ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 86.1
ตอนที่ 86-1 คุณหนูยังอยู่ในห้อง
โม่ฉุมองไปที่ไปจอด้วยความหวั่นวิตกและยังคงอยู่ในอาการตกใจก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้นางออกกลับออกมาแล้วและกําลังเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องของตนเองแต่เมื่อพบว่าไฟไหม้จึงวิ่งออกมาข้างนอกเหมือนกับคนอื่น ๆ
และแม้ว่าจะมีคนมากมายอยู่บริเวณนี้ แต่นางก็ไม่พบหลี่เว่ยหยาง!
“คุณหนูยังอยู่ในห้อง!” โม่จูร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเป็นที่สุด
ไปจ่อร้องถามอีกครั้ง:
“คุณหนูยังอยู่ข้างในหรือ?!! ”
ไปจ่อผลักร่างของโม่ฉออกไป และรีบร้อนวิ่งเข้าหากองไฟ เมื่อโม่ฉเห็นเปลวไฟที่ลุกโชนและทั้งห้องถูกกลืนไปด้วยทะเลเพลิงจึงกระชากไปจ่อกลับมาอย่างรุนแรง
“นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? เจ้าจะวิ่งเข้าไปข้างในได้ยังไง ในเมื่อขณะนี้ไฟมันลุกท่วมไปหมดแล้ว!”
“แต่คุณหนู ยังอยู่ข้างใน!” หลังจากไปจ่อตั้งสติได้จึงจับแขนเสื้อของโม่นูวิ่งหาฮูหยินใหญ่ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด:
“ฮูหยินใหญ่, คุณหนูสามยังอยู่ข้างใน! บ่าวขอร้องให้ฮูหยินใหญ่ช่วยส่งคนไปช่วยคุณหนูด้วย!”
รอยยิ้มที่เย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่แวบหนึ่ง แต่ต่อหน้าคนอื่น ๆ นางกลับแสดงความกังวลพร้อมกับกล่าวว่า:
“เหตุใดพวกเจ้าทุกคนจึงไม่ช่วยคุณหนูสามออกมา?!”
หลังจากคํากล่าวของฮูหยินใหญ่จบลง แม่นมและสาวใช้ทําได้เพียงมองหน้ากันโดยไม่รู้ว่าจะทําอย่างไรดี
ไฟไหม้ครั้งใหญ่เช่นนี้ ถ้าพวกเขากลับเข้าไปข้างใน พวกเขาก็คงจะต้องดับอนาถอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าทุกคนยังคงทําท่าทีเฉยเมยไปจอจึงกัดฟันพร้อมกับหันหน้าและวิ่งไปทางกองเพลิงแต่ผู้คนรอบข้างสามารถคว้าร่างของนางเอาไว้ได้ทัน:
“อย่าวิ่งเข้าไปข้างใน! เจ้าไม่เห็นหรือว่าบ้านพักกําลังจะถล่มลงมา?”
ทุกคนนิ่งเงียบพร้อมกับเฝ้าดูเปลวไฟที่ไหม้ลุกลาม และบรรดาสาวใช้ต่างก็จ้องมองไปยังไฟที่โหมกระหน่ําด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ใบหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยเขม่าควันไฟสีดําแต่คนเหล่านั้นไม่ได้ร้องไห้หรือกรีดร้องออกมาโดยทําเพียงมองดูเปลวไฟที่ลุกโชนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าภาพเปลวไฟที่ลุกไหม้กําลังสะท้อนอยู่ในดวงตาของหลี่จางเล่อด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ซึ่งมันทําให้ใบหน้าอันงดงามของนางที่สามารถทําให้อาณาจักรและเมืองต่าง ๆล่มสลายกลายเป็นปีศาจพร้อมกับรัศมีที่น่าหวาดกลัว
เปลวไฟยังคงลุกไหม้มากขึ้นเรื่อย ๆ และหลังจากนั้นไม่นานหลังคาก็ยุบตัวลง ส่งผลให้เปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศราวกับดอกไม้ไฟ และมีแสงไฟสาดมายังใบหน้าที่บ่งบอกถึงความหวาดกลัวของไปจอกับโม่
ขณะที่หลี่จางเล่อแทบไม่สามารถระงับความสุขอันท่วมทุนของตนเองได้ เพราะต่อจากนี้ไปนางจะไม่ต้องเห็นหน้าของหลี่เว่ยหยางอีกแล้ว และจะไม่ถูกยั่วยุจากเด็กสาวผู้นี้อีก!
ทันใดนั้นจ้าวหยูก็วิ่งออกมาจากทะเลเพลิงโดยทั้งร่างนางมีเปลวไฟปกคลุมไปทั่วทั้งร่างและมีหลเว่ยหยางอยู่ด้านหลัง
ตอนนี้ทุกคนเงียบกริบจนกระทั่งสาวใช้คนหนึ่งร้องดังขึ้น
“คุณหนูสาม! คุณหนูสามออกมาแล้ว!”
การช่วยชีวิตคนเป็นกุศลมากกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ต่อมาคนที่กําลังดับไฟก็รีบสาดน้ําใส่จ้าวหยูขณะที่สาวใช้ผู้นี้ล้มตัวลงกับพื้นเพื่อกลิ้งตัวไปกับพื้น และในไม่ช้เปลวไฟก็ดับมอดลงโดยที่ผมเผ้ากับเสื้อผ้าของนางเปียกโชกและถูกเผาไหม้อีกทั้งใบหน้าของนางยังปกคลุมไปด้วยขี้เถ้า
ขณะนี้สาวใช้กําลังนอนอยู่บนพื้นด้วยอาการหายใจติดขัด แต่หลี่เว่ยหยางกลับไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดเลยนางได้เข้ามาตรวจสอบร่างกายของจ้าวหยู เมื่อเห็นว่าสาวใช้ไม่ได้รับบาดเจ็บนอกจากรอยขีดข่วนเล็กน้อยหลี่เว่ยหยางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง ขณะที่การแสดงออกของฮูหยินใหญ่ดูอบอุ่นและรู้สึกยินดีจนออกนอกหน้า:
“เว่ยหยางเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? เจ้าทําให้โม่งูกับไปจอกังวลจนแทบจะเสียสติ!”
ไปจอและโม่ฉทิ้งทุกอย่างและวิ่งเข้าไปหาหลี่เว่ยหยางด้วยความรีบร้อน พร้อมกับมีน้ําตาคลอเบ้าและยิ้มในเวลาเดียวกัน
หลเว่ยหยางมองไปที่ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของฮูหยินใหญ่และสบประมาทภายในใจ แต่ใบหน้าของเด็กสาวไม่ได้แสดงอาการอันใดออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย:
“ลูกทําให้ทุกคนต้องเป็นกังวล แต่เว่ยหยางยังปลอดภัยดีมต้องเป็นห่วง”
เมื่อเห็นสิ่งนี้หลี่จางเล่อจึงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก และก้มลงไปมองสาวใช้ที่ชื่อจ้าวหมูด้วยความเกลียดชังเพราะหากสาวใช้ผู้นี้ไม่เข้ามาแทรกแซง หลี่เว่ยหยางก็คงจจะไม่มีโอกาสมาลอยหน้าลอยตาเช่นนี้แต่หญิงงามผู้เลอโฉมก็ยังคงแสงกล่าวว่า
“เป็นเรื่องดีที่ได้ยินเช่นนี้ มิเช่นนั้นแม่ใหญ่ก็มิทราบว่าจะอธิบายเรื่องนี้กับท่านย่าว่าอย่างไร?”
ขณะนี้ไฟยังคงลุกโชนอย่างต่อเนื่อง หลี่เว่ยหยางเหลือบมองไปยังไหล่ของตนเองที่ถูกเปลวไฟเผาไหม้จนได้รับบาดเจ็บทําให้การแสดงออกของนางดูเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้น
หากนางเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ที่ไม่คาดคิดนี้ไม่ว่าจะเป็นท่านย่าใหญ่หรือบิดาก็ไม่มีผู้ใดสามารถกล่าวอะ ไรได้ท้ายที่สุดทุกคนก็คงเห็นว่าฮูหยินใหญ่สั่งให้ทุกคนเสี่ยงชีวิตและดับไฟ
แต่ผู้คนทั้งหมดวิ่งกรูหนีตายออกไปข้างนอกและมีเพียงนางเท่านั้นที่โชคร้ายถูกไฟคลอกตาย แล้วจะสามารถโทษผู้ใดได้? แต่นางอดไม่ได้ที่จะคิดว่าเหตุการณ์เพลิงไหม่ในครั้งนี้เป็นเพราะจิวหยินเหนียง?
ทําให้การจ้องมองของหลี่เว่ยหยางค่อย ๆ เคลื่อนไปที่จิวหยินเหนียง ทําให้หญิงสาวผู้นี้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อตนเองถูกมองเช่นนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลง
ไม่ ต้องมีบางอย่างที่ซับซ้อนมากกว่านี้!
หลี่เว่ยหยางนึกถึงความเป็นไปได้ทุกอย่างขณะที่นางกวาดสายตามองทุกคน โดยสิ่งที่เห็นคือฮูหยินใหญ่พยายามสงบสติอารมณ์สําหรับหลี่จางเล่อกําลังแสดงสีหน้าผิดหวังส่วนซื่อหยินเหนียงกังวลเกี่ยวกับการพันแผลที่แขนของหลี่ฉางซี
แต่หลั่ฉางเซียวกลับมองไปยังชุดที่เว่ยหยางสวมใส่ ทําให้สังเกตเห็นผิวของพี่สามมีรอยไหมปรากฏให้เห็น จึงจ้องมองอย่างเป็นห่วง ขณะที่จิวหยินเหนียงไม่กล้ามองมาที่นางโดยตรง…
ทุกอย่างต้องเชื่อมต่อกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง! ตอนนี้โลกทั้งใบดูเหมือนจะกําลังหมุนรอบตัวนางโดยทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้ต้องสงสัย!
ขณะนี้เจ้าอาวาสรีบวิ่งมาหาพวกนาง แม้ว่าไฟกําลังจะมอดดับแล้ว แต่พื้นที่กว่าครึ่งที่ถูกไฟไหม้ก็ส่งกลิ่นเหม็นฉุนที่ทําให้ผู้คนแทบจะหายใจไม่ออกลอยฟังอยู่ในอากาศพร้อมกับร่องรอยของขี้เถ้าและเขม่าควันอีกทั้งยังมีน้ําที่เพิ่งนองไปทั่วบริเวณ
เจ้าอาวาสรู้สึกกังวลใจจนรู้สึกหงุดหงิดจึงกล่าวกับผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังว่า
“ทําไมพวกท่านจึงไม่รีบดับไฟ”
พระรูปหนึ่งรีบวิ่งไปรายงาน:
“เรียนท่านเจ้าอาวาสทราบ เนื่องจากผู้ที่อยู่ในที่พักแห่งนี้ล้วนเป็นสตรีสูงศักดิ์ ดังนั้นเราไม่สามารถพรวดพราดเข้าไปได้ และเรามิทราบว่าไฟเริ่มต้นจากจุดไหน บางทีอาจจะเป็นเพราะสาวใช้ที่ก่อไฟเพื่อหุงหาอาหารในครัวโดยมิทันได้ระวัง หรือเทียนในห้องล้ม…”
จังหวะนั้นหลี่เว่ยหยางเหลือบมองและส่งสัญญาณไปยังจ้าวหยู ขณะที่สาวใช้สามารถเข้าใจทันทีและใช้ประโยชน์จากความจริงที่ว่าทุกคนกําลังกระสับกระส่ายและฟุ้งซ่าน เพื่อกลับไปที่ซากเถ้าถ่านอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานจ้าวหยูก็กลับมาและกระซิบ:
“คุณหนู! ต้นเพลิงมาจากห้องของท่านและลุกไหม้อย่างรุนแรง ดูเหมือนว่ามีใครบางคนราดน้ํามันไว้บริเวณประตูเพื่อวางเพลิง…เอ่อ
เมื่อได้ยินคํากล่าวของจ้าวหยู การแสดงออกทางสีหน้าของหลี่เว่ยหยางเปลี่ยนไปและกล่าวว่า:
“กล่าวต่อไป!”
จ้าวหยกล่าวว่า:
“…คุณหนู ไฟนี้เกิดขึ้นโดยเจตนาของใครบางคน บ่าวค้นพบคราบน้ํามันอยู่ที่หลังห้องด้วย!”
จากนั้นการจ้องมองด้วยอาการตกตะลึงของฮูหยินใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่จ้าวหยู หลังจากนั้นนายหญิงใหญ่ก็กล่าวว่า:
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่? เป็นไปได้ไหมที่เราทําให้ใครบางคนขุ่นเคืองและนี่คือการแก้แค้นของพวกเขา? แต่โชคดีที่มิมีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือล้มตาย ไม่อย่างนั้นคงจะต้องมีการเสียชีวิตในการสร้างกุศลครั้งนี้!”
เจ้าอาวาสกล่าวขอโทษซ้ําแล้วซ้ําเล่า ตอนนี้ไฟได้เผาทุกอย่างรวมถึงหลักฐานใด ๆ ไปหมดสิ้นแล้วดังนั้นแม้ว่าพวกเขาต้องการที่จะตรวจสอบก็คงไม่พบอะไรมากนัก เขากล่าวว่า:
“เรื่องนี้จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในเช้าวันพรุ่งนี้!!!”