฝ่ายที่ทํากับเขาก่อน!
ซึ่งหากหลี่เว่ยหยางมีใจให้กับคนอื่นก็คงจะไม่เป็นไร แต่คนที่นางชอบคือคนที่หัวเป่าหยูดังนั้นหัวเป่าเจิ้นจึงมองว่าน้องชายคนนี้จะเป็นศัตรูของเขาตลอดไป โดยทั่วเป่าเจิ้นก็อดไม่ได้ที่จะแอบเกลียดหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ด้วยเช่นกัน
แต่หลังจากนั้นเขาก็พยายามตั้งสติ แม้ว่าจะเกลียดหัวเป่าหยุมากสักเพียงใดแต่เขาก็ยังดึงจิตวิญญาณของตนเองออกมาทําให้เห็นได้อย่างชัดว่าเขาเป็นคนที่ตีสองหน้าได้เก่งกาจยิ่งนัก
ท่ามกลางความเห็นต่างของชายทั้งสองคนโดยคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความอิจฉากับอีกคนหนึ่งที่เต็มไปด้วย ความประหลาดใจ ทันใดนั้นองค์ชายสามก็ได้กล่าวว่า
“น้องเจ็ดมาที่นี่ได้อย่างไร?”
หลังจากเหตุการณ์ในครั้งที่แล้วหัวเป่าหยูก็ได้เห็นความทะเยอทะยานของหัวเป่าเจิ้นอย่างชัดเจนแล้วจึงกล่าวโดยไม่ใส่ใจกับรูปลักษณ์ที่เป็นมิตรอีกต่อไปด้วยรอยยิ้มทันทีว่า
“ข้ามาที่นี่เพื่อสวดมนต์อ้อนวอนในนามของพระมารดาและได้พบกับเซียนจโดยบังเอิญ”
จากนั้นดวงตาของทัวเป่าเฉินก็ตกลงไปที่หลี่เว่ยหยางตามธรรมชาติ ขณะที่เห็นว่าหลี่เว่ยหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เป็นไปได้หรือไม่ที่องค์ชายสามมาที่นี่เพื่อทําสมาธิ?”
แน่นอนว่าหัวเป่าเจิ้นไม่ได้มาที่นี่เพื่อทําสมาธิ แต่ที่เขามาวัดในวันนี้ก็เพราะได้ยินว่าตระกูลหลี่มาถึงที่นี่แล้วจึงติดตามพวกเขามา ยกเว้นเมื่อเขามาถึงที่นี่เขาก็ค้นพบเขาเองก็ไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่อตามหาหลฉางเล่อหรือไม่หรือถือโอกาสไปดูหลี่เว่ยหยาง
จริงอยู่ที่หลี่จางเล่อมีความงดงามเหมือนพระจันทร์ที่ส่องแสงอย่างโดดเด่นท่ามกลางมวลดอกไม้แต่ในใจของหัวเป่าเฉินนั้นคนที่เขาเฝ้าแต่นึกถึงอยู่ตลอดเวลาคือหญิงสาวอีกคน
โดยที่หน้าตาของคน ๆ นั้นไม่ได้มีความงดงามเท่ากับพี่สาว อีกทั้งอารมณ์ของนางก็ช่างโหดร้ายเหมือนกับหมาป่าโดยไม่มีแม้แต่หลักศีลธรรมขณะที่ตอนนี้ยังแสร้งทําเป็นพูดจาดีกับเขาต่อหน้าชายที่นางกําลังสนใจอีก
โดยปกติแล้วสิ่งที่หัวเป่าเจิ้นทํานั้นจะผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีและเหมาะสม ซึ่งมีเพียงคนผู้นี้เท่านั้นที่สา มารถทําให้เขารู้สึกสับสนได้อย่างง่ายดาย
ความจริงก็คือหากหลี่เว่ยหยางยังคงเห็นหัวเป่าเจิ้นมีความสําคัญเช่นเดียวกับที่นางทําในชาติที่แล้ว มันก็จะทําให้เขารู้สึกว่าตนเองอยู่เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งทั่วเป๋าเงินก็คงจะไม่ได้ใส่ใจนางมากนัก
แต่เป็นเพราะตอนนี้นางมักจะแสดงท่าที่ต่อต้านเขาอยู่ตลอดเวลา และทําถึงขั้นที่หันไปสนใจผู้ชายคนอื่นมันจึงช่วยไม่ได้ที่ตะทําให้เขาเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะ
อย่างไรก็ตามเหตุใดหลี่เว่ยหยางจึงสนใจทั่วเป่าหยู! หัวเป่าเจิ้นรู้สึกสับสนมากขณะที่กําหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น!